คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 712 เทพอสูรมาถึง เหล่าราชาตื่นตระหนก

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 712 เทพอสูรมาถึง เหล่าราชาตื่นตระหนก

ผู้คนบนโลกว่ากันว่า การไปเกิดใหม่มีอยู่เจ็ดด่าน เข้ามายังประตูผี เดินบนเส้นทางน้ำพุเหลือง[1] ส่องหินสามชาติ ก้าวข้ามวั่งเซียง ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำวั่งชวน[2] ดื่มน้ำแกงยายเมิ่ง[3] เดินข้ามสะพานไน่เหอ[4] เข้าสู่เส้นทางกลับชาติมาเกิด ชาตินี้ก็สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ

และยมโลกตรงหน้า มืดสนิทไร้วันเวลา เส้นทางน้ำพุเหลืองสองฝั่ง มีดอกปี่อั้นฮวา[5]เบ่งบานงดงาม ดวงวิญญาณนับไม่ถ้วนกำลังเดินเรียงแถวมุ่งไปด้านหน้า

เมิ่งเฉินเซียงเดินตามติดอยู่ด้านหลังฉินหลิวซีไม่ห่าง มองไปรอบๆ ด้วยความสนอกสนใจ มองเห็นดวงวิญญาณที่ตายในรูปแบบแปลกประหลาด ตกใจจนไม่กล้าก้าวเท้า

“ตามมา” ฉินหลิวซีหันไปมอง เอ่ย “เข้ามาในเส้นทางน้ำพุเหลืองของประตูผีแล้วก็ใช่ว่าจะปลอดภัย ผีมีชั่วร้าย ผีที่กล้าสักหน่อยก็รังแกกระทั่งกลืนกินดวงวิญญาณที่อ่อนแอกว่า”

เมิ่งเฉินเซียงได้ยินแล้วขนลุกซู่ รีบตามเข้าไปติดๆ

ขณะที่ทั้งสองเดินไปได้ไม่ไกล ตรงหน้าพลันมีเสียงร้องตะโกนพร้อมกับเสียงโซ่ตรวนดังเข้ามา เงาเงาหนึ่งลอยมาทางพวกนาง วิญญาณผีบางส่วนหลบไม่ทันก็ถูกเงานั้นจับฉีกทึ้งยัดเข้าปาก

“จับเขาให้ข้า อย่าหนี” ยมทูตที่ถือโซ่ตรวนคล้องวิญญาณโมโหไม่น้อย

ให้ตายเถิด ผีชั่วตนนี้เจ้าเล่ห์เช่นนี้ ตอนมาถึงตรงหน้าหินสามชาติยังแสร้งร่องห่มร่องไห้ จากนั้นก็หลบหนี

ผีร้ายลอยมาถึงตรงหน้าฉินหลิวซี มองเห็นฉินหลิวซี ดวงตาวาวขึ้นมา “คนผู้มีบุญกุศล”

เยี่ยมไปเลย คนมีบุญ ของบำรุงชั้นดี กลืนนางลงไป ไม่แน่อาจบำเพ็ญเพียรได้เป็นราชาผี

ดวงตาละโมบแดงก่ำของมันเป็นประกาย สองมือยื่นไปหาฉินหลิวซี

พรึบ

เขากำลังจะสัมผัสโดนฉินหลิวซี ไฟพลันลุกขึ้นมาจากปลายนิ้ว

“อ๊ากกก” ผีร้ายร้องโหยหวน ตบไฟที่กำลังลุกไหม้อลหม่าน แต่เพียงไม่นานไฟนั้นก็ไหม้ไปทั่วทั้งร่างของเขา เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดและแสงสว่างจากไฟลุกโชนขึ้น เหล่าผีในเส้นทางน้ำพุเหลืองมองมา จากนั้นตื่นตกใจจนร่างกายสั่นระริก

เป็นไฟนรก ผีร้ายนั่นถูกไฟนรกเผาไหม้แล้ว

ไฟนรกไม่ได้อยู่ในขุมนรกชั้นสิบแปดหรือ ไยจึงปรากฏขึ้นที่นี่

น่ากลัวยิ่งนัก

เมิ่งเฉินเซียงตัวสั่นจากความร้อนของไฟบนตัวผีร้ายตนนั้น ขยับออกห่างไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว มองฉินหลิวซีด้วยความหวาดกลัว

เพิ่งค้นพบว่า บริเวณรอบข้างของพวกนางไม่มีผีตั้งนานแล้ว ต่างพากันขยับออกไปไกลแล้ว

ไฟนรกเผาไหม้ กระทั่งสลายไปทั้งตัวจึงหยุดลง คนที่จัดการได้ ไม่ว่าจะเคยมีบาปหนักเพียงใดก็จะมลายหายไป คนที่จัดการไม่ได้ก็เหมือนผีร้ายตรงหน้า ดวงวิญญาณแตกซ่าน ไม่เหลือแม้เถ้าถ่าน

“ใต้เท้า” ยมทูตผู้นั้นคุกเข่าอยู่ไกลๆ เคารพฉินหลิวซีด้วยความหวาดกลัว

และในตำหนักใหญ่ของเทพเฟิงตู[6] ยามนี้เหล่าราชาทั้งหลายกำลังถกเถียงเรื่องซื่อหลัวหน้าดำหน้าแดง ทว่าเมื่อไฟนรกของฉินหลิวซีลุกไหม้ พวกเหล่าราชาแต่ละขุมนรกพลันชะงัก จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป

“ไฟนรก ไฟนรกลุกขึ้นแล้ว” ราชาฉินก่วง[7]ลุกขึ้นยืนทันใด หันมองไปยังเทพเฟิงตู “นางกลับมาแล้ว”

เครื่องสวมหัวห้อยลูกปัดบนศีรษะของเทพเฟิงตูสั่นไหว มือที่วางบนโต๊ะกำแน่น ศีรษะของเขาเริ่มกระตุกด้วยความเจ็บปวด

ในเวลานี้ มียมทูตวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน “รายงานขอรับ”

“บังอาจ รีบร้อนเพียงนี้ทำไมกัน” ราชาซ่งตี้[8]สะบัดแขนเสื้อ คลื่นพลังพุ่งออกไปยังยมทูตผู้นั้นเป็นการลงโทษ

ยมทูตคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด ทว่าไม่กล้ารอช้า รีบเอ่ยปากรายงาน “ทูลท่านเทพ ทูลราชาทั้งหลาย ใต้เท้าผู้นั้นเข้ามาในประตูผีแล้วขอรับ”

ใต้เท้าผู้นั้นคือใคร แน่นอนว่าไม่ต้องบอก ในการสอบข้าราชการยมโลก ข้อแรกคือการจดจำใบหน้าจำชื่อ ใบหน้าหนึ่งในร้อยที่จำแม่นที่สุด นั่นก็คือใบหน้าที่ยากจะบอกเพศชายหญิง ไต้ซือปู้ฉิว ผู้เป็นเจ้าอาวาสน้อยอยู่อารามชิงผิงบนโลกมนุษย์ มีนามเดิมว่าฉินหลิวซี

หากไม่ผ่านคำถามนี้ ก็คงไม่ต้องทำอะไร ม้วนเสื่อแล้วไสหัวไป ครั้งต่อไปค่อยมาสอบใหม่ สอบผ่านแล้ว ค่อยทำข้อต่อไป

และจะทำสิ่งใดหลังจากการเป็นยมทูต จดจำใบหน้านี้ได้ เมื่อพบเจอบุคคลผู้นี้ ต้องทำตัวนอบน้อมเป็นหลานที่ดี นางเรียกต้องไปทันที จะเป็นผลดีกับตัวเอง

แต่เมื่อเห็นคนผู้นี้เข้ามายังประตูผี ไม่ว่าในมือจะทำสิ่งใดอยู่ ต้องรีบมารายงานทันที

ยมทูตน้อยอกน้อยใจ ข้าทำตามกฎ ไม่มีคำชมไม่พอ ไยต้องโดนตีด้วยเล่า

“รู้แล้ว ออกไปได้” ราชาซ่งตี้โบกปัดมือด้วยความหงุดหงิด หัวคิ้วขมวดขึ้น

นึกถึงตอนนั้น อ้อ ตอนนั้นคือนานเท่าใดแล้ว ยกนิ้วขึ้นมานับก็นับไม่ถ้วนแล้ว อย่างไรภาพนรกที่ชุลมุนวุ่นวายยังคงชัดเจนอยู่ในหัว ราวกับเพิ่งผ่านไปเมื่อวาน ฉายชัดขึ้นมาทุกๆ วัน สมองราวกับโดนทุบ ใครคิดใครก็ปวดหัว

ตอนนี้ นางกลับมาอีกแล้ว

ปวดหัวยิ่งนัก

“ทูลท่านเทพ ข้าพบว่าช่วงนี้มีการแทรกแถวการเกิดใหม่จำนวนมาก และจำนวนผู้ที่กลับชาติมาเกิดยังน้อยกว่าคนเกิดใหม่ ข้าจำเป็นต้องกลับไปตรวจสอบหาความยุติธรรม ต้องเดินทางไปยังโลกมนุษย์เพื่อตรวจสอบให้ชัดเจน” ราชาเปี้ยนเฉิง[9]ยกมือขึ้นประสานเอ่ยร้องขอ

เหล่าราชา ว้าว ราชาเปี้ยนเฉิงเจ้าช่างร้ายยิ่งนัก จะไปออกตรวจการในเวลานี้ มั่นใจว่าไม่ได้หลบหน้าผู้ใด

“ทูลท่านเทพ การกลับชาติมาเกิดเกี่ยวข้องกับงานส่วนของข้าด้วย ข้าขอไปช่วยราชาเปี้ยนเฉิงทำหน้าที่ขอรับ” จ่วนหลุน ผู้ดูแลนรกขุมที่สิบเองก็ลุกขึ้นมา

ราชาที่เหลือ “?”

เจ้าสองคนนี้สมองช่างไวนัก

เอ่อ พวกเขาเองก็จะไปออกตรวจบ้างตอนนี้ จะช้าเกินไปหรือไม่

เทพเฟิงตูใบหน้าทะมึนขึ้นมา เอ่ย “พวกเจ้านิ่งสงบเสีย ดูว่าพวกเจ้ายังมีสติและท่าทีการเป็นราชาอยู่หรือไม่ ตื่นตระหนกทำไมกัน”

เหล่าราชาพากันนั่งลงอีกครั้งด้วยความละอายใจ คิดในใจ ท่านไม่ตื่นตระหนกเลยสินะ ท่านแค่จัดแขนเสื้อท่านให้ตรงดิ่งราบเรียบเชียว

เทพเฟิงตูเอ่ย “ไปเอากระจกอิ่งอี้มา ดูสิว่าเส้นทางน้ำพุเหลืองเกิดเรื่องใดขึ้น”

ราชาฉินก่วงรีบนำกระจกอาคมมา โยนขึ้นไปกลางอากาศ ร่ายคาถา ปรากฏภาพผีร้ายกำลังหลบหนี ทว่าชนเข้ากับฉินหลิวซี ยังคิดจะกลืนกินบุญกุศลของนาง สุดท้ายก็ต้องแตกสลายไป

เหล่าราชารู้สึกเจ็บขึ้นมา หัวเราะเสียงหยัน “สมควร”

ผีตนนี้ช่างโง่เสียจริง เจ้าอยากหนีก็ช่างเถิด เจ้ายังไม่ดูว่าผู้นี้เป็นวิญญาณมีชีวิตหรือไม่ อยากคิดอยากกลืนกินดวงวิญญาณของนาง สมควรที่โดนเผาไหม้จนแหลกสลาย

เพียงมองไฟนรกในกระจก ทุกคนต่างหวาดกลัวอยู่ในใจ

“ท่านเทพ ไฟนรกของนางช่างใช้เล่นตามใจเกินไปแล้ว ชื่อหยวนแห่งอารามชิงผิงนั่นก็ไม่รู้สั่งสอนอย่างไร บอกไปแล้วว่าอย่าให้นางใช้ไฟนรกเล่นมิใช่หรือ ดูตอนนี้นางจะเล่นกับไฟได้ดีทีเดียว เกิดควบคุมไฟไม่ได้ เช่นนั้นจะไม่เป็นเรื่องใหญ่หรอกหรือ” ราชาผิงเติ่งผู้รับผิดชอบกรรมดีและกรรมชั่วขมวดคิ้วเอ่ยจริงจังด้วยวาทะที่เต็มไปด้วยสัจธรรม

เทพเฟิงตูกระพริบตา สะบัดแขนเสื้อ เอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้ราชาผิงเติ่ง[10]อยู่ต้อนรับนาง ดูว่านางมาด้วยเหตุอะไร ถือโอกาสสั่งสอนปีศาจน้อยผู้นี้ไปด้วยเป็นอย่างไร เอาตามนี้ ทุกคนแยกย้ายเถิด”

ราชาผิงเติ่งตกใจ “ไม่ใช่เช่นนั้น ความหมายของข้าคือไปคิดบัญชีกับชื่อหยวน ไม่สิ ไปคุยกับเขา ไม่ให้นางทำอะไรตามใจชอบ”

เทพเฟิงตู ข้าไม่ฟัง ตราบใดที่ข้าไม่ฟัง นางก็ไม่มาหาข้า

เหล่าราชา “ราชาผิงเติ่ง ลำบากท่านแล้ว นางให้ความสำคัญกับเวรกรรมที่สุด ท่านค่อยๆ พูด นางจะเข้าใจ”

สหายเต๋าตายเต๋าไม่อับจน พับแขนเสื้อเจ้าขึ้นมาเถิด

ราชาผิงเติ่ง “!”

เข้าใจกับผีน่ะสิ หากนางเข้าใจ จะเผายมโลกเช่นวันนั้นหรือ

ราชาผิงเติ่งมองคนอื่นที่ทยอยหายไป ฝ่ามือตบเข้าที่ปากตนเอง ใครใช้ให้เจ้าปากมากเช่นนี้

[1]เส้นทางน้ำพุเหลือง คือเส้นทางที่วิญญาณใช้เดินไปปรโลกเพื่อรายงานตัว

[2] แม่น้ำวั่งชวน จะทำให้มองเห็นอดีตที่ผ่านมาของตัวเองและปล่อยวางในที่สุด

[3] น้ำแกงยายเมิ่ง ลบความทรงจำ

[4] สะพานไน่เหอ สะพานจนใจ เมื่อเดินบนสะพานนี้จะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่ยังมีความทรงจำจากชาติที่เพิ่งตายจากมา

[5] ดอกปี่อั้นฮวา ดอกพลับพลึง เป็นดอกไม้ที่ปลูกเอาไว้ข้างเส้นทางน้ำพุเหลืองโดยเฉพาะ คนจีนเชื่อว่าเป็นดอกไม้ที่เป็นรอยต่อของความเป็นกับความตาย

[6] เทพเฟิงตู เทพเจ้าแห่งความตาย หรือพญายม

[7] ราชาฉินก่วง พระยมที่ดูแลนรกขุมที่ 1 จีนมีความเชื่อว่านรกมี 10 คนและมีพระยม 10 พระองค์

[8] ราชาซ่งตี้ พระยมผู้ดูแลนรกขุมที่ 3

[9] ราชาเปี้ยนเฉิง พระยมผู้ดูแลนรกขุมที่ 3

[10] ราชาผิงเติ่ง พระยมผู้ดูแลนรกขุมที่ 3

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท