บทที่ 518 โรงงานเภสัชกรรมที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
บทที่ 518 โรงงานเภสัชกรรมที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
อู๋ฝานได้สั่งให้ร้านโลกในแหวนคอยเติมปริมาณสินค้าอย่างไวน์สุดเหนือเมฆระดับสูงให้พร้อมไว้อยู่ตลอดเวลา เพื่อจะได้เป็นตัวชูโรงของร้านในเจียงโจว อีกทั้งสุดเหนือเมฆระดับสูงก็ให้ใช้บริโภคภายในร้านโลกในแหวน นี่ถือเป็นการสกัดไม่ให้เกิดการนำไปขายต่อได้อีกด้วย
ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วจะไม่ให้ร้านโลกในแหวนได้รับความนิยมได้อย่างไร?
ลูกค้าที่มาเพื่อทานอาหาร ตราบใดที่ต้องการดื่มไวน์เขา พวกเขาก็พร้อมจะสั่งสุดเหนือเมฆอย่างไม่ลังเล ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ชั้นหนึ่งจะสั่งสุดเหนือเมฆทั่วไป มีเพียงส่วนน้อยที่สั่งระดับสูงมาดื่ม ขณะที่ลูกค้าชั้นสองซึ่งมีไม่มาก แต่ตราบใดที่ใช้บริการชั้นสองพวกเขาก็พร้อมจะสั่งไวน์สุดเหนือเมฆระดับสูงอยู่แล้ว บรรดาผู้จริงจังกับคำเตือนของวังเมฆาสีชาดในปัจจุบันต่างไม่กล้ามาเยือน แต่ก็พยายามใช้หนทางหลากหลายเพื่อให้ได้ดื่มไวน์สุดเหนือเมฆระดับสูงจากร้านโลกในแหวน
ดังนั้นสถานการณ์ของสุดเหนือเมฆจึงเรียกได้ว่าดังเป็นพลุแตกไม่ว่าจะกับทั้งร้านโลกในแหวนหรือเจียงโจว จึงไม่แปลกใจหากพูดถึงแล้วหลิวอวี่กวงจะดวงตาเป็นประกายขึ้นมา
หากเทียบกับสุดเหนือเมฆที่ทำยอดขายผ่านโลกในแหวนจนขายดีเป็นพลุแตกแล้ว สถานการณ์ทางโรงงานเภสัชกรรมของอู๋ฝานไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่นัก
ปัจจุบันมีสินค้าลดน้ำหนัก เสริมผิวขาว และลบเลือนแผลเป็นอยู่ในตลาดมากมายจนเกินไป ทำให้เป็นเรื่องยากที่ผู้บริโภคจะเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ดีจริงจนพูดต่อจนเกิดเป็นกระแส โดยเฉพาะกับสินค้าของอู๋ฝานที่ผลิตขึ้นมาใหม่ ในสายตาของผู้คนทั้งหลายต่างเชื่อว่าคงไม่ต่างกับสินค้าอื่นที่มีอยู่ในตลาดแต่เดิม
ส่วนยาสมานแผลนั้นเลวร้ายยิ่งกว่า ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้งานมากนัก ดังนั้นสัดส่วนความต้องการจึงมีน้อย แน่นอนว่าจะมีคนบางกลุ่มที่ต้องการใช้เป็นพิเศษ แต่เกาหานยังไม่อาจเข้าถึงตลาดดังกล่าวได้
“ยังไม่มีคำตอบจากสวี่จื่อฉีเหรอครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถามเกาหาน
หลังทานอาหารกลางวัน อู๋ฝานออกจากร้านโลกในแหวนและมุ่งตรงมายังโรงงานเภสัชกรรม สถานการณ์ของที่นี่เรียกได้ว่าผิดคาดมากที่สุดในบรรดากิจการที่มีในครอบครอง ทำให้เขาจำเป็นต้องลงแรงกับที่นี่มากกว่าที่อื่น
“ยังไม่มีครับ” เกาหานตอบกลับ “วันก่อนผมบินไปเมืองหลวงเพื่อขอพบสวี่จื่อฉีถึงเรื่องนี้แล้ว แต่ผู้จัดการของเธอคนนั้น พอได้ยินเรื่องสินค้าและชื่อโรงงานก็ปฏิเสธพวกเราทันที ไม่แม้แต่จะให้พบสวี่จื่อฉีด้วยซ้ำไปครับ ผมเลยทำได้แค่ฝากข้อความกับขวดยาลบรอยแผลเป็นเอาไว้ให้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคำตอบอะไรกลับมาครับ”
อู๋ฝานขมวดคิ้ว เขาเคยคิดว่าการเชิญตัวสวี่จื่อฉีมาก็น่าจะเป็นเรื่องยากพอสมควร แต่ไม่นึกว่าจะยากถึงขนาดนี้ เกาหานเดินทางไปด้วยตนเองแล้ว แต่กลับถูกผู้จัดการของเธอปฏิเสธอย่างที่ไม่เปิดโอกาสให้เข้าพบคนเลยด้วยซ้ำ
เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ ผู้จัดการของสวี่จื่อฉีมีอคติด้านลบกับผลิตภัณฑ์และโรงงาน แม้เกาหานจะฝากยาทาลบรอยแผลเป็นเอาไว้แล้ว แต่ผู้จัดการคนนั้นก็คงไม่เห็นเป็นจริงเป็นจัง สุดท้ายของก็ไม่มีทางถึงมือสวี่จื่อฉี เนื่องจากการเป็นดาราแถวหน้าจึงต้องมีผู้จัดการคอยคัดกรองงาน พวกเขาจะคอยพบคนมากมายที่ต้องการเจรจากับสวี่จื่อฉี บางทีแม้กระทั่งเนื้อหาสัญญาสวี่จื่อฉีอาจไม่ได้อ่านด้วยตนเองด้วยซ้ำ ทั้งหมดคงเป็นการคัดกรองผ่านผู้จัดการทั้งสิ้น
เห็นได้ชัดว่าสินค้าของโรงงานอู๋ฝานโดนผู้จัดการของสวี่จื่อฉีมองข้าม
“เถ้าแก่ พวกเราลองพิจารณาแบรนด์แอมบาสเดอร์คนอื่นแทนไหมครับ” เกาหานเอ่ยคำแนะนำขึ้นมา
สวี่จื่อฉีอยู่ในระดับสูงเกินไปจนเข้าพบเพื่อพูดคุยต่อหน้าได้ยากเย็น แต่หากพิจารณาคนอื่นแทนก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยากถึงขนาดนั้นอีก
อู๋ฝานครุ่นคิดไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ครับ หลายวันมานี้ก็ได้เห็นแล้วว่าเป็นยังไง สินค้าของพวกเราขาดทั้งชื่อเสียงและความไว้ใจจากตลาด ต่อให้ลูกค้ารู้จักสินค้าผ่านการโฆษณา แต่ก็มีสินค้าอื่นที่คล้ายกันอยู่ในตลาดมากเกินไป หากไม่หาคนที่มีน้ำหนักดึงดูดมากพอก็คงขายได้ยาก ดังนั้นแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างสวี่จื่อฉีเลยเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดครับ”
เกาหานพยักหน้ารับและเห็นด้วย เนื่องจากเขารับผิดชอบตัวสินค้าและเรื่องการจำหน่าย ดังนั้นจึงทราบดีว่าคำพูดของอู๋ฝานเป็นความจริงทุกประการ ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มเข้าใจดีว่าสินค้าที่ผลิตขึ้นกำลังเผชิญแรงกดดันจากตลาดเช่นไร จึงต้องการแข่งขันกับผลิตภัณฑ์อื่นที่คล้ายคลึง แต่การจะยืนหยัดขึ้นมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
“ผมจะคอยติดตามเรื่องและติดต่อทางนั้นอย่างสม่ำเสมอครับ” เกาหานตอบรับ
อู๋ฝานพยักหน้ารับ “เน้นไปที่การติดตามนะครับ ส่วนเรื่องไลน์การผลิตสินค้าในโรงงานก็ไม่ต้องหยุดหรืออะไร ต่อให้ขายไม่ได้แม้สักขวด แต่กระบวนการผลิตที่นี่ก็ต้องดำเนินต่อไป เข้าใจใช่ไหมครับ?”
อู๋ฝานมั่นใจในสินค้า ขายไม่ได้เป็นเพียงเรื่องชั่วคราว ตราบใดที่เจาะตลาดและได้รับความเชื่อใจจากผู้ซื้อ สินค้าของเขาจะได้รับความนิยมอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่ขาดตอนนี้คือโอกาส
เกาหานพยักหน้ารับ “เข้าใจแล้วครับเถ้าแก่”
เดิมเกาหานเห็นว่าสินค้าไม่ได้รับความนิยม ยอดขายต่ำเตี้ย จึงคิดว่าควรลดปริมาณการผลิต แต่ขณะนี้อู๋ฝานระบุชัดเจนแล้ว เขาจึงต้องทำตามสิ่งที่ผู้เป็นเจ้าของต้องการ
ก่อนอู๋ฝานจะออกจากโรงงานเภสัชกรรม เขายังแวะไปโกดังเพื่อสำรวจ และพบว่าสินค้าทั้งสามของโรงงานวางกองสูงแทบจะเป็นภูเขา คนงานยังคงลำเลียงลังบรรจุสินค้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฝั่งการขนส่งสินค้าออกไปจำหน่ายจากโรงงานไม่มีรถมารอรับแม้แต่คันเดียว
หากเป็นคนอื่น ได้เห็นเช่นนี้คงกดดันอย่างหนัก แต่ไม่ใช่กับอู๋ฝาน ไม่ว่าจะด้วยอะไรเขาก็มีความมั่นใจในตัวสินค้าอย่างถึงที่สุด
ณ อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเมืองหลวง
สวี่จื่อฉีกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาด้วยตาปรือ เธอเพิ่งกลับมาจากงานโฆษณา ขณะนี้พอได้ทอดกายลงกับโซฟาจึงแทบไม่มีเรี่ยวแรงลุกขึ้นอีก ดาราสาวผู้ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศเช่นเธอมีงานเข้ามาไม่ขาดสาย ตารางงานทุกวันแน่นขนัด เรื่องที่ต้องทำมีเต็มแน่น เวลาพักผ่อนจึงเปรียบเสมือนสิ่งล้ำค่า
กระทั่งตอนนี้ ผู้จัดการของเธอก็ยังคงนั่งจ้องมองคอมพิวเตอร์อยู่ข้างกาย พลางบอกถึงกำหนดการและนัดหมายเรื่องงาน สวี่จื่อฉีที่รับฟังจึงรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างบอกไม่ถูก
ตอนที่สวี่จื่อฉีเข้าวงการบันเทิง มันนับเป็นเรื่องบังเอิญที่เธอประกวดร้องเพลงของโรงเรียนแล้วทำได้ดี รวมกับรูปลักษณ์ที่ดูดีโดดเด่น แมวมองจากวงการบันเทิงที่ออกตามหาผู้มีพรสวรรค์จึงสะดุดตากับเธอเข้าและเข้ามาพูดคุยเพื่อทำสัญญา บริษัทในตอนนั้นก็ยังคงเป็นบริษัทเดียวกับตอนนี้ที่เธอทำงานให้ หลังทำสัญญา เพลงแรกของเธอก็โด่งดังขึ้นจนได้ก้าวเดินบนเส้นทางแห่งเกียรติยศและชื่อเสียง
ในเวลานั้นเธอมีทั้งความสงสัยและความสนใจต่อการร้องเพลงและการแสดง จึงเลือกทำสัญญาเข้าวงการบันเทิง แต่เมื่อได้เข้ามากลับได้พบว่าเรื่องราวไม่ได้สวยหรูดังเช่นที่คาดคิดเอาไว้ โดยเฉพาะหลังมีชื่อเสียงโด่งดัง งานโฆษณามีเข้ามาไม่หยุดหย่อน อีกทั้งเธอยังต้องร้องเพลงและทำการแสดงเหมือนเช่นที่เคยเป็น ดังนั้นเวลาส่วนตัวจึงลดน้อยลงทุกวัน
0
……………………………