ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 783 ฝังศพ!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 783 ฝังศพ!

“เฮ้อ ฮู่ว…” นักพรตเฒ่าตบหน้าผาก นั่งบนพื้นโดยตรง เขาเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้มาครึ่งค่อนชีวิต พบเจอผู้คนมาไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร นักพรตเฒ่าจึงมั่งคั่งไปด้วยประสบการณ์ ก่อนหน้านั้นไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้ ตอนนี้ถูกเถ้าแก่ตัวเองเตือน จึงเข้าใจทันที

ไม่ร้องไห้ และไม่เจ็บปวดมากเกินไป สิ่งที่มี มีเพียงความจนปัญญาลึกๆ บนโลกนี้ ไม่ได้ขาดวีรบุรุษที่ถูกผลักไปอยู่แถวหน้า ใครบ้างไม่อยากมีแสงทองสดใส เป็นที่นับหน้าถือตา ได้รับการเคารพยกย่อง

ทว่าที่ไม่ง่ายยิ่งกว่าคือวีรบุรุษที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังเหล่านี้ ไม่มีการกระตุ้นของผลกระโยชน์ และไม่มีการประกาศเพื่อชื่อเสียง ‘ถึงตายก็อย่าเสียเชิงชาย’ ‘ยี่สิบปีให้หลังก็ยังเป็นผู้ชายที่ดี’ บางทีวีรบุรุษที่ผู้คนเรียกขานกันอาจจะตะโกนคำเหล่านี้เสร็จแล้วก็ลงไปสู้ตายถวายชีวิตเลย อย่างน้อยก็พอจะสะกดจิตตัวเองอย่าง ‘กึกก้องทรงพลัง’ มีหรือจะเหมือนตอนนี้ มีหรือจะเหมือนสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

“เด็กน้อยที่น่าสงสาร เพิ่งอายุยี่สิบกว่าปีแท้ๆ” นักพรตเฒ่าพูดพลางถอนหายใจเบาๆ

โจวเจ๋อยืนต่อไป ไม่ได้เดินไปขึ้นรถเหมือนที่คิดไว้ก่อนหน้านี้

ตำรวจปราบปรามยาเสพติดยืนอยู่หน้าโถงตั้งศพอยู่นาน ไม่ร้องไห้ ทุกคนต่างเงียบกริบ

โจวเจ๋อจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ฝึกอบรมแพทย์ศัลยกรรมที่ยูนนาน เคยได้ยินหมออาวุโสท้องถิ่นของเมืองหนึ่งเล่าเรื่องแบบนี้ ตอนที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดแต่งชุดนอกเครื่องแบบล่อซื้อยาจากพ่อค้ายาได้สำเร็จ บังเอิญเจอแม่สามีพาลูกสาวของตัวเองมาเดินเล่น ลูกสาวจึงเรียก ‘พ่อ’ จากนั้นสามวันให้หลัง ครอบครัวนี้จึงถูกไฟคลอกตายเพราะแก๊สระเบิด

หมออาวุโสบอกว่า ตอนนั้นเขาเข้าไปร่วมการช่วยเหลือ แต่ช่วยไม่ได้สักคน นี่คือหนึ่งในสิ่งที่เขาเจ็บปวดใจที่สุดในชีวิต

อดทนต่อสายตาดูถูกและเย็นชาของญาติพี่น้อง จำเป็นต้องเก็บซ่อนแสงแห่งเกียรติยศ คนตายไปแล้ว คนเป็นกลับต้องกัดฟันทนรับความเดียวดายและไม่มีใครเข้าใจต่อไป

โจวเจ๋อโน้มตัวเงียบๆ เขาจำได้เมื่อครู่ตัวเองได้ถามผู้หญิงว่า สามีของเธอตายอย่างไร เธอบอกว่า สามีของเธอเป็นคนขับรถ เกิดอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิต

ตอนนี้โจวเจ๋อเพิ่งเข้าใจตอนนั้นเธอตอบคำถามนี้ด้วยความลังเล ความรู้สึกเช่นนี้ เหมือนเด็กที่สอบได้คะแนนเต็ม แต่ไม่กล้าบอกผู้ปกครองเพื่อให้ได้รับคำชม และยังจงใจพูดว่าตัวเองสอบได้ไม่ดีจึงต้องโดนตำหนิ

หญิงสูงวัย เวลานี้กลับน่ารักขึ้นและยิ่งใหญ่มากกว่าเดิม เธอยอมทนรับชีวิตแบบนี้ต่อด้วยตัวเอง แต่กลับหวังว่าลูกสะใภ้ของตัวเองจะได้หลุดพ้นเสียที กระทั่งตัวเธอเองไปที่อำเภอเพื่อบอกว่าลุงที่เป็นญาติของตัวเองทุจริต ก็สามารถเข้าใจได้ แม่ที่สามารถเลี้ยงลูกให้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน

“ทำความเคารพ!” คนทั้งสองแถวโค้งคำนับให้หญิงสูงวัยและผู้หญิง หญิงสูงวัยพาลูกสะใภ้ของตัวเองกับหลานสาวนั่งคุกเข่าที่เบาะกลมคำนับกลับ หญิงสูงวัยน้ำตาไหล ผู้หญิงร้องไห้สะอื้น หลานสาวกลับงุนงง เหมือนไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้ทำไมต้องมาที่บ้านของตัวเอง

บางทีครอบครัวนี้ อาจจะมีเพียงเวลานี้เท่านั้น ในคืนที่ไม่มีใครได้รับรู้ ถึงจะสามารถมีความสุขไปกับช่วงเวลาแห่งเกียรติยศที่เดิมทีควรจะเป็นของพวกเธอ

พวกเขาไปมาอย่างเร่งรีบ ทุกคนขึ้นรถตู้แล้วขับรถออกไปในไม่ช้า มาอย่างเงียบๆ และกลับไปอย่างเงียบๆ เช่นกัน ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ

ผู้หญิงสามคนสวมกอดกัน ร้องไห้ด้วยกัน เด็กผู้หญิงที่อายุน้อยที่สุดมองเห็นแม่และย่าของตัวเองร้องไห้จึงร้องไห้ตาม

แต่เสียงร้องไห้ของพวกเธอดูอัดอั้นอยู่บ้างในเวลานี้ น้ำตาน้ำมูกไหลไม่หยุด แต่กลับไม่มีเสียงร้องไห้โฮออกมา

“เถ้าแก่ เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อน ข้าจะอยู่ช่วยงานพวกเขา” นักพรตเฒ่าขยุ้มเส้นผมของตัวเอง แล้วพูดอย่างใจเย็น “เรื่องงานศพ พิถีพิถันเรื่องความคึกคักมากกว่างานรื่นเริง เพราะทำให้คนเป็นดู ปลอบใจคนเป็น เห็นพวกเธอโดดเดี่ยวขนาดนี้รู้สึกรับไม่ได้”

โจวเจ๋อบิดขี้เกียจ เอ่ยว่า “คุณอยู่คนเดียวจะทำอะไรได้ จู่ๆ มีคนแก่ใจดีมีน้ำใจโผล่มาคนหนึ่ง เดี๋ยวก็กลายเป็นข่าวซุบซิบนินทาอีก”

“เถ้าแก่ เอ่อ…”

โจวเจ๋อส่ายหน้า “ผมจะอยู่ด้วย ถือเสียว่าผู้ชายที่มีเงินอย่างผมช่วยออกเงินจัดงานศพ ไม่ว่าอย่างไรเมื่อตอนกลางวันหญิงสูงวัยได้สวมหมวกให้ผมแล้ว อย่างนั้นก็ต้องใส่สักพักหนึ่ง”

ตอนกลางวันของวันถัดไป วงดนตรีงานศพทั้งสามเข้ามาในงาน ด้านหน้าโถงตั้งศพ พระอยู่ทางซ้าย นักพรตอยู่ทางขวา เสียงตีฆ้องและกลอง ท่องบดสวดเคาะปลาไม้ เสียงดังจอแจ คึกคักครื้นเครง

คนเหล่านี้ นักพรตเฒ่าเป็นคนเชิญมาทั้งหมด และเขาก็เป็นคนตกลงเรื่องราคาและจ่ายเงิน เขายุ่งตั้งแต่เช้าจนถึงตอนกลางวัน จัดพื้นที่งานใหม่ จัดทีมงานใหม่ เขาสั่งการทุกอย่างให้เป็นระเบียบเรียบร้อย

นักพรตเฒ่ามีความสามารถในด้านนี้ ทำให้คนต้องยอมรับจริงๆ ดูเหมือนว่าเกิดมาเพื่อจัดงานศพโดยเฉพาะหญิงสูงวัยกับลูกสะใภ้ใส่ผ้าป่านนั่งอยู่บนเบาะกลม ไม่ต้องกังวลงานที่เหลือเลยสักนิด

โจวเจ๋อคอยอยู่ริมโต๊ะหมู่บูชาหน้าโถงตั้งศพ ด้านหน้าเป็นสมุดมิตรภาพพื้นหลังสีแดง ถึงแม้จะพูดว่าเมื่อวานไม่มีคนมาช่วย แต่วันนี้คือวันเคลื่อนศพอย่างเป็นทางการ มีญาติจำนวนไม่น้อยที่โผล่หน้ามา เงินช่วยงานศพก็ควรมอบให้ ก็ไม่มีใครไม่ให้จริงๆ

ความสัมพันธ์ไม่ดีก็ส่วนไม่ดี แต่คนจีนให้ความสำคัญเรื่องการตอบแทนซึ่งกันและกันให้มาต้องให้กลับ เป็นกฎที่ปฏิบัติกันจริงๆ ถ้าหากจงใจใช้ข้ออ้างนี้ตัดเงินช่วยงานศพ เช่นนั้นก็จะถูกนินทาลับหลัง

โจวเจ๋อหยิบปากกา เขียนชื่อแต่ละคนลงไป คนนี้สองสามร้อย คนนั้นสองสามร้อย คนนี้ให้กระดาษมาอีกเท่าไร คนนั้นให้ธูปเทียนมาอีกเท่าไร ก็ต้องลงบันทึกให้ชัดเจน ยังดีที่ไม่ยุ่งมาก ทุกคนก็เงียบเฉย โจวเจ๋อกระทั่งมองเห็นหลายคนชี้มาที่ตัวเอง เถ้าแก่โจวก็ไม่ใส่ใจ

เมื่อผ่านไปสักพักหนึ่ง โจวเจ๋อจะเดินไปหยิบช็อกโกแลตหรือไม่ก็น้ำต้มเดือดผสมน้ำตาลทรายแดงเอาไปให้ผู้หญิงดื่ม มองผู้หญิงดื่มแล้ว จากนั้นจึงกลับไปนั่งที่ของตัวเอง

งานศพจัดอย่างยิ่งใหญ่และคึกคักเป็นอย่างมาก เมื่อใกล้จะถึงตอนกลางวัน ลุงของเธอก็มา ตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านถูกปลด ต้องเสียค่าปรับและไปอยู่ในคุกช่วงหนึ่ง แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ยังมีมาดของ ‘เจ้าพ่อ’ เหมือนเดิม ในความเป็นจริง ตอนนี้หมู่บ้านในหลายท้องที่ ความแตกต่างของหัวหน้าหมู่บ้านกับนักเลงไม่มากเท่าไร

แต่เขาไม่ได้มีความคิดเห็นเป็นอื่นที่เห็นคนแปลกหน้าอย่างโจวเจ๋อนั่งอยู่ตรงนี้ ให้เงินช่วยทำศพก็เยอะที่สุด คนอื่นแค่หลักร้อย เขาให้สองหมื่นหยวน

ตอนที่โจวเจ๋อลงบันทึก รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง วันพรุ่งนี้ตัวเองควรไปแจ้งเรื่องร้องเรียนตาแก่คนนี้ไหม สงสัยคราวที่แล้วยังไม่เข็ดจริงๆ

“พวกเขาเป็นม่ายกับลูกกำพร้า ก็ไม่ง่าย ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ในเมื่อคุณยินดีช่วยเหลือ ผมขอรับน้ำใจนี้ ผมขอบคุณนะครับ” เอวของชายชรางอเล็กน้อย สายตากวาดมองไปที่หญิงสูงวัยที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ยังคงแฝงไปด้วยความโกรธ แต่อย่างน้อยในบางเรื่องก็ต้องแยกเป็นบางกรณี

ชายชรามาแล้วให้เงิน จากนั้นจึงกลับ ญาติคนอื่นยังอยู่ทั้งหมด จากนั้นจึงได้เวลากินข้าวกลางวัน หลังจากกินข้าวแล้ว จึงเดินตามขั้นตอนต่อไป ภายใต้การจัดการของนักพรตเฒ่า พระและนักพรตผลัดกันขึ้นเวที คุณท่องจบฉันขึ้นเวที อย่าให้พูดเลย ไม่วุ่นวายเลยสักนิด กลับมีแต่ความเคร่งขรึม

ที่ควรบันทึกก็บันทึกแล้ว โจวเจ๋อเพิ่มชื่อของตัวเองในสมุดมิตรภาพ ของแสดงน้ำใจที่เขียนไว้บนนั้นคือ ‘เงินกระดาษสองปึก’ เขาหาเวลาว่างไปยืนเผาเงินกระดาษในหม้อเหล็กอยู่หน้าโถงตั้งศพ โยนเงินกระดาษเข้าไปด้วยตัวเอง มองดูมันถูกเผาจนเกลี้ยง จากนั้นจึงกลับไปนั่งที่โถงตั้งศพ เขาลูบกระเป๋า บุหรี่หมด จึงหยิบบุหรี่หนึ่งซองจากบนโต๊ะ แกะออก แล้วหยิบออกมาจุดหนึ่งมวน

บุหรี่พวกนี้มีไว้ให้คนที่มอบเงินช่วยงานศพ หนึ่งคนหนึ่งซอง ถือเป็นกฎเล็กๆ ในท้องถิ่น คนที่สูบบุหรี่ไม่เป็นก็เอากลับไปให้คนที่บ้านที่สูบบุหรี่เป็น

เกิดเป็นคนสองชาติ โจวเจ๋อเพิ่งเคยร่วมงานศพอย่างจริงๆ จังๆ แบบนี้เป็นครั้งแรก ชาติที่แล้ว เขาเป็นเด็กกำพร้าจึงไม่ต้องจัดงานศพอะไร เพื่อนร่วมงานที่โรงพยาบาลเสียชีวิต ก็แค่ไปร่วมงานไว้ทุกข์ ถึงเวลาก็กลับแค่นั้น ตอนนี้เขานั่งอยู่ในงานศพครึ่งค่อนวันแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะน่าสนใจขนาดนี้

อาจจะเป็นเพราะว่า ตอนวัยรุ่นบ้าระห่ำ รู้สึกว่านี่คือความเชื่องมงายของระบบศักดินา เป็นเรื่องโง่เขลา เป็นเรื่องไร้สาระที่ไม่มีเหตุผล เมื่อคนเราถึงวัยกลางคน ตอนที่เห็นคนแก่ในบ้านเริ่มจากไป ทันใดนั้นพบว่า การมีกฎเหล่านี้ การมีเรื่องเหล่านี้ ทำให้ในวันที่ตัวเองสับสนสองสามวันนั้น อย่างน้อยก็รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร ทำให้ตัวเองสามารถลุกขึ้นมาได้

เมื่อายุมากขึ้นอีก หรือเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ พอมานั่งตรงนี้ มองกระดาษที่ปลิวเหล่านั้น ได้ฟังเสียงปี่รวมทั้งชุดสีขาวเหล่านั้น คุณจะตระหนักขึ้นในทันใด ดูเหมือนดินเหลืองที่อยู่ใต้เท่านี้ นับหลายพันปี ไม่เคยเปลี่ยนสีเลย

หอประกอบพิธีฌาปนกิจส่งรถขนย้ายศพหรูคันใหญ่มาแล้ว พร้อมกับมีรถคันเล็กสิบกว่าคันตามมาข้างหลัง ทั้งหมดประดับด้วยดอกไม้สีขาว

ผู้หญิงอุ้มรูปของสามีที่เสียชีวิต แม่สามีของตัวเองอยู่ข้างๆ ลูกสาวอยู่ข้างหน้า พร้อมกับญาติที่มาส่งศพด้วยกันรวมทั้งพระและนักพรตที่นักพรตเฒ่าเป็นคนจัดการหามา ขึ้นรถพร้อมกัน มุ่งหน้าไปที่หลุมฝังศพ

โถงตั้งศพที่อยู่ข้างหลังโจวเจ๋อ ในที่สุดก็โล่งแล้ว เสียงจอแจที่อยู่ตรงหน้า สุดท้ายได้หยุดลงชั่วคราว

โจวเจ๋อหันมามองไปข้างๆ เนื่องจากฐานะที่ไม่อาจเปิดเผยต่อสาธารณะ ดังนั้นจึงไม่มีคนหรือหน่วยงานไหนนำพวงหรีดมาให้ ที่นี่มีพวงหรีดสองพวงเท่านั้น หนึ่งส่งมาในนามของร้านหนังสือ สองส่งมาในนามของร้านขายยาที่อยู่ติดกัน วางอยู่ตรงมุมหนึ่งเพื่อประดับเล็กน้อย

ถ้าหากสามารถเปิดเผยตัวตนได้ ที่นี่น่าจะเต็มไปด้วยพวงหรีดจากหลายหน่วยงานในสังคม โจวเจ๋อนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ตัวยาว ‘แชะ!’ ใช้ไฟแช็กจุดบุหรี่อีกครั้ง สูบหนึ่งที แล้วค่อยๆ พ่นควันบุหรี่ออกมา ไม่รู้ว่าทำไม วันนี้ในใจของเขารู้สึกสงบเป็นพิเศษ

ช่วงที่กลับมาจากเสฉวน มีหลายเรื่องราวที่วุ่นวายมาก รับมือทางนี้เสร็จทางโน้นก็เกิดเรื่อง ทำให้โจวเจ๋อวิ่งไปมาจนเหนื่อย แต่ในงานที่เสียงดังโหวกเหวกทั้งวันเช่นนี้ ความหงุดหงิดใจก่อนหน้านี้ เหมือนถูกขจัดหายไปจนหมดสิ้น ทั้งตัวเขาเหมือนถูกชำระล้างด้วยน้ำฝนจนสะอาดหมดจด

มือที่คีบบุหรี่อยู่ยื่นไปข้างๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งรับบุหรี่มาจากมือของโจวเจ๋อแล้วสูบหนึ่งที

สายตาของโจวเจ๋อมองไปข้างหน้า เอ่ยพูดด้วยความใจเย็นเป็นอย่างมาก “อย่าเข้าใจผิดนะ”

อีกฝ่ายพ่นควันบุหรี่ออกมา “รบกวนคุณแล้ว”

โจวเจ๋อหัวเราะ เอ่ยว่า “ไม่ต้องเกรงใจ”

……………………………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท