บทที่ 1454 พลิกสถานการณ์
บทที่ 1454 พลิกสถานการณ์
ซูเฉี่ยนเยว่เองก็พยักหน้า “ใช่แล้ว ข้าเองก็ชอบกินอาหารจานผักก่อน”
กู้เสี่ยวหวานร้องอ้อ ดูราวกับจะผิดหวังเล็กน้อย แต่แล้วก็พูดต่อทันทีว่า “นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ข้าเองได้กินสิ่งนี้ คุณหนูทั้งสองทำอย่างไร เสี่ยวหวานเองก็จะทำอย่างนั้น”
พูดจบก็เลียนแบบท่าทางของหวงหรูซื่อและซูเฉี่ยนเยว่ที่คีบเห็ดหอมใส่ลงในหม้อ
หลังจากกินพวกผักไปสักพักแล้ว หวงหรูซื่อก็คีบเนื้อแกะขึ้นมาแล้วส่งเสียงร้องอ่า “เนื้อแกะชิ้นนี้เย็นแล้ว ข้าจะลวกก่อนแล้วค่อยกิน”
พูดจบแล้วก็เอาเนื้อแกะใส่ลงในหม้อ ซูเฉี่ยนเยว่เองก็ทำเช่นนั้นด้วย
กู้เสี่ยวหวานเห็นพวกนางใส่ลงในหม้อก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร คีบเนื้อแกะชิ้นนั้นที่มีเลือดติดอยู่แล้วใส่ลงในหม้อ
พอตักเนื้อแกะชิ้นนั้นขึ้นมาก็ไม่มีเลือดติดแล้ว กู้เสี่ยวหวานกินเข้าไปคำเดียวก็หันมาพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ว้าว เนื้อแกะนี้อร่อยมากจริง ๆ”
พูดเสร็จก็คีบใหม่อีกสองชิ้นแล้วใส่ลงไปในหม้อ ในชั่วพริบตาก็ตักขึ้นมาและนำเนื้อแกะที่ยังติดเลือดทั้งสองชิ้นนั้นวางใส่ในจานของซูเฉี่ยนเยว่และหวงหรูซื่ออีกครั้ง “คุณหนูทั้งสองลองชิมดู เนื้อแกะนี้อร่อยมากจริง ๆ”
สีหน้านั้นตื่นเต้นและจงใจมองข้ามสีหน้าที่เกลียดชังของหวงหรูซื่อและซูเฉี่ยนเยว่
ในเวลานี้หลี่ฝานก็เข้ามาพอดี
เขาอยู่ที่ชั้นสามมาตลอดไม่ได้ไปไหนไกล คอยเฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นทางด้านนี้อยู่ตลอดเวลา
ถึงแม้ว่าจะมีอาจั่วอยู่ข้าง ๆ กู้เสี่ยวหวาน แต่ถึงอย่างไรคุณหนูสองคนนี้ก็มาจากตระกูลที่ร่ำรวย ใช้กลอุบายฆ่าคนโดยไม่เปื้อนเลือด หลี่ฝานกลัวว่าอาจั่วจะเป็นแต่ศิลปะการต่อสู้และตามไม่ทันสิ่งพวกนี้ จึงกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะเสียเปรียบ
ดังนั้นหลี่ฝานจึงนำผ้าขี้ริ้ววัวที่กู้เสี่ยวหวานชอบกินมากที่สุดมาให้อีกและเคาะประตูเดินเข้ามา ก็เห็นกู้เสี่ยวหวานลวกเนื้อให้หวงหรูซื่อและซูเฉี่ยนเยว่พอดี จึงเห็นว่าสีหน้าของทั้งสองคนนั้นแดงอย่างกับตับหมูพลางมองสิ่งที่อยู่ในจานอย่างเคร่งเครียด
หลี่ฝานเห็นแล้วที่กู้เสี่ยวหวานนำเนื้อแกะใส่ลงในหม้อ เพียงแค่แวบเดียวก็ตักขึ้นมา วางใส่ในจานของทั้งสองคนนั้น
“แม่นาง เนื้อแกะนี้ไม่ได้ลวกเช่นนี้” หลี่ฝานก้าวไปข้างหน้าเพื่อให้คำแนะนำอย่าง ‘หวังดี’
เมื่อเห็นหลี่ฝานมาแล้ว ซูเฉี่ยนเยว่และหวงหรูซื่อก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“อ่า เช่นนั้นลวกแบบใดกัน” กู้เสี่ยวหวานทำเหมือนกับไม่รู้อะไรเลย
“เนื้อแกะนี้ต้องใส่ในหม้อที่เดือดแล้วสักพัก รอจนไม่มีเลือดติดบนนี้แล้ว นี่ถึงจะสุกและกินได้แล้ว” หลี่ฝานแนะนำด้วยรอยยิ้ม
“อ่า” กู้เสี่ยวหวานเบิกตากว้างและถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “แต่ว่าเมื่อครู่นี้คุณหนูหวงก็ลวกเช่นนี้ให้ข้านะ”
หวงหรูซื่อเบิกตากว้าง แต่กลับไม่มีคำพูดอะไรที่จะโต้แย้ง
ไม่ผิด เมื่อครู่นี้นางก็ลวกให้กู้เสี่ยวหวานเช่นนั้น
หลี่ฝานเหลือบตามองหวงหรูซื่ออย่างแนบเนียน ในใจยิ่งมั่นใจว่าสองคนนี้จะต้องมารังแกกู้เสี่ยวหวานแน่ จึงยิ้มพลางพูดว่า “เนื้อแกะนี้จะต้องลวกให้สุกก่อนถึงจะกินได้ ไม่อย่างนั้นกลัวว่ากินไปแล้วจะท้องเสีย”
กู้เสี่ยวหวานร้องอ๋อ พลางมองไปยังเนื้อแกะที่มีเลือดติดอยู่ในจานของหวงหรูซื่อและซูเฉี่ยนเยว่ และพูดอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อยว่า “ขอโทษนะ คุณหนูซู คุณหนูหวง ข้านึกว่าจะกินเช่นนี้ ข้าจะลวกให้พวกเจ้าใหม่อีกรอบ”
หลี่ฝานยิ้มพลางไกล่เกลี่ยสถานการณ์ “กลัวว่าคุณหนูหวงจะมีความหวังดี อยากให้คุณหนูได้ทานอาหารอร่อย ๆ ของร้านฝูจิ่นเรา จึงไม่ได้สังเกตเห็น”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว อร่อยมากจริง ๆ” กู้เสี่ยวหวานกล่าวชื่นชมด้วยรอยยิ้ม
พูดคุยกับหลี่ฝานท่าทางเหมือนกับคุ้นเคยกันมาก
สีหน้าของหวงหรูซื่อและซูเฉี่ยนเยว่แข็งทื่ออีกครั้งทันที
เมื่อหลี่ฝานเห็นว่าได้เวลาแล้ว ตัวเองก็นำผ้าขี้ริ้ววัวมาวางไว้บนโต๊ะ “คุณหนูทั้งสาม นี่เป็นอาหารอีกหนึ่งจานที่เป็นจานแนะนำของทางร้านเรา ผ้าขี้ริ้ววัว รสชาติอร่อยมาก ทุกท่านโปรดลองชิมดู”
พอได้ยินว่าเป็นผ้าขี้ริ้ววัว ซูเฉี่ยนเยว่และหวงหรูซื่อก็ปิดจมูก
พวกเครื่องในหรืออื่น ๆ พวกนางนั้นไม่กิน
แต่กู้เสี่ยวหวานทำราวกับว่ากินสิ่งนี้เป็นครั้งแรกจึงลวกขึ้นมา
เดิมทีผ้าขี้ริ้ววัวนั้นก็เป็นของที่นางชอบกินมากอยู่แล้ว แต่อาหารที่สั่งบนโต๊ะนี้ไม่มีสักอย่างเลยที่นางชอบ
นอกจากเนื้อแกะและอาหารจานผักหลาย ๆ อย่างแล้ว จานอื่น ๆ ก็ล้วนเป็นของหวานทั้งหมด กู้เสี่ยวหวานก็ไม่ค่อยชอบทานของหวาน
คราวนี้หลี่ฝานเอาผ้าขี้ริ้ววัวมาให้หนึ่งจาน แน่นอนว่าต้องถูกปากนางอยู่แล้ว
เมื่อเห็นซูเฉี่ยนเยว่และหวงหรูซื่อไม่กิน กู้เสี่ยวหวานก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป จึงเทของทั้งหมดลงในหม้อจนน้ำแกงเดือดขึ้นมา
หวงหรูซื่อกับซูเฉี่ยนเยว่สบสายตากัน เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานกินด้วยความเอร็ดอร่อย อีกทั้งท่าทางการลวกขึ้นมากินนั้นก็ยังดูชำนาญ เหมือนกับท่าทางที่เพิ่งเคยกินหม้อไฟเป็นครั้งแรกเสียที่ไหนกัน
อยากจะให้นางดูแย่ แต่กลับไม่คิดว่าจะทำร้ายตัวเอง
เรื่องที่ตัวเองลวกเนื้อแกะให้กู้เสี่ยวหวานเมื่อครู่นี้ หลี่ฝานรู้อยู่แล้ว เกรงว่าคนคนนี้เองก็คงไม่มีความกล้าที่จะเอาไปพูดข้างนอก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หวงหรูซื่อก็มีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง
“เสี้ยนจู่ชอบกินสิ่งนั้นมากหรือ”
“อืม อร่อยดีนะ หลังจากลวกออกมาแล้วก็จะมีรสสัมผัสกรุบกรอบ อร่อยมากเลยล่ะคุณหนูหวง เจ้าอยากจะลองชิมดูหรือไม่” จากนั้นก็ทำท่าทางราวกับจะคีบให้หวงหรูซื่อลองชิม หวงหรูซื่อรีบปิดจานตรงหน้าตัวเอง และพูดอย่างขยะแขยงว่า “ข้าไม่กินของสิ่งนั้น”
“อ๋อ แต่ของสิ่งนี้อร่อยมากเลยนะ” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างน่าเสียดาย
“เสี้ยนจู่อันผิง เจ้าไม่รู้จริง ๆ หรือว่าพวกคุณหนูไม่กินของสกปรกเช่นนี้” ซูเฉี่ยนเยว่เห็นกู้เสี่ยวหวานกินอย่างอร่อย จึงพูดอย่างประชดประชัน
“ทำไมจึงไม่กินของสิ่งนี้ มันสกปรกตรงที่ใดกัน” กู้เสี่ยวหวานถามอย่างแปลกใจ
“สิ่งนี้เป็นเครื่องในวัวจึงสกปรกมาก” ซูเฉี่ยนเยว่ปิดปากปิดจมูก ราวกับว่ายังได้กลิ่นเหม็นของผ้าขี้ริ้ววัวนี้โชยมาอย่างไรอย่างนั้น
“เฉี่ยนเยว่ เจ้าไม่เข้าใจแล้ว เสี้ยนจู่อันผิงเติบโตอยู่ในชนบทมาตั้งแต่เด็ก เกรงว่าในยามปกติเองก็คงจะกินของพวกนี้อยู่แล้ว” หวงหรูซื่อปิดปากและยิ้มอย่างประชดประชัน
กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเอะอะ ๆ พวกนางก็ยกเอาสถานะขึ้นมาทำความเข้าใจ ก็เริ่มไม่พอใจบ้างแล้ว “ของสิ่งนี้เป็นของดี พวกเจ้าอย่ามองว่ามันสกปรก ในนี้มีแต่สารอาหารบำรุงมากมาย อีกทั้งยังกินแล้วกรุบกรอบ รสชาตินั้นอร่อยมากอย่างยิ่ง พวกเราที่นั่นมีแต่คนที่มีอำนาจและมีอิทธิพลเท่านั้นที่จะสามารถกินได้ คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางที่จะได้กินของสิ่งนี้ได้หรอกนะ”