เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย – บทที่ 560 หม่าเหวินปินมีพิรุธ

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

บทที่ 560 หม่าเหวินปินมีพิรุธ

ขบวนต้อนรับออกจากค่ายทหาร เคลื่อนตัวไปทางเพี่ยวโจว ไม่นานก็เห็นธงทหารของเจิ้นเป่ยอ๋อง

เซียวเซวียนจิ่นนำหน้ามุ่งไปทางธงทหารนั่นทันที “ท่านพ่อ!”

ผู้นำทัพในครั้งนี้คือเจิ้นเป่ยอ๋อง เมื่อเซียวอวิ่นได้เห็นหน้าลูกชายตัวเอง ความรู้สึกคิดถึงที่ไม่ได้พบกันมานาน ก็ทำให้ผู้ชายอกสามศอกอ่อนไหวขึ้นมา

เขาสั่งให้เหล่าทหารหยุดรออยู่ด้านหลัง จากนั้นก็ควบม้าเข้าไปหาลูกชายราวกับเด็กหนุ่ม เมื่อมาถึงแล้วต่างก็ลงจากหลังม้า ก่อนที่เซียวอวิ่นจะเข้าไปอุ้มเซียวเซวียนจิ่นไว้ในอ้อมแขนทันที

แม้ว่าหลังปีใหม่เขาจะมีอายุเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปี ร่างกายก็สูงใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในสายตาของพ่อ ลูกก็ยังเป็นเด็กน้อยอยู่เสมอ

ทว่าเซียวเซวียนจิ่นกลับรู้สึกเขินอายขึ้นมา แม้ภายนอกเขาจะเป็นเด็กอยู่ แต่สิ่งที่เขาฝันถึงทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่วัยยี่สิบกว่าแล้ว

ต่อหน้าว่าที่พ่อตา และทหารของทั้งสองกองทัพ เขาจึงรู้สึกอายยิ่งนัก

“ท่านพ่อ ท่านรีบปล่อยข้าได้แล้วขอรับ ทำเช่นนี้ใช้ได้ที่ใดกัน” เวลานี้เซียวเซวียนจิ่นไม่กล้าสบตากับคนอื่นแล้ว

เซียวอวิ่นพูดเสียงดังขึ้นมา พลางหัวเราะลั่น “แค่นี้จะเป็นอะไรไป เจ้าเด็กน้อย แค่นี้ก็รู้สึกเขินอายแล้วอย่างนั้นหรือ ให้พ่อดูหน่อยสิว่าเจ้าสูงขึ้นหรือไม่”

เซียวอวิ่นปล่อยเขาลงจากอ้อมแขน จากนั้นก็เทียบความสูงดูเล็กน้อย

เซียวเซวียนจิ่นมองดูเขาทำเช่นนี้ก็รู้สึกทอดถอนใจขึ้นมา แม้จะรู้ว่าท่านพ่อยังอยู่ แต่ในความฝันท่านพ่อตายในสนามรบ ภาพที่ท่านพ่อของเขาจากไปตลอดกาลยังคงชัดเจนอยู่ในหัวของเขา

ทันใดนั้นเขาก็เข้าไปกอดพ่อของตัวเองเอาไว้ “ท่านพ่อขอรับ!”

เซียวอวิ่นชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตบบ่าเขาเบา ๆ อย่างมีความสุข “พ่ออยู่นี่ ยังจะอ้อนพ่ออยู่อีก”

เซียวอวิ่นเอ่ยขึ้น เผยยวนเองก็ลงจากม้าแล้ว

“น้องรัก! ไม่เจอกันเสียนาน”

เซียวอวิ่นก้าวเข้าไป ดึงเผยยวนมาพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า “เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าหลังจากเจ้าหายจากการป่วยหนัก กลับดูองอาจผ่าเผยกว่าเมื่อก่อนเสียอีก!”

เผยยวนเองก็รู้สึกเอือมระอา “พี่เซียว ตอนที่ท่านพบข้าครั้งก่อน ข้าเพิ่งจะอายุสิบแปดเองนะขอรับ”

ตอนนั้นเขายังเป็นแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น จะเหมือนกับตอนนี้ได้อย่างไรกัน อีกทั้งเขาก็เป็นพ่อคนแล้ว

เมื่อคิดถึงตรงนี้หางของเผยยวนก็กระดิกขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะอวดคนอื่น

เซียวอวิ่นเองก็ทอดถอนใจออกมา “จริงด้วย ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว”

เขาเบนสายตาไปทางอื่นเล็กน้อย ก็บังเอิญสบตาเข้ากับอาอินที่ยังนั่งอยู่บนหลังม้า

เด็กน้อยกะพริบตากลมโต มองเซียวอวิ่นที่อยู่ตรงหน้า

นางอธิบายไม่ถูก แต่รู้สึกว่าพี่เซวียนจิ่นกับท่านพ่อของเขามีหน้าตาที่คล้ายกันมาก ฟันขาว ร่าเริง และเสียงดัง

“นี่…เซวียนจิ่น นี่คงเป็นอาอินที่เจ้าพูดถึงในจดหมายบ่อย ๆ กระมัง”

อาอินใบหน้าแดงเรื่อ จากนั้นเซียวอวิ่นก็เดินมาตรงหน้าของนาง “อาอินน้อย ยังจำลุงได้หรือไม่ ตอนเด็กลุงยังเคยอุ้มเจ้าไปเดินตลาดอยู่เลย”

เซียวอวิ่นเอ่ยจบก็ชี้ไปยังเซียวเซวียนจิ่น “ตอนนั้นเจ้าเด็กนั่นยังร้องจะกินถังหูลู่อยู่เลย”

อาอินจำได้ที่ใดกัน ไม่มีความทรงจำตอนนั้นเลยสักนิด

เผยยวนอุ้มนางลงมา นางจึงหลบอยู่ด้านหลังของเผยยวนด้วยความเขินอาย ก่อนจะลอบพิจารณาเซียวอวิ่นเงียบ ๆ

เผยยวนรู้สึกขบขัน หญิงแกร่งตัวน้อยผู้นี้ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ทว่าวันนี้กลับเขินอายเสียแล้ว

“อาอิน?”

อาอินมองเผยยวน ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ ด้วยใบหน้าแดงเรื่อ “คารวะท่านลุงเซียวเจ้าค่ะ”

“เฮ้อ! ข้าชอบฟังเด็กผู้หญิงเรียกจริง ๆ เสียงหวานยิ่งนัก น่าเสียดายที่ข้าไม่มีลูกสาว” เซียวอวิ่นเอ่ยจบก็แบกอาอินเอาไว้บนบ่า

อาอินกลับไม่กลัว และยังรู้สึกดีใจอีกด้วยซ้ำ

ท่านลุงเซียวอวิ่นตัวสูง ตัวสูงกว่าท่านพ่อเสียอีก จึงสามารถมองเห็นได้ไกลมาก

“ท่านอย่าตามใจนางให้มาก ถึงเวลาก็จะยิ่งไม่ฟังใครเข้าไปใหญ่” แม้เผยยวนจะพูดเช่นนั้น แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

เมื่อสหายที่สนิทกลับมาพบกันอีกครั้ง หลังจากจากกันไปนาน ย่อมมีเรื่องให้คุยกันไม่รู้จบ

ระหว่างทางเผยยวนกับเซียวอวิ่นก็พูดถึงเรื่องเมื่อหลายปีที่ผ่านมา เซียวอวิ่นฟังแล้วก็ทอดถอนใจออกมา

“ไท่ซ่างหวงอายุปูนนี้แล้ว ยังต้องออกมาว่าราชการแทนลูกหลานอกตัญญูอีก แต่น่าเสียดายอดีตองค์รัชทายาทยิ่งนัก”

เผยยวนก็ถอนหายใจเช่นกัน ตอนนั้นหากเขามาเร็วกว่านั้น บางทีอาจเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ก็เป็นได้

น่าเสียดาย

“ท่านแม่!” จู่ ๆ อาอินก็ตะโกนขึ้นมา

เพราะเวลานี้พวกเขาได้มาถึงค่ายทหารแล้ว จี้จือฮวนจึงพาคนมารอต้อนรับอยู่ที่ทางเข้าค่าย

เซียวอวิ่นพูดขึ้นมา “นั่นคงเป็นภรรยาของเจ้ากระมัง ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดอยู่ว่าเจ้าหน้าตาหล่อเหลาเพียงนี้ ต้องแต่งกับผู้หญิงหน้าตาเช่นไรจึงจะดูคู่ควรกับเจ้า แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะหาเจอจริง ๆ”

เผยยวนเลิกคิ้วขึ้น “พี่เซียว ท่านอย่าพูดจาเลอะเทอะสิขอรับ แต่ภรรยาข้าก็เพียบพร้อมทุกอย่างจริง ๆ”

จี้จือฮวนเห็นพวกเขากลับมาแล้ว ก็ย่อตัวลงคำนับให้กับเซียวอวิ่น “ได้ยินชื่อเสียงของพี่เซียวมานาน วันนี้ได้พบหน้าจึงได้รู้ว่าที่พวกเขาพูดกันนั้นไม่ผิดเลยจริง ๆ ภายในกระโจมมีการเตรียมเหล้าและอาหารเอาไว้พร้อมแล้ว ท่านพี่เชิญเถอะเจ้าค่ะ และขอเชิญเหล่าทหารของกองทัพเจิ้นเป่ยทุกท่านให้เข้ามาพักผ่อนในค่ายด้วยเจ้าค่ะ”

เซียวอวิ่นเองก็ประสานมือคารวะกลับ “น้องสะใภ้เหตุใดต้องเกรงใจกันเช่นนี้ด้วยเล่า พวกเราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น”

แม้จะพูดเช่นนี้ แต่บัดนี้อีกหกเมืองยังไม่สามารถยึดคืนมาได้ อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ดังนั้นคนที่สามารถยื่นมือมาช่วยเหลือได้ก็นับว่ามีน้ำใจใหญ่หลวงแล้ว

พวกเผยยวนกับเซียวอวิ่นเดินเข้ากระโจมไปแล้ว พร้อมกับเหล่ารองแม่ทัพในค่าย จี้จือฮวนจึงเรียกทหารชั้นผู้น้อยให้ยกเหล้าและอาหารตามเข้าไป ประกอบกับเซียวเซวียนจิ่นตอนนี้ก็โตขึ้นมากแล้ว ดังนั้นเซียวอวิ่นก็คิดจะฝึกฝนลูกชายจึงให้เขาเข้าไปฟังด้วย

อาอินก็อยากเข้าไปด้วย และทุกคนก็เห็นนางเป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น จึงไม่ได้ใส่ใจอะไร ดังนั้นอยากจะเข้าก็เข้า

จี้จือฮวนให้คนไปช่วยกองทัพเจิ้นเป่ยสร้างกระโจม จากนั้นก็ให้ทหารทำอาหารและเอาเหล้ามาให้พวกเขาดื่ม เพื่อช่วยคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง

ผ่านไปสักพัก จี้จือฮวนจึงคิดได้ว่าทางเจิ้นเป่ยชอบอาหารรสเผ็ด จึงจะไปเก็บพริกสดที่ก่อนหน้านี้เคยปลูกไว้ในกระบะไม้มา พริกชนิดนี้ยังสามารถจิ้มกินกับน้ำจิ้มได้ด้วย คงจะถูกปากของพวกเขาบ้างกระมัง

แต่ข้างกายนางเวลานี้ไม่มีใครอยู่ ดังนั้นนางจึงต้องไปเอาพริกที่กระโจมด้วยตัวเอง โดยตั้งใจเดินอ้อมทุ่งหญ้าที่เหล่าทหารกำลังฝึกซ้อมกันอยู่

ทว่าสุดท้ายกลับบังเอิญยิ่งนัก นางเห็นเงาคนที่กำลังทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แกว่งไกวอยู่ในมุมหนึ่ง

หม่าเหวินปิน?

จี้จือฮวนจึงซ่อนตัวทันที เพื่อหลบเลี่ยงสายตาของเขา

หม่าเหวินปินเวลานี้กำลังให้อาหารม้าอยู่ ให้ไปก็เหลียวซ้ายแลขวาไปด้วย

จากนั้นก็แอบเอาของอะไรบางอย่างผสมเข้าไปในอาหารให้ม้ากิน แล้วจึงแสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จี้จือฮวนหรี่ตาลง

ขณะนั้นเองจ้านอิ่งก็ได้พาฝูงม้ากลับเข้ามา เมื่อครู่มันได้ตามเผยยวนไปวิ่งมารอบหนึ่งแล้ว ตอนนี้จึงหิวพอดี หม่าเหวินปินเห็นว่ามันกำลังทำท่าจะก้มกิน ก็ทนรอไม่ไหวรีบคว้าขึ้นมาแล้วยื่นให้มันหนึ่งกำมือ

ตำแหน่งของจ้านอิ่งในคอกม้านั้นไม่ธรรมดา หากมันยังไม่กิน ม้าตัวอื่นก็ไม่กล้ากิน

หม่าเหวินปินแค้นเจ้าจ้านอิ่งที่วัน ๆ เอาแต่ใช้ขาหลังเตะเขาตัวนี้ยิ่งนัก อยากจะให้มันกินยาระบายเข้าไปมาก ๆ กินจนท้องเสียจนลำไส้ทะลุไปเลยยิ่งดี

ดังนั้นจึงคว้าหญ้าขึ้นมากำมือใหญ่ ปากก็พึมพำไปด้วย “กินซะ กินให้ตายไปเลยยิ่งดี”

จ้านอิ่งดมเล็กน้อย

!!!

เจ้าสุนัข! คิดจะลอบวางยาข้าอย่างนั้นหรือ?

ขนตายาวของมันสั่นไหว ไม่ว่าใครเห็นต่างก็คิดว่านั่นเป็นการแสดงออกที่เป็นมิตรอย่างมาก

ทว่าจากนั้นมันก็อ้าปากกัดเข้าที่ไหล่ของหม่าเหวินปินทันที หากไม่ใช่เพราะเขาหลบทัน รับรองว่าจะต้องโดนกัดจนแหว่งไปครึ่งหัวอย่างแน่นอน!

“โอ๊ย ๆ ช่วยด้วย อ้าปาก อ้าปากเดี๋ยวนี้นะ!”

หม่าเหวินปินหยิบคราดที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมากำลังจะฟาดใส่จ้านอิ่ง

ทว่าทันทีที่เสียงของเขาดังขึ้น ทหารชั้นผู้น้อยที่ยืนยามอยู่ใกล้ ๆ ก็ก่นด่าออกมาทันที “คิดจะทำอะไรของเจ้า พูดจากับท่านแม่ทัพจ้านอิ่งให้มันดี ๆ หน่อย!”

.

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Status: Ongoing
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคนจี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอแต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!.โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย!.เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน!..ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้..จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท