ตอนที่ 1,204 คนจะรวยช่วยไม่ได้
ชิงเล่ยตอบว่า “งูพิษลูกศรเขียวมีมูลค่าเท่ากับ 0.5 แต้มคะแนนศรัทธาและหากผิวหนังของมันยังอยู่ในสภาพดี ทางหอการค้าคนแคระเทวะก็ยินดีเพิ่มราคาให้อีก 0.5 แต้มเจ้าค่ะ”
เท่ากับว่าได้ตัวละหนึ่งแต้มคะแนนศรัทธา?
สรุปก็คืองูพิษตัวเล็กเหล่านี้มีราคาดีมากกว่าแก่นกายของพวกหมาป่าขนเทา
หลินเป่ยเฉินนำซากงูพิษจำนวนหนึ่งร้อยสามสิบแปดตัวออกมาทั้งหมดและถามว่า “ไม่ทราบท่านยินดีรับซื้อทั้งหมดนี้หรือไม่?”
ใบหน้าที่สวยงามของชิงเล่ยแสดงออกถึงความประหลาดใจเล็กน้อย “ย่อมยินดีรับซื้อ คุณชายได้มาเยอะเชียวนะเจ้าคะ”
สำหรับผู้ชี้แนะระดับล่างอย่างนาง รายได้และสถานะล้วนขึ้นอยู่กับจำนวนสิ่งของที่สามารถซื้อหาได้สำเร็จ ยิ่งสามารถซื้อของเข้าหอการค้าได้มากเท่าใด สถานะก็ยิ่งสูงส่งมากเท่านั้น หากชิงเล่ยสามารถซื้อหาสินค้าได้ตามเกณฑ์ที่ทางหอการค้ากำหนด นางก็จะได้เลื่อนขั้นจากผู้ชี้แนะระดับกระโปรงขาวสู่ระดับกระโปรงแดง และยิ่งมีตำแหน่งสูงมากขึ้น ส่วนแบ่งที่นางจะได้รับในการซื้อขายแต่ละรอบก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
งูพิษลูกศรเขียวจำนวนหนึ่งร้อยสามสิบแปดตัวที่กองอยู่ตรงหน้านางในขณะนี้ เพียงพอที่จะจ่ายเป็นค่าอาหารให้แก่ชิงเล่ยได้ทั้งสัปดาห์
นางไม่คิดเลยว่าคุณชายชุดเกราะดำจะล่าอสูรออกมาจากหุบเขาอเวจีได้มากมายเช่นนี้
นั่นหมายถึงเงินก้อนโต
บรรดาผู้ซื้อหาที่ก่อนหน้านี้เมินเฉยต่อหลินเป่ยเฉินเริ่มรู้สึกเศร้าเสียใจขึ้นมาแล้ว
“กราบเรียนคุณชาย หอการค้าของเรายินดีรับซื้อซากงูพิษลูกศรเขียวตัวละ 1.01 แต้มคะแนนศรัทธาขอรับ”
ผู้ชี้แนะจาก ‘หอการค้าเผชิญโชค’ พยายามเข้ามาตัดหน้าชิงเล่ย
หลินเป่ยเฉินหันไปมองหน้าพ่อค้าผู้นั้นและพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า “ไสหัวไปซะ”
“นี่เจ้า…”
พ่อค้าหนุ่มหยุดชะงักด้วยความฉุนเฉียว
ก่อนแสยะยิ้มและพูดว่า “เจ้าเด็กน้อยตัวเหม็น หากไม่ใช่เพราะมีหน่วยลาดตระเวนอยู่ที่นี่ และมีกฎห้ามก่อความวุ่นวายในสถานีขนส่ง อาศัยคำพูดอันยโสโอหังของเจ้า ข้าคงจะหักกระดูกเจ้าแหลกสลายไปทั้งร่างแล้ว… ฝากไว้ก่อนเถอะ เจ้าไก่อ่อน ดูสิว่าเจ้าจะโชคดีได้ตลอดไปหรือไม่”
จะ…เจ้าไก่อ่อน?
กล้าดีอย่างไรถึงมาเรียกเขาเช่นนี้
ชักจะดูถูกกันเกินไปแล้ว
แต่หลินเป่ยเฉินขี้เกียจเกินกว่าจะใส่ใจ เขาหันกลับไปมองหน้าชิงเล่ยและถามว่า “แล้วข้าจะรับคะแนนศรัทธาได้อย่างไร?”
“ไม่ทราบว่าหมายเลขประจำกำไลผลึกแก้วกิเลนของคุณชายคืออะไรเจ้าคะ?”
ชิงเล่ยยกข้อมือของนางขึ้นมาแสดงให้เขาเห็นถึงกำไลแก้วที่เป็นประกายวิบวาว “ข้าน้อยจะได้จ่ายคะแนนศรัทธาให้คุณชายเดี๋ยวนี้”
กำไลผลึกแก้วกิเลน?
มันคืออะไรกันล่ะนั่น?
หลินเป่ยเฉินมึนงงสงสัย
ลักษณะคล้ายกับนาฬิกาสมาร์ตวอตช์อยู่เหมือนกันแฮะ
ชิงเล่ยเห็นสีหน้าของหลินเป่ยเฉินจึงสอบถามว่า “หรือว่าคุณชายยังไม่มีกำไลผลึกแก้วกิเลน?”
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด
นักล่าอสูรหน้าใหม่จำนวนมากโดยเฉพาะผู้ที่มาจากเขตพื้นที่ระดับ 3 เมื่อเข้าสู่หุบเขาอเวจีเป็นครั้งแรก พวกเขาล้วนมาด้วยสถานะที่ยากจนข้นแค้น ย่อมไม่มีทางครอบครองกำไลผลึกแก้วกิเลนได้อยู่แล้ว
แต่หายากนักที่มือกระบี่นักผจญภัยในเขตแดนระดับ 4 จะไม่มีกำไลผลึกแก้วกิเลนติดตัว
เพราะผู้ที่เข้าสู่เขตแดนนี้ได้ ต้องเป็นนักล่าอสูรที่มีประสบการณ์มากพอสมควร
และเด็กหนุ่มในชุดเกราะสีดำทมิฬผู้นี้ก็ไม่ได้มีลักษณะเหมือนคนยากจน
เหตุไฉนเขาถึงไม่มีกำไล?
ชิงเล่ยพยายามปิดบังความสงสัยทางสีหน้าและยิ้มแย้มให้คำแนะนำต่อไป “หากคุณชายอยากจะเข้ามาล่าอสูรในหุบผาอเวจีในระยะยาว คุณชายก็ต้องซื้อกำไลผลึกแก้วกิเลนมาสวมใส่ที่ข้อมือก่อนเจ้าค่ะ เพราะมันจะช่วยให้การจับจ่ายใช้เงินของคุณชายสะดวกสบายมากขึ้น”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นโดยไม่รู้ตัว “ไม่ทราบข้าจะหาซื้อกำไลนี้ได้จากที่ใด?”
ชิงเล่ยรีบพูดด้วยความกระตือรือร้นทันที “ดูเหมือนคุณชายเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกใช่ไหมเจ้าคะ หอการค้าคนแคระเทวะของเรานอกจากรับซื้อซากสัตว์อสูรจากกลุ่มนักผจญภัยแล้ว เรายังมีบริการขายอุปกรณ์ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นกำไลผลึกแก้ว อาวุธ ชุดเกราะ ไปจนถึงเครื่องมือชนิดอื่น ๆ คุณชายได้โปรดตามข้าน้อยมาเลยเจ้าค่ะ”
และภายใต้การนำทางของชิงเล่ย หลินเป่ยเฉินจึงเดินตรงไปยังที่ทำการของหอการค้าคนแคระเทวะ
มันเป็นคูหาสามหลังที่ตั้งอยู่ติดกันบริเวณด้านหน้าสุดของสถานีขนส่ง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่หลินเป่ยเฉินขาดแคลนล้วนหาซื้อได้จากที่นี่
แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วว่าเขาคงอยู่ในดินแดนทวยเทพอีกไม่นาน ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงเลือกกำไลผลึกแก้วกิเลนรุ่นที่สาม ซึ่งมีราคาห้าสิบแต้มคะแนนศรัทธา… และมันก็เป็นรุ่นที่มีราคาถูกมากที่สุด
สิ่งที่คล้ายกับกำไลเหล่านี้นอกจากสวมใส่กับข้อมือได้แล้ว ยังสามารถดัดแปลงทำเป็นที่คาดศีรษะ ไปจนถึงดัดแปลงทำเป็นสร้อยคอได้อีกด้วย
บนกำไลผลึกแก้วแกะสลักลวดลายอย่างสวยงาม
ณ ปัจจุบัน กำไลผลึกแก้วกิเลนวางจำหน่ายมาแล้วเก้ารุ่น ทุกรุ่นล้วนมีรูปทรง สีสันและลวดลายอักขระแตกต่างกันออกไป รุ่นที่แพงที่สุดและทันสมัยที่สุดคือกำไลผลึกแก้วกิเลนรุ่นที่เก้า ส่วนที่หลินเป่ยเฉินซื้อหามาเป็นรุ่นที่สาม เปรียบเทียบกันแล้ว ก็เหมือนเขากำลังใช้โทรศัพท์มือถือตกรุ่นในโลกมนุษย์ใบเก่านั่นเอง
แต่เมื่อมีกำไลผลึกแก้วอยู่ในการครอบครอง หลินเป่ยเฉินก็สามารถเปิดบัญชีผู้ใช้งานได้ทันที
กำไลผลึกแก้วนอกจากจะใช้เป็นที่เก็บของและใช้โอนถ่ายคะแนนศรัทธาแล้ว มันยังใช้ในการติดต่อสื่อสารได้อีกด้วย
“คุณชายสามารถบันทึกหมายเลขกำไลของข้าน้อยไว้ได้เลยเจ้าค่ะ หากในอนาคตคุณชายอยากจะค้าขายกับข้าน้อยอีก คุณชายก็สามารถติดต่อข้าน้อยได้โดยตรง”
ชิงเล่ยยิ้มแย้มออกมาหวานหยดย้อย
หลินเป่ยเฉินบันทึกหมายเลขกำไลประจำตัวของชิงเล่ย
กำไลบนข้อมือของเขามีลักษณะการใช้งานเหมือนโทรศัพท์มือถือทุกประการ
ดังนั้นการติดต่อสื่อสารระหว่างเขากับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตลอดช่วงที่ผ่านมา ก็คงอาศัยการสื่อสารผ่านทางกำไลผลึกแก้วกิเลนเช่นนี้กระมัง?
แต่โทรศัพท์มือถือของเขาสามารถสื่อสารกับกำไลพวกนี้ได้อย่างไร?
นั่นคือปริศนาที่ยังคงรอคำตอบ
ยังไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ว่าเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงมีแอปวีแชทให้ใช้งานด้วยหรือ?
นั่นหมายความว่ากำไลผลึกแก้วกิเลนที่นางมีอยู่ในการครอบครอง อย่างน้อยก็ต้องเป็นรุ่นที่มีความสามารถระดับสูง จึงสามารถคอลวีดีโอกันได้เช่นนั้น
การขายซากงูพิษลูกศรเขียวและแก่นกายของหมาป่าขนเทาเสร็จสิ้นลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อหักค่าบริการเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็ได้รับคะแนนศรัทธามาทั้งหมดแปดสิบแต้ม
ชิงเล่ยอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง
นับว่าวันนี้นางโชคดี
ก่อนที่จะเดินมาส่งหลินเป่ยเฉิน ชิงเล่ยก็ไม่ลืมถามคำถามตามหน้าที่ว่า “ไม่ทราบคุณชายยังมีสิ่งของใดสำหรับซื้อขายอีกหรือไม่?”
นี่เป็นเพียงคำพูดตามมารยาทและหน้าที่เท่านั้น
คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กหนุ่มกลับพยักหน้า ตอบว่า “ยังมีอีก”
เขานำซากตุ่นอสูรออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิกส์และกล่าว “ข้ายังเหลือเจ้าตัวนี้อยู่ ไม่ทราบว่าสามารถขายได้เท่าไหร่?”
ชิงเล่ยเบิกตาโตตะลึงงัน
ใบหน้าที่สวยงามของนางแสดงออกถึงความประหลาดใจสุดขีด
“คุณชายสามารถล่าตุ่นอสูรมาได้ด้วยหรือเจ้าคะ?”
หน้าอกหน้าใจอันใหญ่โตของนางไหวกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงด้วยความตื่นเต้น “หนังตุ่นตัวนี้ได้รับความเสียหาย ทำให้ราคาของมันลดลง แต่ส่วนหัวยังสมบูรณ์ดี จึงถือว่าไม่ย่ำแย่เกินไปนัก ซากตุ่นตัวนี้มีราคาห้าสิบแต้มคะแนนศรัทธาเจ้าค่ะ…”
ตุ่นอสูรมีราคามากกว่างูพิษพวกนั้นอีกเหรอเนี่ย?
หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
เขาพูดอย่างมีความสุขว่า
“ประเสริฐ ข้ามีซากตุ่นอสูรอยู่ทั้งหมดสี่สิบตัว ขอขายทั้งหมดเลยก็แล้วกัน”
หลินเป่ยเฉินนำซากตุ่นอสูรที่อยู่ในแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ออกมาทั้งหมด
ผู้ชี้แนะกระโปรงขาวชิงเล่ยตะลึงลานอยู่กับที่
นางเบิกตาโตจ้องมองกองซากศพตุ่นอสูรที่เบื้องหน้า รู้สึกราวกับว่านี่คือความฝัน ไม่ใช่ความเป็นจริง
สถานีขนส่งแดน 4 ที่เคยมีบรรยากาศวุ่นวายคึกคักพลันเงียบสงบลงโดยทันที
สายตาทุกคู่จับจ้องมองมาที่กองซากตุ่นอสูร
ซากศพของพวกมันมีแต่กลิ่นคาวเลือด รูปลักษณ์ก็น่าขยะแขยง แต่สายตาของผู้คนจำนวนมากกำลังจ้องมองมาด้วยความปรารถนาใคร่ครอบครอง
เพราะนั่นหมายถึงว่าหลินเป่ยเฉินกำลังจะได้รับคะแนนศรัทธาจำนวนมาก
“ขายทั้งหมดนี้… เลยหรือเจ้าคะ?”
ชิงเล่ยระบายลมหายใจออกมาขณะพยายามตั้งสติ “สินค้าชุดนี้มีมูลค่าสูงเกินไป ข้าน้อยเป็นเพียงผู้ชี้แนะระดับกระโปรงขาว อาจจะไม่สามารถมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดได้ แต่ตราบใดที่คุณชายยินดีซื้อขายโดยให้ข้าน้อยเป็นนายหน้า ข้าน้อยก็จะขายพวกมันให้ได้ในราคาที่ดีมากที่สุดเจ้าค่ะ”
“ตกลงตามนั้น”
หลินเป่ยเฉินตอบตกลงอย่างว่าง่าย
เพราะเขายังมีสินค้ามาขายมากกว่านี้อยู่แล้ว
จากบริการก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความจริงใจของสตรีที่ชื่อว่าชิงเล่ย ดังนั้นการค้าขายกับนางต่อไปจึงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอันใด
ชิงเล่ยขอบคุณแล้วขอบคุณอีกด้วยความตื่นเต้น นางเริ่มต้นนับจำนวนสินค้าและคำนวณราคาอยู่ในใจ
เพราะว่าตุ่นอสูรเหล่านี้ถูกตัดหัว มูลค่าของพวกมันจึงลดลง จำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียด
หลินเป่ยเฉินนั่งรอที่ด้านข้างอย่างสบายอารมณ์
ชิงเล่ยใช้เงินของตนเองสั่งเครื่องดื่ม ‘สุราไม้เขียว’ มาให้แก่หลินเป่ยเฉิน นอกจากนี้ยังมีขาแมงมุมทอดอีกสองจานเป็นของทานเล่น รวมไปถึงนำคู่มือสำหรับนักผจญภัยฉบับพื้นฐานเล่มใหม่มาให้เขาอ่านฆ่าเวลาอีกด้วย
หลินเป่ยเฉินนั่งอ่านอยู่ครู่หนึ่ง จึงนำโทรศัพท์มือถือมาสแกนคัมภีร์เล่มนี้ และเขาไม่ประหลาดใจเลยที่มันจะกลายเป็นแอปพลิเคชันอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเขา
ด้วยเหตุนี้ เขาก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วหากจะเข้าไปล่าอสูรในเขตแดนที่ 5
ในระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังอ่านคัมภีร์คู่มืออยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงหวานหูดังขึ้นจากข้างกาย “โอ๊ะ คุณชายผู้หล่อเหลาท่านนี้ล่าตุ่นอสูรได้เป็นจำนวนมาก ย่อมแสดงให้เห็นถึงฝีมือการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา ดูเหมือนพวกเราจะได้ค้นพบนักล่าอสูรอัจฉริยะคนใหม่ประจำแดน 4 แล้วสินะ…”
หลินเป่ยเฉินหันหน้าไปมองโดยไม่รู้ตัว
และเขาก็ได้เห็นสตรีปากแดงผู้หนึ่งเดินบิดเอวเข้ามาพร้อมกับกลิ่นกายที่หอมหวนเตะจมูกมาตั้งแต่ไกล
นางเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับรอยยิ้มหวานฉ่ำ
ในหัวของหลินเป่ยเฉินอุทานออกมาได้คำเดียวว่า…
โคตรเซ็กซี่เป็นบ้า
สตรีนางนี้มีความสวยงาม เย้ายวน ชวนหลงใหล
เพียงมองดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่านางคงเป็นสตรีประเภทที่พร้อมขึ้นเตียงกับคนที่ถูกใจได้ทุกเมื่อ
ป้ายเหล็กที่ติดอยู่บนหน้าอก บ่งบอกว่านางคือผู้ชี้แนะระดับกระโปรงม่วง นามว่าเซียวจื่อหราน
สำหรับหอการค้าเผ่าคนแคระเทวะ เจ้าหน้าที่ที่ทำงานให้พวกเขาจะแบ่งแยกออกเป็นสี่ระดับ
ประกอบไปด้วย ระดับกระโปรงขาว ระดับกระโปรงแดง ระดับกระโปรงฟ้าและระดับกระโปรงม่วง
ผู้ชี้แนะระดับกระโปรงม่วงคือผู้ที่มีสถานะสูงสุด
เมื่อชิงเล่ยเห็นการปรากฏตัวของเซียวจื่อหราน ร่างของนางก็สั่นสะท้านเล็กน้อย สีหน้ากลายเป็นขาวซีด ดวงตาแสดงออกถึงความขุ่นเคืองใจ แต่นางก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา นอกจากก้มศีรษะทำความเคารพอย่างช้า ๆ