รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 994 ข้าจะไปพบผู้นั้น!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 994 ข้าจะไปพบผู้นั้น!

บทที่ 994 ข้าจะไปพบผู้นั้น!

นางไม่ได้กล่าวออกมาอย่างชัดเจนแล้วหรือ?

“อย่าทำเช่นนี้ ผู้นั้นโหดเหี้ยมน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด หากพวกเจ้าไม่จากไปตอนนี้ เกรงว่าคงไม่อาจจากไปได้อีก!”

เด็กสาวเน้นย้ำถึงความน่าหวาดกลัวของผู้นั้น โน้มน้าวให้พวกหลี่จิ่วเต้าจากไปโดยเร็ว

ส่วนนาง…ไร้ทางหนีพ้น เพราะคนผู้นั้นมุ่งเป้ามาที่นาง

ไม่ว่านางจะหนีไปที่ใด ผู้นั้นก็จะไม่มีวันปล่อยนางให้รอดพ้น

“เหตุใดจึงต้องการจากไปเพียงนั้น? ใจเย็นลง ไม่ต้องรีบร้อน เข้ามาดื่มชาก่อนเถิด”

หลี่จิ่วเต้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับผู้นั้น มันไม่มีทางก่อปัญหาอันใดได้”

“จริงหรือ?”

เด็กสาวมองท่าทางสงบนิ่งของหลี่จิ่วเต้าด้วยสีหน้าแปลกประหลาด หรือว่านางจะพบเข้ากับยอดฝีมือผู้หนึ่งเข้าจริง ๆ?

ทว่าเมื่อนางมองดูหลี่จิ่วเต้าอย่างละเอียด กลับไม่พบสิ่งใดพิเศษ

ประเดี๋ยวก่อน!

ดวงตาของนางสว่างวาบขึ้น ไม่มีสิ่งใดพิเศษ นี่คือสิ่งพิเศษที่สุด!

นางสัมผัสไม่ได้ถึงความผันผวนของพลังวิญญาณในร่างหลี่จิ่วเต้า แต่นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร?

ปุถุชนธรรมดาจะสามารถท่องไปในจักรวาลดวงดาราได้เช่นไร?

พริบตานั้นเอง นางพลันรู้สึกว่าตนเองได้พานพบกับยอดฝีมือที่ไม่อาจจินตนาการถึง!

“ไม่จำเป็นต้องสงสัยเลย”

ลั่วสุ่ยจับมือเด็กสาวขึ้นมา “ไปกับพวกข้าเถิด ไม่มีผู้ใดแตะต้องเจ้าได้อีก”

เด็กสาวก้าวเข้ารถม้าด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

ทันทีที่เข้าไปในรถม้า นางก็ต้องตกตะลึง ภายในใจเต็มไปด้วยความสั่นสะท้าน

มองภายนอกแล้วรถม้าธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ทว่าภายในกลับเหนือชั้นถึงที่สุด เปี่ยมด้วยจังหวะเต๋าชั้นสูงไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง ทำให้นางรู้สึกเหมือนตนเองเป็นเพียงคนตัวจ้อยไม่มีความสำคัญแต่อย่างใด ประหนึ่งเมล็ดข้าวต่อหน้าดวงตะวันทั้งเก้า!

สวรรค์ นี่คือผู้ใดกัน?!

นางไม่อยากจะเชื่อ หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างแรง

ต้องรู้ไว้ว่านางไม่ใช่อ่อนแอ อยู่ถึงขั้นเจ็ดขอบเขตอิสระ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น นางยังคงรู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงตัวตนเล็กจ้อย!

จะให้นางเชื่อลงได้อย่างไร!

เกรงว่ากระทั่งอาจารย์ของนางยังไม่อาจถือครองจังหวะเต๋าเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน

“มาเถิด เชิญนั่งลง”

หลี่จิ่วเต้ายิ้มจาง ๆ เอ่ยเชื้อเชิญ เด็กสาวนั่งลงตามด้วยอารมณ์ซับซ้อน

“สวัสดี ข้าชื่อ…เย่ปู้ฝาน”

เขาแนะนำตนเอง เกือบจะบอกชื่อจริงออกไป ทว่านึกขึ้นได้ว่าตนเองอยู่ในรูปลักษณ์และตัวตนใหม่ ดังนั้นจึงกล่าวชื่อใหม่ออกมา

“เย่ปู้ฝาน…”

เด็กสาวทวนชื่ออีกครั้ง ในใจผิดหวังเล็กน้อย เดิมทีนางคิดว่าตนเองอาจได้พบกับหลี่จิ่วเต้าเข้าแล้ว

เมื่ออาจารย์กับนางแยกจากกัน อาจารย์บอกให้นางตามหาหลี่จิ่วเต้า จากนั้นก็ติดตามเขาเสีย

นางรู้เรื่องราวเกี่ยวกับหลี่จิ่วเต้าเพียงน้อยนิด อาจกล่าวได้ว่าไม่รู้อะไรเสียเลยด้วยซ้ำ

ก่อนหน้านี้นางอาศัยอยู่กับอาจารย์ ทั้งชีวิตอยู่ในแดนพิสุทธิ์แห่งนั้นไม่เคยออกมาเลย

นางออกมาตามหาหลี่จิ่วเต้า ทว่ายังไม่ได้ทันได้เริ่มตามหาก็ถูกผู้นั้นพุ่งเป้าและไล่ตามอย่างไม่ลดละ

หากอาจารย์ไม่ทิ้งสมบัติจำนวนมากไว้กับนางจนสามารถใช้สกัดกั้นผู้นั้นได้ นางคงไม่อาจหลบหนีมาได้

ใช่แล้ว นางคือเฟิ่งหลวน

อาจารย์ยกย่องหลี่จิ่วเต้าเป็นอย่างมาก เช่นนั้นแล้วเขาจะต้องแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด

นางสัมผัสได้ถึงจังหวะเต๋าอันน่าตื่นตะลึงในรถม้า เดิมทีคิดว่าอาจจะได้พบเข้ากับหลี่จิ่วเต้าแล้ว

น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

คนเบื้องหน้าไม่ใช่หลี่จิ่วเต้า แต่เป็น…เย่ปู้ฝาน

“สวัสดี! ข้าชื่อเฟิ่งหลวน”

นางสงบอารมณ์ลง ก่อนจะแนะนำตนเอง

ขณะนั้นลั่วสุ่ยได้นำชาเข้ามารินให้

“เฟิ่งหลวน? นามดี”

หลี่จิ่วเต้าดื่มชาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มาดื่มชาเถิด”

“อืม…”

เฟิ่งหลวนยกถ้วยชาขึ้นมา รู้สึกวุ่นวายใจยิ่ง ไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งใด

นางหาได้สนใจชาในมือแม้แต่น้อย คิดว่าเป็นเพียงชาธรรมดา

ทว่าเมื่อยกชาขึ้นจิบ ความคิดทั้งหมดของนางพลันเลือนหายไป ความสนใจทั้งหมดมุ่งเป้าไปที่น้ำชา!

กลิ่นหอมของชากลมกล่อมเย้ายวนใจยิ่ง นางไม่เคยได้กลิ่นชาแบบนี้มาก่อน น้ำชาใสกระจ่าง ประหนึ่งกลั่นออกมาจากแก่นชีวิต เพราะมันเปี่ยมด้วยประกายชีวิตที่ทำเอานางยังอดตื่นตกใจเป็นอย่างมากไม่ได้

ด้านในมีใบชาลอยอยู่ เป็นสีมรกตเรียวยาว สิ่งนี้ทำให้นางตกตะลึงเสียยิ่งกว่าเดิม นี่มันใบชาอะไรกัน?

นี่เป็นชาวิถีสวรรค์อย่างนั้นหรือ?!

ม่านตาของนางเบิกกว้าง สัมผัสได้ถึงวิถีสวรรค์และกฎเกณฑ์บริสุทธิ์จากใบชา ใบชานี่เป็นวัตถุวิถีสวรรค์อย่างแท้จริง!

สวรรค์ เปลี่ยนวิถีสวรรค์ให้เป็นใบชา จากนั้นก็ชงเป็นน้ำ นี่คือตัวตนเช่นใดกัน ถึงกับสามารถทำสิ่งเหล่านี้ออกมาได้?!

นางไม่อาจจินตนาการได้เลย กระทั่งอาจารย์ของนางยังห่างไกลไม่อาจเทียบเคียงแม้แต่น้อย

ครานี้นางได้พบกับยอดฝีมืออย่างแท้จริง!

ไม่แปลกใจเลยที่ยอดฝีมือท่านนี้จะสงบนิ่งยิ่ง ไม่ได้ใส่ใจการไล่ตามของผู้นั้นเลย

นางข่มความตกตะลึงเอาไว้ ค่อย ๆ จิบชาเข้าปาก เพียงพริบตาเดียวนางก็เข้าสู่สภาพตระหนักรู้อย่างถึงที่สุด แสงต่าง ๆ เปล่งประกายออกมา ความเข้าใจในมหาเต๋าพุ่งทะยานทันที!

ขณะเดียวกัน อาการบาดเจ็บทั้งหมดบนร่างของนางก็พลันหายเป็นปลิดทิ้ง แก่นกำเนิดชีวิตเองก็พุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!

นี่เป็นเพียงแค่การจิบชาหนึ่งจิบเล็ก!

นางตกใจจนพูดไม่ออก!

ก่อนหน้านี้นางถูกผู้นั้นไล่ตามสังหาร แก่นกำเนิดชีวิตได้รับความเสียหายอย่างหนัก แม้ว่าลั่วสุ่ยจะส่งพลังเข้ามาในร่างของนางเพื่อทำให้อาการบาดเจ็บคงที่แล้ว

แต่นั่นก็เป็นเพียงชั่วคราว ไม่อาจขจัดได้อย่างสิ้นเชิง

หากอาศัยเพียงนาง ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ปีถึงจะฟื้นฟูตัวเองกลับมาได้

แก่นกำเนิดชีวิตได้รับบาดเจ็บ ถือเป็นอาการที่รักษาได้ยากที่สุด!

ทว่าเพียงแค่จิบชาไปเล็กน้อย อาการบาดเจ็บของนางกลับหายเป็นปลิดทิ้ง ซ้ำยังเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอย่างบ้าคลั่ง นี่มันเกินกว่าที่นางจะจิตนาการได้แล้ว!

อากัปกิริยาเหล่านี้ของเฟิ่งหลวนล้วนอยู่ในสายตาของหลี่จิ่วเต้า

ทว่าเขาไม่ได้คิดอันใดมาก เข้าใจว่าเฟิ่งหลวนถูกไล่ล่าสังหาร ตอนนี้สภาพจิตใจยังไม่ฟื้นตัวกลับมาดี

ชายหนุ่มลอบถอนหายใจ บนโลกยังคงมีความดำมืดอยู่เสมอ หาได้มีเพียงแสงสว่าง เรื่องนองเลือดเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน มีผู้คนจำนวนมากเกินคณาต้องมีชีวิตท่ามกลางความทุกข์เข็ญ

แน่นอนว่าเขาย่อมไม่อาจช่วยเหลือทุกคนได้ ทว่าหากได้พบ เขาย่อมไม่นิ่งดูดาย

“วางใจได้ ไม่มีผู้ใดสามารถไล่สังหารเจ้าได้อีก คนผู้นั้นเองก็ต้องชดใช้สิ่งที่ทำลงไป”

เขาหัวเราะแผ่วเบา ปลอบเฟิ่งหลวนให้ผ่อนคลายลง

“ข้าจะออกไปหาคนผู้นั้นเอง”

หลี่จิ่วเต้าลุกขึ้นเดินออกจากรถม้าไปยืนด้านหน้า

เขาให้ลั่วสุ่ยช่วยนำโต๊ะน้ำชาออกมา ก่อนนั่งลงจิบชาเพียงผู้เดียว รอให้คนผู้นั้นไล่ตามสังหารมา

ภายในรถม้า เฟิ่งหลวนจะยังไม่ผ่อนคลายได้อย่างไร รอยยิ้มที่ห่างหายไปนานปรากฏขึ้นบนหน้าของนาง

รอยอดฝีมือจัดการ คนผู้นั้นจะต้องไม่รอดอย่างแน่นอน!

“ดื่มชาเถิด ชาเย็นชืดแล้วจะมีรสไม่ดีนัก”

ลั่วสุ่ยเตือนเฟิ่งหลวน

เฟิ่งหลวนยกถ้วยชาขึ้นจิบเล็กน้อย

ลั่วสุ่ยยิ้ม “ดื่มช้า ๆ ลิ้มรสดี ๆ เช่นนี้จึงจะได้รสชาติของชาที่อร่อยสุด”

“ข้า…ข้าต้องการเก็บเอาไว้ดื่มในภายหลังอีก”

เฟิ่งหลวนเอ่ยเสียงแผ่ว

ชานี่พิเศษเกินไป นางไม่อย่างดื่มหมดภายในครั้งเดียว ต้องการเก็บเอาไว้ค่อย ๆ ดื่มในภายหลัง

ลั่วสุ่ยได้ยินแล้วก็หัวเราะออกมาทันที

“ดื่มเถิด ไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้”

นางกล่าว “คุณชายอนุญาตให้เจ้าดื่มชาแล้ว แสดงว่าเจ้าได้รับการยอมรับแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ อนาคตเจ้าย่อมไม่ขาดแคลน”

“อ๊ะ จริงหรือ?”

แต่ลั่วสุ่ยเอ่ยออกมาเช่นนี้ แสดงว่าในอนาคตนางจะได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่านี้หรือ?

“แน่นอน”

ลั่วสุ่ยยิ้มจาง ๆ นางติดตามคุณชายมานาน ย่อมรู้ลักษณะนิสัยคุณชายดี

คนที่คุณชายไม่ยอมรับ กระทั่งชาสักหยดยังไม่มีโอกาสได้ดื่ม คนที่คุณชายยอมรับ การดื่มชานับเป็นเพียงจุดเริ่มต้น หาใช่จุดสิ้นสุด

“ตกลง!”

ได้ยินลั่วสุ่ยตอบเช่นนั้น เฟิ่งหลวนไม่ลังเลอีกตอ่ไป ดื่มชาในถ้วยลงไปทีเดียว

เมื่อชาไหลลงสู่ท้อง ร่างกายของนางก็ร้อนผ่าวทันที ถูกความอบอุ่นอันไร้ที่สิ้นสุดห่อหุ้มทั่วทั้งร่าง และได้รับผลประโยชน์มหาศาลเกินจะจินตนาการได้ ความสามารถทุกด้านพุ่งทะยานขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!

ด้วยขอบเขตการฝึกฝนของนางแล้ว ยังสามารถทำให้ยกระดับขึ้นทุกด้านได้เช่นนี้

มหาเต๋าล้ำลึก หวนคืนสู่สามัญ ร่างกายมีเสียงแตกร้าว พรวดทะยานผ่านขั้นแล้วขั้นเล่า อุปสรรคระหว่างเขตแดนทลายลง นางก้าวข้ามขีดจำกัด บรรลุถึงขอบเขตล้ำขีด!

“นี่…!”

ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตกตะลึง แม้นางจะคิดเอาไว้แต่แรกแล้วว่าตัวเองจะได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทว่าระดับการพัฒนานี้ยังเกินความคาดหมายของนางมาก!

ขอบเขตล้ำขีด ตามคำบอกเล่าของอาจารย์แล้ว นี่คือขอบเขตที่ทลายขีดจำกัดอย่างแท้จริง หากคิดบรรลุถึง ก็นับว่ายากเป็นอย่างยิ่ง วัตถุภายนอกช่วยเหลือได้จำกัดเป็นอย่างมาก ต้องพึ่งพาตนเองเสียแทบทั้งหมด

หากใช้พลังบังคับเติมเข้ามา เช่นนั้นก็สามารถเข้าสู่ขอบเขตล้ำขีดได้ แต่นั่นแตกต่างอย่างมากจากการบรรลุขอบเขตล้ำขีดด้วยตนเอง แตกต่างจนไม่อาจเทียบกันได้อย่างสิ้นเชิง

“วัตถุภายนอกสามารถช่วยเหลือได้อย่างจำกัด นั่นไม่ใช่เพราะวัตถุภายนอกไม่อาจใช้การได้แต่อย่างใด…”

นางถอนหายใจออกมา

หาใช่ว่าวัตถุภายนอกไม่อาจใช้การได้ แต่เป็นเพราะความรู้ของอาจารย์นางยังคับแคบเกิน

ตอนนี้นางเป็นตัวอย่างที่ดีไม่ใช่หรือ?

เพราะชาถ้วยเดียว ถึงกับบรรลุขอบเขตล้ำขีด!

ชาถ้วยนี้ไม่เพียงแต่เติมพลังให้นาง ยังสามารถทำให้นางบรรลุขอบเขตล้ำขีด หลอมกลั่นอย่างต่อเนื่อง ฝึกฝนทุกด้าน ทำให้นางก้าวเข้าสู่ขอบเขตล้ำขีดอย่างแท้จริง!

นางรู้สึกเหลือเชื่อ ไม่อาจเข้าใจได้

หลังจากดื่มชาแล้ว นางก็เกิดความรู้สึกแปลกพิเศษขึ้นมา ประหนึ่งว่าตนเองได้ฝึกฝนผ่านกาลเวลาไร้ที่สิ้นสุด ฝึกทีละเล็กทีละน้อยจนบรรลุขอบเขตสามารถทลายขอบเขตได้ด้วยตนเอง!

ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดและพิเศษจริง ๆ เหนือเกินกว่าความเข้าใจของนาง

เห็นได้ชัดว่าในความเป็นจริงเพียงผ่านไปเพียงไม่ถึงชั่วอึดใจ นางยังไม่ได้ฝึกฝนแต่อย่างใด ทว่ากลับเกิดความรู้สึกว่าได้ฝึกฝนมายาวนานจนนับไม่ถ้วน ทะลวงผ่านขอบเขตแล้วขอบเขตเล่า

“แปลกประหลาดยิ่ง ไม่อาจทำความเข้าใจได้ ใช่หรือไม่?”

ลั่วสุ่ยยิ้ม รู้ว่าเฟิ่งหลวงสงสัยในสิ่งใด “อย่าใช้สามัญสำนึกมาพินิจคุณชาย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องปกติ”

ทุกอย่างที่คุณชายมอบให้ล้วนเหนือกฎเกณฑ์ ไม่อาจใช้สามัญสำนึกมาตัดสินได้ นางเคยประสบเรื่องเช่นนี้มามาก

“ต…ตกลง!”

หัวใจของเฟิ่งหลวนเต้นกระหน่ำ ไม่รู้จริง ๆ ว่านางได้พบเข้ากับยอดฝีมือเช่นใด!

ภายนอกรถม้า

หลี่จิ่วเต้ายังคงนั่งจิบชาอย่างสงบนิ่ง รอให้ผู้นั้นปรากฏตัวออกมา

เฟิ่งหลวนกล่าวว่าผู้นั้นไล่ตามมาอย่างรวดเร็วยิ่ง คาดว่าอีกไม่ช้าจะโผล่มา

ผลเป็นเช่นนั้นจริง เพียงชั่วอึดใจต่อมา จักรวาลดวงดาราพลันบิดเบี้ยว พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระกายไปทั่วผืนฟ้า

หลุมดำไร้ขอบเขตปรากฏพร้อมขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว กลืนกินทั่วท้องจักรวาลดวงดารา!

จากนั้นก็มีสิ่งมีชีวิตออกมาจากหลุมดำ

มันสูงถึงพันจั้ง ใบหน้าดุร้าย ไม่ใช่เผ่ามนุษย์ ร่างกายเต็มไปด้วยเกล็ดเย็นเยียบเรียบหนาแน่น ด้านบนศีรษะเปี่ยมด้วยเขาแหลมกลม ตรงหลังมีปีกกระดูกคู่หนึ่ง หางโค้งเป็นตะขอ ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตเผ่าใด

“มาแล้วหรือ?”

หลี่จิ่วเต้าแย้มยิ้มเล็กน้อย วางถ้วยชาในมือลง ก่อนจะมองสิ่งมีชีวิตที่ออกมาจากหลุมดำพลางกล่าวว่า “ข้ารอเจ้านานแล้ว”

สีหน้าของเขาสงบนิ่ง ดั่งบ่อน้ำโบราณที่ไร้คลื่นไหว

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท