ตอนที่ 1,215 หลังเสร็จกิจ
“ท่านรู้หรือไม่ว่าหัวเข่าของท่านสามารถพักไว้บนหัวไหล่ของข้า…”
“ท่วงท่านี้ไม่ธรรมดา แอ่นหลังไปอีกหน่อย… ใช่แล้ว”
“เดี๋ยวข้าจะสอนเคล็ดลับให้ท่าน นี่เรียกว่าท่านารีขย่มอาน”
“ใช่แล้ว เช่นนี้แหละ… ขออีกนิดนึง”
เสียงที่เคร่งขรึมเคร่งเครียดของหลินเป่ยเฉินดังกังวานจากในห้องพัก
…
ด้านนอกห้องอาหารส่วนตัว
เด็กรับใช้ครึ่งคนครึ่งแมวยืนกอดอกอยู่หน้าประตู
“เหมียว คุณชายนายหญิงทั้งสองท่านรับประทานอาหารกันนานจริง”
นางหาวหวอด
เพราะยืนรออยู่ตรงนี้มาหนึ่งชั่วยามเต็ม ๆ แล้ว
บนประตูห้องอาหารแขวนป้ายเอาไว้ว่าห้ามรบกวน
มนุษย์ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด
เพียงรับประทานอาหาร เหตุไฉนจึงใช้เวลานานนัก
ช้ากว่าการรับประทานอาหารของมนุษย์แมวหลายเท่า
…
ด้านในห้องพัก
ในที่สุด สงครามอันดุเดือดก็จบลง
ชิงเล่ยปล่อยผมยาวสลวยปิดบังหน้าอกนั่งอย่างเกียจคร้านอยู่ในบ่อน้ำพุร้อน ดวงตาจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความประหลาดใจ “คุณชายมีความแข็งแกร่งมากเลยนะเจ้าคะ”
“จริงหรือ?”
หลินเป่ยเฉินยกมือคีบบุหรี่อัดควันเข้าปอด ก่อนจะใช้มืออีกข้างลูบคลำลวดลายเปลวไฟบนหน้ากากที่ตนเองสวมใส่และพ่นควันกลับออกมาเป็นรูปวงแหวน “ครั้งนี้ข้าเกรงว่าท่านจะรับไม่ไหว จึงใช้พลังไปเพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น”
“อิอิ…”
หญิงสาวยกมือปิดปากหัวเราะคิกคัก ส่งผลให้หน้าอกหน้าใจไหวกระเพื่อม
เช่นเดียวกับผิวน้ำในบ่อน้ำพุร้อน
ผิวพรรณที่ขาวราวกับหิมะบัดนี้กลายเป็นสีชมพูเรื่อ ๆ ใบหน้าประดับรอยยิ้มสดใส บอกได้ดีถึงความสุขสมและความพึงพอใจหลังผ่านพ้นสงครามอันเร่าร้อน
ไม่ต่างไปจากดอกกุหลาบที่เบ่งบานหลังพายุโหมกระหน่ำ
“เหตุไฉนคุณชายจึงไม่เคยถอดหน้ากากเลยเจ้าคะ?”
ชิงเล่ยจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินซึ่งนั่งอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนด้วยกัน ขนตาของนางเปียกชุ่มด้วยหยดน้ำ ดวงตากลมโตสดใสปรากฏความสงสัยและความผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย…
ชิงเล่ยไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรคุณชายท่านนี้จึงไม่ยอมเปิดเผยหน้าตาที่แท้จริงออกมา?
หลินเป่ยเฉินยกมือลูบคลำหน้ากากบนใบหน้าและตอบเสียงเรียบ “หากข้าถอดหน้ากากออก ข้าก็กลัวว่าท่านจะรับไม่ได้ ใบหน้าของข้ามีความน่ากลัวมากเกินไป ไม่ได้หล่อเหลามีเสน่ห์อย่างที่ท่านเข้าใจหรอก”
หากนางได้เห็นใบหน้าของเขาจริง ๆ หลินเป่ยเฉินก็กลัวว่าชีวิตนี้ ชิงเล่ยคงจะไม่อยู่ห่างกายเขาอีกแล้ว
และมันจะทำให้การเดินทางกลับสู่แผ่นดินตงเต้ายากลำบากมากขึ้น
“น่าประหลาดใจเสียจริง”
ชิงเล่ยขยับร่างกายเล็กน้อย ช่วงแขนและเรียวขาโผล่พ้นขึ้นมาเหนือผิวน้ำ นางมีสีหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อขณะกล่าวว่า “ข้ารู้สึกผ่อนคลายและสบายเนื้อสบายตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ต่างจากผู้คนที่สามารถเลื่อนขั้นพลังได้สำเร็จ เดิมที ข้าน้อยคิดว่าคุณชายจะ…”
พูดมาถึงตรงนี้ ใบหน้ารูปไข่ก็กลับกลายเป็นสีแดงระเรื่ออีกครั้ง
ในห้วงคิดของนางกำลังฉายภาพศึกสวาทระหว่างตนเองกับหลินเป่ยเฉินขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
ชิงเล่ยไม่เข้าใจเลยว่าเด็กหนุ่มไปเอาท่วงท่าพิสดารเหล่านั้นมาจากที่ใด?
เดิมทีหญิงสาวคิดว่าเมื่อพายุลมฝนผ่านพ้น ตนเองก็คงต้องใช้เวลาพักฟื้นร่างกายอย่างน้อยสองวันกว่าจะลุกขึ้นกลับลงจากเตียงได้ แต่กลับปรากฏว่าร่างกายของนางรู้สึกสดชื่นเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง
นี่คือความรู้สึกที่มหัศจรรย์มากจริง ๆ
หลินเป่ยเฉินยิ้มอย่างผู้ชนะ “ท่านคิดว่าข้าโกหกหรือ? อย่างที่บอกไป ระหว่างอยู่บนเตียงก็สามารถฝึกวิชาได้เช่นกัน ท่วงท่าเหล่านั้นไม่ได้เป็นไปเพราะความปรารถนาของข้า แต่มันเป็นการช่วยเหลือท่านเสริมสร้างพลังต่างหาก… บัดนี้ท่านคงเชื่อแล้วกระมัง?”
“ข้าน้อยเชื่อแล้ว”
ชิงเล่ยเคลื่อนกายเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างอ่อนหวาน นางใช้นิ้ววนรอบหน้าอกของหลินเป่ยเฉินพร้อมกับกล่าวว่า “ในอนาคต… พวกเราจะได้เจอกันอีกหรือไม่?”
เฮ้อ ผู้หญิงก็เป็นเสียอย่างนี้
เป็นปัญหาสำหรับหลินเป่ยเฉินตลอด
ไม่ว่าเขาไปที่ไหน ก็ต้องมีสาวงามมาหลงเสน่ห์อยู่เรื่อย
ทุกคนต่างก็อยากครอบครองเขาเพียงลำพัง
แต่นั่นคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
มือของหลินเป่ยเฉินลูบไล้ลงไปตามเอวคอดกิ่วและบีบก้นของนางอย่างแม่นยำและเต็มไม้เต็มมือ ก่อนพูดด้วยสีหน้าเป็นปกติว่า “เราย่อมต้องได้พบเจอกันอีก”
“ถึงข้าน้อยรู้ว่าคุณชายโกหก แต่ข้าน้อยก็มีความสุขเหลือเกิน”
ชิงเล่ยโน้มตัวเข้ามาจูบหน้ากากของเด็กหนุ่ม “แต่คุณชายไม่ต้องกังวล ข้าน้อยจะไม่รบกวนคุณชายอีก”
หลังจากกล่าวจบ นางก็ไถลตัวออกไปจากอ้อมแขนของหลินเป่ยเฉิน
ชิงเล่ยเดินขึ้นไปจากบ่อน้ำพุร้อนด้วยเท้าเปล่า หยดน้ำไหลลงมาจากเรือนร่างอรชรที่สมบูรณ์แบบนั้น เกิดเป็นภาพที่สวยงามและตราตึงใจมากที่สุดในโลก และต้องใช้เวลานานทีเดียวกว่าที่หยดน้ำเหล่านั้นจะตกกระทบพื้นหิน
หญิงสาวเริ่มสวมใส่เสื้อผ้า
หลินเป่ยเฉินหลับตาลงอย่างช้า ๆ
เพราะว่าขณะนี้ เขากำลังรู้สึกว่าพลังปราณธาตุในร่างกายของตนเองกำลังปั่นป่วนอย่างควบคุมไม่ได้ และหลินเป่ยเฉินก็อดประหลาดใจไม่ได้เช่นกัน
สตรีในดินแดนทวยเทพมีความยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ไม่น่าเชื่อว่าคัมภีร์เสริมความแข็งแกร่งผ่านการร่วมรักของบัณฑิตมัจจุราชจะมีอานุภาพยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้?
แต่ชิงเล่ยไม่ใช่สาวพรหมจรรย์ วิชานี้ก็ไม่น่าจะใช้ได้ผลไม่ใช่หรือ?
เด็กหนุ่มรีบโคจรพลังปราณธาตุในร่างกายของตนเอง เพื่อควบคุมมวลพลังให้สงบลงอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน ชิงเล่ยก็สวมใส่เสื้อผ้าเสร็จพอดี
“ข้าจะออกไปซื้อหาคู่มือนักผจญภัยสำหรับหุบผาอเวจีแดน 5 และแดน 6 มาให้คุณชายนะเจ้าคะ” นางหันหน้ากลับมายิ้มให้เขาด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะก้าวเดินออกไปจากห้องพัก
“ประเสริฐ”
หลินเป่ยเฉินยังคงไม่ได้ลืมตาขึ้นมา
เขาได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออกและประตูก็ถูกปิดลง
เหลือเพียงเด็กหนุ่มอยู่ในห้องตามลำพัง
เส้นเลือดปรากฏขึ้นข้างขมับของหลินเป่ยเฉิน
“ไม่ เราควบคุมพลังไม่ได้แล้ว พลังของเรากำลังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า… เราต้องเอาพลังปราณธาตุที่มีอยู่ไปปลดปล่อยในหุบผาอเวจี เพราะหากระเบิดพลังที่นี่ มีหวังถูกคนอื่นจับได้แน่ ๆ”
หลินเป่ยเฉินรีบลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้าและออกจากหอสุราไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน
ชิงเล่ยก็กลับมาถึงหอสุราเหมียวเหมียวหง่าวพร้อมด้วยคัมภีร์คู่มือสำหรับนักผจญภัยในหุบผาอเวจีแดน 5 และแดน 6
“เหมียว คุณชายในห้องหมายเลขแปดกลับไปแล้วเจ้าค่ะ”
เด็กรับใช้ครึ่งมนุษย์ครึ่งแมวเดินเข้ามารายงาน
กลับไปแล้ว?
ใบหน้ารูปไข่ของหญิงสาวปรากฏความประหลาดใจขึ้นมาวูบหนึ่ง
ก่อนจะตามมาด้วยความผิดหวังที่ไม่สามารถซ่อนเร้นได้
“ขะ…เขาได้ทิ้งคำพูดใดไว้บ้างหรือไม่?”
ชิงเล่ยถามออกมาอีกครั้ง
“ไม่มีเลยจ้ะ เหมียว”
เด็กรับใช้แมวเหมียวเฝ้ามองหญิงสาวผู้สวยงามนางนี้ด้วยแววตาสงสารและเห็นใจ
บุรุษภายใต้หน้ากากผู้นั้นไม่ใช่คนดี
“หากเป็นเช่นนั้น…”
ชิงเล่ยฝืนยิ้มและกล่าวต่อ “เจ้าคิดเงินค่าอาหารและค่าห้องพักมาได้เลย…”
“เหมียว ไม่ต้องจ่ายแล้วเจ้าค่ะ ก่อนกลับไป คุณชายท่านนั้นได้จ่ายทั้งหมดแล้ว” เด็กรับใช้แมวเหมียวเงยหน้าขึ้น “นายหญิงไม่ต้องจ่ายอะไรอีกแล้วเจ้าค่ะ”
ชิงเล่ยตกตะลึง ไม่รู้ว่าตนเองสมควรทำอย่างไรต่อไป
“เหมียว นายหญิงเป็นอะไรหรือไม่?”
เด็กรับใช้แมวเหมียวถามด้วยความเป็นกังวล
ชิงเล่ยสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ฝืนยิ้ม ส่ายศีรษะตอบกลับไป “ไม่เป็นไร… ขอบคุณมากนะ เหมียวน้อย”
นางยื่นมือออกไปลูบหัวเด็กรับใช้แมวเหมียว
ครึ่งมนุษย์ครึ่งแมวส่งเสียงครางในลำคอออกมาอย่างมีความสุข
มันชูอุ้งเท้าของตนเองขึ้นและยืดตัวกล่าวว่า “เหมียว มือของนายหญิงช่างอ่อนนุ่มเหลือเกิน บ่าวอยากให้นายหญิงลูบหัวบ่าวตลอดไป”
“เจ้าช่างขี้ประจบนัก”
รอยยิ้มกลับมาปรากฏบนใบหน้าของชิงเล่ยอีกครั้ง
เด็กรับใช้แมวเหมียวสะบัดหางอย่างซุกซนและกระซิบว่า “นายหญิงลืมคุณชายท่านนั้นไม่ได้ใช่ไหมเจ้าคะ ถ้าอย่างนั้นบ่าวจะคอยจับตาดูให้ หากบ่าวเห็นว่าเขามาที่นี่พร้อมกับสตรีอื่น บ่าวจะรีบบอกนายหญิงทันที เหมียว”
ชิงเล่ยยกมือขึ้นและลูบหัวของเด็กรับใช้แมวเหมียวด้วยความพึงพอใจ
…
หุบผาอเวจี
แดน 4
หลินเป่ยเฉินกำลังอยู่ในรังของอสูรกิ้งก่าไฟ พลังปราณธาตุที่อัดแน่นอยู่ในร่างกายได้รับการปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มอัตรา ส่งผลให้ในขณะนี้ เด็กหนุ่มมีลักษณะกลายเป็นมนุษย์เปลวไฟผู้หนึ่งไปแล้ว…
เพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น อสูรกิ้งก่าไฟที่มีขนาดร่างกายใหญ่ยักษ์เท่ากับรถสิบล้อคันหนึ่งก็ล้มลงตายอย่างง่ายดายยิ่ง
และยังมีลูกกิ้งก่ายักษ์อีกสี่ตัวที่พากันขดตัวอยู่ก้นถ้ำ จ้องมองมายังมนุษย์ผู้บุกรุกรังของพวกมันด้วยดวงตาแสดงออกถึงความหวาดกลัว
ภายในถ้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยกองกระดูกสีขาวโพลน บางส่วนเป็นกองกระดูกของสัตว์อสูรชนิดอื่น ๆ แต่ส่วนใหญ่แล้ว มันจะเป็นกองกระดูกมนุษย์ทั้งสิ้น