ตอนที่ 425 หาเรื่องใส่ตัว
ผลการพิจารณาคดีถูกนำไปถวายแก่จักรพรรดิหย่งอันอย่างรวดเร็ว
ตอนที่อารมณ์ดีของจักรพรรดิหย่งอันทะยานขึ้นสูงเรื่อยๆ ในทุกวัน ก็มีเรื่องว้าวุ่นใจมาเยือนกะทันหันจึงพิโรธหนักมาก
นี่จะเห็นเขาดีใจไม่ได้เลยใช่ไหม
พระราชโองการสำหรับการจัดการฉางชุนโหวลงมาอย่างรวดเร็ว ริบบรรดาศักดิ์ เนรเทศไปยังชายแดน
ทรัพย์สินจวนโหวให้เติมสินเดิมที่ขาดไปของท่านหญิงหวาหยางก่อนและเป็นของสวี่ฟาง บุตรสาวคนโต ทรัพย์สินที่เหลือถึงจะเป็นของคลังหลวง
หยางซื่อภรรยาซึ่งแต่งหลังจากภรรยาเอกคนแรกเสียชีวิตไปพฤติกรรมเลวร้าย ตัดสินลงโทษตามระดับความรุนแรงของความผิดและกฎหมาย ส่งไปยังสำนักการสังคีต
สำหรับบุตรชายและบุตรสาวที่หยางซื่อให้กำเนิด เป็นเพราะฉางชุนโหวกระทำความผิดฐานสังหารภรรยา ไม่เกี่ยวพันกับบุตรชายและบุตรสาว เพียงแค่ลดตำแหน่งให้กลายเป็นชาวบ้านทั่วไป
พระราชโองการลงมาแล้ว ตอนที่ฉางชุนโหวถูกผลักออกมาจากคุกที่คุมขังก็ได้พบกับหยางซื่อที่ถูกผลักออกมาจากคุกอีกห้องหนึ่ง
อดีตสองสามีภรรยาพบกัน เหมือนคู่แค้นเจอกัน นัยน์ตาแดงก่ำเป็นพิเศษ
“นังแพศยา เจ้าทำให้ข้าสูญเสียยศถาบรรดาศักดิ์แล้ว มีประโยชน์อะไรกับเจ้ากันแน่!” ฉางชุนโหวนัยน์ตาแดงก่ำ คำรามเสียงดัง
หยางซื่อมองฉางชุนโหวอย่างเย็นชาโดยไม่พูดอะไร
“เจ้าพูดมาสิ! ตอนนี้บรรดาศักดิ์ข้าไม่มีแล้ว เจ้าก็ถูกส่งเข้าไปในสำนักการสังคีต พวกหนานเอ๋อร์จะได้ประโยชน์อะไร” ฉางชุนโหวดิ้นรน พุ่งไปทางหยางซื่อ
นี่คือสิ่งที่เป็นตายร้ายดีอย่างไร เขาก็คิดแล้วไม่เข้าใจ
หยางซื่อตกต่ำกลายเป็นสตรีซึ่งถูกสามีทอดทิ้ง ใช้ชีวิตลำบากกว่าเมื่อก่อน แต่นางไม่คิดเผื่อบุตรชายและบุตรสาวสามคนของนางบ้างหรือ
ลากเขาให้พินาศไปด้วยกัน นี่คือเรื่องที่คนบ้าถึงจะทำออกมาได้
หยางซื่อเอ่ยปาก “ญาติผู้พี่ยังเป็นฉางชุนโหว พวกหนานเอ๋อร์ยิ่งแย่กว่าเดิม”
ตอนนี้ดีร้ายอย่างไร พวกหนานเอ๋อร์ก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่หากญาติผู้พี่เป็นฉางชุนโหวของเขาต่อไป ภายใต้การบีบบังคับของสวี่ฟางก็ไม่แน่ว่าจะลงมือสังหารพวกหนานเอ๋อร์
ญาติผู้พี่สามารถทำได้อยู่แล้ว
ท่านหญิงหวาหยางเป็นภรรยาเอกคนแรกที่ญาติผู้พี่แต่งงานด้วย และให้กำเนิดบุตรชายหญิงคู่หนึ่งแก่เขา ยังไม่ใช่ว่า เมื่อคุกคามผลประโยชน์ของญาติผู้พี่ก็ถูกปิดหน้าจนตายทั้งเป็นหรอกหรือ
ญาติผู้พี่ยิ่งมีเจตนาจะสังหารสวี่ฟางอยู่หลายครั้ง
นางเห็นอยู่ในสายตา เมื่อก่อนไม่รู้สึกกลัว ถึงขั้นรู้สึกสบายอกสบายใจ แต่เมื่อถึงคราวตัวเอง กลับกลัวจนตัวสั่น
กลัวจนยินยอมที่จะลากบุรุษผู้นี้ตายไปด้วยกัน ขอแค่รักษาชีวิตลูกๆ เอาไว้ได้
ในดวงตาแดงก่ำของหยางซื่อเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
ตัวยาที่ได้กลืนกินเข้าไปไม่หยุดในหลายเดือนมานี้ทำให้ความรู้สึกนางด้านชา ทำให้นางคล้ายอยู่ตรงชายขอบความบ้าคลั่งและปกติ ดันทุรังในเรื่องๆ หนึ่งไม่ยอมเลิก
ฉางชุนโหวรู้สึกเพียงว่า หยางซื่อกำลังพูดจาเหลวไหลจึงถามอย่างคาดไม่ถึงว่า “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ตอนนี้พวกหนานเอ๋อร์ตกต่ำกลายเป็นชาวบ้านธรรมดา สรุปว่าได้ประโยชน์อันใดกันแน่”
หากรู้แต่แรกว่าจะถูกสตรีวิปลาสผู้นี้ทำให้เสียเรื่อง หลังจากหย่ากับนางก็สมควรจะเอาชีวิตนางไปด้วย
ฉางชุนโหวรู้สึกเสียใจในภายหลังอีกครั้ง
เป็นสามีภรรยากันมานานหลายปี หยางซื่อเข้าใจในตัวบุรุษตรงหน้าอย่างยิ่ง จิตสังหารที่แวบผ่านนัยน์ตาฉางชุนโหวไปทำให้สภาพจิตใจที่อ่อนไหวสุดขีดของนางตื่นตัว
หยางซื่อหัวเราะบ้าคลั่งเสียงดัง “เช่นนั้นก็ดีกว่าการสูญเสียชีวิตมาก! ข้ารู้หมดแล้ว ท่านจะส่งพวกหนานเอ๋อร์กลับบ้านเดิม ต่อไปก็จะเอาชีวิตของพวกเขาสินะ”
ฉางชุนโหวอึ้ง “ส่งกลับบ้านเดิมอะไร เจ้าพูดเหลวไหลอะไรกัน”
“ท่านยังจะมาเสแสร้งแกล้งทำอีก!” หยางซื่อยกมือข่วนใบหน้าฉางชุนโหว
เมื่อครู่ฉางชุนโหวดิ้นรนพุ่งเข้ามาจึงย่นระยะห่างของทั้งสองคน จากนั้นก็ได้ยินเสียงฟึบวาดผ่าน ใบหน้าของฉางชุนโหวถูกข่วนจนมีรอยเลือดสายหนึ่งออกมา
ฉางชุนโหวร้องโหยหวน ยื่นมือไปตบหยางซื่อ
มือปราบกดร่างฉางชุนโหวเอาไว้ พลางเตือนว่า “อย่าทำอะไรเหลวไหล!”
ฉางชุนโหวดิ้นรนสู้ไม่ได้จึงถลึงตามองหยางซื่อด้วยความโมโห “เจ้ากำลังพูดอะไรกันแน่ ข้าจะส่งพวกหนานเอ๋อร์จากไปตอนไหนกัน”
“เป็นสวี่ฟาง นังแพศยานั่น นางใช้สินเดิมมาบีบบังคับท่าน…”
ฉางชุนโหวยิ่งงุนงง “เจ้าพูดบ้าอะไร นังลูกทรพีเคยถามถึงสินเดิมที่มารดานางทิ้งเอาไว้ แต่จะทำเรื่องเฉกเช่นการบีบบังคับข้าให้ส่งพวกหนานเอ๋อร์จากไปได้อย่างไร นางเป็นสะใภ้จวนแม่ทัพ ไม่กลัวผู้อื่นนินทาลับหลังว่า ไม่อาจยืนหยัดในตระกูลสามีได้ขนาดนั้นเชียวหรือ”
หยางซื่อนิ่งเงียบทันทีและจ้องฉางชุนโหวเขม็ง
“สตรีโง่งมอย่างเจ้าไปได้ยินคำนินทานี้มาจากที่ใด ช่างเป็นคนบ้าคนหนึ่งจริงๆ…”
ถึงตอนนี้ สมองที่ยุ่งเหยิงของหยางซื่อคล้ายกับถูกสายฟ้าผ่าแยก กลับคืนสู่ความแจ่มชัด
สีหน้าบนใบหน้านางแข็งค้าง ในที่สุดก็รู้สึกขึ้นมา นางตกหลุมพรางเสียแล้ว!
ไม่เคยมีเรื่องการส่งพวกหนานเอ๋อร์กลับบ้านเดิม การที่ให้นางได้ยินเรื่องพวกนี้ก็เพื่อให้นางพาญาติผู้พี่ล่มจมไปด้วยกัน
นางทำตามแล้ว ญาติผู้พี่สูญเสียตำแหน่งบรรดาศักดิ์ ลูกๆ ก็กลายเป็นชาวบ้านที่สูญเสียการปกป้องคุ้มครองจากบิดามารดา
เป็นสวี่ฟาง จะต้องเป็นกับดักที่สวี่ฟางวางเอาไว้เพื่อแก้แค้นให้มารดาแน่นอน
แต่นางกลับติดกับเสียได้!
“กรี๊ด…” สติสัมปชัญญะเส้นบางๆ ในสมองของหยางซื่อขาดผึงโดยสมบูรณ์ นางส่งเสียงตะโกนแหลมเศร้ารันทดออกมา
หยางซื่อบ้าไปแล้ว ในท้องตลาดลือกันว่าทนรับความสะเทือนใจที่ต้องเข้าสำนักการสังคีตไม่ไหว จึงเป็นบ้าไปแล้ว
ว่ากันว่า หยางซื่อพึมพำไม่หยุดว่า จะฆ่าคุณหนูใหญ่สวี่
ในขณะที่ผู้คนทอดถอนใจกับสิ่งที่บุตรชายและบุตรสาวคู่หนึ่งที่ท่านหญิงหวาหยางเหลือทิ้งไว้อย่างเห็นอกเห็นใจก็แสดงความสะใจกับจุดจบของหยางซื่อ
แน่นอนว่า จุดจบของฉางชุนโหวนั้นน่าสะใจยิ่งกว่า
เนรเทศไปชายแดนก็พอๆ กับการรอความตาย ไม่แน่ว่า ยังไปไม่ถึงที่แห่งนั้นก็ตายอยู่ระหว่างทางแล้ว
เมื่อรายงานสถานการณ์หลังจากตรวจสอบยึดทรัพย์สินของจวนฉางชุนโหวแก่จักรพรรดิหย่งอัน จักรพรรดิหย่งอันก็พิโรธอีกแล้ว
เขายังคิดจะยึดทรัพย์จวนฉางชุนโหว เพื่อให้คลังหลวงมีรายได้เข้ามาเล็กน้อย ผลคือทรัพย์สินทั้งหมดของจวนฉางชุนโหวรวมกัน ยังเติมสินเดิมที่ขาดหายไปของท่านหญิงหวาหยางไม่ได้เลย
นี่มันจะยากจนเกินไปแล้ว!
ไม่ นี่อธิบายได้ว่า หลายปีมานี้จวนฉางชุนโหวอาศัยสินเดิมที่ท่านหญิงหวาหยางทิ้งเอาไว้ในการใช้ชีวิต น่าเกลียดเกินไปแล้ว
เมื่อจักรพรรดิหย่งอันพิโรธก็เพิ่มบทลงโทษเข้าไป บุตรหลานภายในสามรุ่นของสวี่หนานบุตรชายคนรอง และสวี่ต้งบุตรชายคนที่สามของฉางชุนโหวไม่สามารถเข้ารับราชการได้
เมื่อข่าวลอยไปถึงหูสวี่ฟาง สวี่ฟางก็ร่ำไห้อย่างหนักไปรอบหนึ่งแล้วผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ไปยังมีหอสุรา
ผลพุทราบนต้นพุทราหน้าประตูหอสุราถูกคนที่เข้าออกหอสุรากินไปพอสมควรแล้ว เหลือเพียงแค่พุทราแดงบางตาที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างกิ่งและใบ
หอสุราในเวลากลางวันสงบเงียบและผ่อนคลาย มีเพียงเสียงผ่าฟืนที่ไม่เคยหยุดเงียบ
สวี่ฟางได้หงโต้วพาเข้าไปในลานด้านหลังก็เห็นลั่วเซิงยืนอยู่ข้างต้นพลับและยังมีน้องชายที่ตั้งใจผ่าฟืนอยู่
สวี่ฟางชะงักเท้าครู่หนึ่ง แล้วเดินเข้าไป
“คุณหนูลั่ว วันนี้ข้ามาขอบคุณท่าน” สวี่ฟางมองเด็กสาวดวงหน้าสงบนิ่งด้วยจิตใจปั่นป่วนยิ่ง
วันนั้นที่ได้ยินข่าวว่าแม่เลี้ยงถูกหย่า คุณหนูลั่วบอกนางว่า ทุกอย่างเพิ่งจะเริ่มต้น นางไม่กล้าเชื่อ
แต่ตอนนี้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบอกนางว่า ตอนนั้นเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้นเองจริงๆ
จุดจบของบิดากับแม่เลี้ยงชวนให้สะใจยิ่งกว่าที่นางสามารถจินตนาการได้ เป็นผลลัพธ์ที่นางฝัน ก็ยังไม่กล้าคิด
และทั้งหมดนี้ ล้วนต้องขอบคุณคุณหนูลั่ว
สวี่ฟางมองลั่วเซิง หยาดน้ำตารินไหล
เสียงผ่าฟืนเงียบลง
สวี่ซีถือขวาน มองไปทางสวี่ฟางอย่างประหลาดใจ
พี่ใหญ่ร้องไห้กับคุณหนูลั่วทำไม
“อย่าร้องไห้เลย หลังจากนี้ล้วนเป็นวันเวลาดีๆ แล้ว” ลั่วเซิงยิ้มปลอบ
สวี่ฟางได้สติคืนมา รีบร้อนเช็ดน้ำตาแล้วตะโกนเรียกสวี่ซี “น้องชาย เจ้ามานี่”
สวี่ซีเดินมาอย่างว่าง่าย “พี่ใหญ่ มีเรื่องอะไรหรือ ข้ายังผ่าฟืนของวันนี้ไม่เสร็จเลยนะ”
“คุกเข่า โขกศีรษะให้คุณหนูลั่ว”
สวี่ซีอึ้ง แต่กลับคุกเข่าลงอย่างเชื่อฟัง
ลั่วเซิงดึงเขาให้ลุกขึ้น มองเด็กหนุ่มที่สูงกว่านางหนึ่งช่วงศีรษะด้วยรอยยิ้มปลาบปลื้ม
เว่ยหานที่ก้าวเท้าเข้ามาในลานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย