ตอนที่ 1,205 หรือว่าท่านไม่เชื่อ?
หลินเป่ยเฉินกลับมองเซียวจื่อหรานด้วยแววตาดุดันไม่เป็นมิตร
หากเปลี่ยนเป็นสตรีธรรมดา เมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาเช่นนี้ ก็คงสูญเสียความมั่นใจในตนเองไปมากแล้ว
แต่เซียวจื่อหรานไม่ใช่สตรีธรรมดา
สายตาของหลินเป่ยเฉินยิ่งทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น
หญิงสาวเดินบิดเอวเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินด้วยท่วงท่าเย้ายวน พร้อมกับกล่าวว่า “สายตาของคุณชายช่างทำให้ข้าน้อยตื่นเต้นเหลือเกิน ตราบใดที่คุณชายจ้องมองข้าน้อยอยู่เช่นนี้ ต่อให้วิญญาณของข้าน้อยต้องแตกสลาย ข้าน้อยก็ยินดี”
“จริงหรือ? นี่ท่านเมาหรือเสียสติกันแน่?”
ใบหน้าที่อยู่ภายใต้หมวกเหล็กของหลินเป่ยเฉินแสดงความประหลาดใจออกมา
ถ้อยคำของสตรีนางนี้แม้จะฟังออกว่าผ่านการประดิษฐ์มาเป็นอย่างดี แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้บุรุษหนุ่มผู้รับฟังเกิดความพึงพอใจ
“ข้าน้อยคงเมามายสายตาของคุณชายเสียแล้ว”
เซียวจื่อหรานเดินเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามหลินเป่ยเฉิน ขยิบตาให้เขา ก่อนกล่าวว่า “นี่คือครั้งแรกที่คุณชายมาขายสินค้าที่หอการค้าคนแคระเทวะใช่หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ยกมือกอดอกและถามกลับไป “ท่านรู้ได้อย่างไร?”
เซียวจื่อหรานยิ้มรับ ตอบว่า “ในหอการค้าแห่งนี้ เจ้าหน้าที่ผู้ชี้แนะจะแบ่งออกเป็นสี่ระดับจากต่ำขึ้นสูง ประกอบไปด้วยระดับกระโปรงขาว ระดับกระโปรงแดง ระดับกระโปรงฟ้า และระดับกระโปรงม่วง คุณชายมีสินค้ามาขายมากมายถึงเพียงนี้ สมควรติดต่อหาผู้ชี้แนะระดับสูงนะเจ้าคะ เพราะคุณชายจะได้ราคาดีมากที่สุด”
ดวงตาที่อยู่ภายใต้กระบังหมวกเหล็กของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายครุ่นคิด เขาถามออกมาว่า “กระโปรงม่วงคือเจ้าหน้าที่ผู้ชี้แนะระดับสูงสุดใช่หรือไม่? หากข้าขายสินค้ากับผู้ชี้แนะกระโปรงม่วง ข้าก็จะได้ราคาสินค้าสูงมากกว่าเดิมสินะ?”
เซียวจื่อหรานพยักหน้าด้วยความภาคภูมิใจ “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ในส่วนของซากตัวตุ่นอสูรเหล่านี้ ข้าน้อยยินดีมอบให้คุณชายร้อยยี่สิบแต้มคะแนนศรัทธา และหัวของพวกมัน ข้าน้อยก็ยินดีซื้ออีกเก้าสิบแต้มคะแนนศรัทธา ไม่ทราบว่าคุณชายพอใจหรือไม่?”
นี่คือราคาที่สูงมากกว่าราคาการประเมินของชิงเล่ยผู้ชี้แนะกระโปรงขาว
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วขบคิดเล็กน้อย ก่อนตอบว่า “แต่… ข้าสัญญากับแม่นางชิงเล่ยเอาไว้แล้ว”
“ไม่เป็นไร เรื่องนั้นเดี๋ยวข้าจัดการเอง”
เซียวจื่อหรานกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “สำหรับหอการค้าของเรา ผลประโยชน์ของลูกค้าย่อมมาเป็นอันดับแรกเสมอ เพราะฉะนั้น เดี๋ยวข้าน้อยจะจัดการกับปัญหานี้เป็นการภายในเอง ตราบใดที่คุณชายตอบตกลง ข้าน้อยก็จะเข้ามารับช่วงซื้อสินค้าของท่านต่อไป”
หลินเป่ยเฉินเกิดความลังเลเล็กน้อย
เซียวจื่อหรานกล่าวเสริมมาอีกหนึ่งประโยคว่า “คุณชายสามารถวางใจได้เลยว่า เราจะชดเชยให้แก่แม่นางชิงเล่ยอย่างสมน้ำสมเนื้อแน่นอน…”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ หญิงสาวก็จ้องมองเข้ามาในดวงตาของหลินเป่ยเฉินเหมือนพยายามสะกดจิต “ตราบใดที่เป็นความปรารถนาของคุณชาย ข้าน้อยยินดีตอบสนองหมดทุกอย่าง”
ในคำว่า ‘ทุกอย่าง’ นั้นมีการเน้นเสียงเป็นพิเศษ
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอ
ก่อนพยักหน้าตอบตกลง
เพราะไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่ตกลง
แม้ว่าผู้ชี้แนะกระโปรงขาวชิงเล่ยจะมีอัธยาศัยดีและสร้างความประทับใจให้แก่เขาไม่น้อย แต่หลินเป่ยเฉินย่อมเลือกผลประโยชน์ของตนเองมาก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ
เขายังคงต้องเข้าไปล่าอสูรในหุบผาอเวจีอีกหลายครั้ง
เขาย่อมต้องขายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อที่ให้ราคาสูงสุด
หากเขาให้ผู้ชี้แนะกระโปรงขาวชิงเล่ยรับหน้าที่เป็นนายหน้าซื้อขายให้เขาต่อไป หลินเป่ยเฉินก็คงต้องสูญเสียผลประโยชน์ไปไม่น้อย
นั่นทำให้เด็กหนุ่มขาดรายได้ที่ควรจะได้รับ
ยิ่งไปกว่านั้น หลินเป่ยเฉินไม่ได้มาที่ดินแดนทวยเทพเพื่อสร้างความดี เขาย่อมไม่มีทางคิดช่วยเหลือแม่นางชิงเล่ยเพียงเพราะเห็นว่านางมีอัธยาศัยดีและตั้งใจทำงานเท่านั้น…
หลินเป่ยเฉินเห็นแก่เงินขนาดไหนยามอยู่บนโลกมนุษย์ เมื่อขึ้นมาอยู่บนดินแดนทวยเทพ นิสัยเดิมของเขาก็ยังไม่หายไป
โทรศัพท์มือถือของเขาเป็นเสมือนเครื่องสูบเงินในตัวเอง
ไม่มีใครทราบเลยว่าการอัปเกรดโทรศัพท์ครั้งต่อไป โทรศัพท์เครื่องนี้จะต้องใช้ศิลาบูชาอีกจำนวนมากเพียงใด?
เพราะฉะนั้น การเปลี่ยนตัวนายหน้าจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว
และยังมีข้อตกลงยินดีทำ ‘ทุกอย่าง’ ของเซียวจื่อหรานอีกด้วย
ฮ่า ๆๆ นางคิดว่าจะใช้ลูกไม้นี้ล่อลวงหลินเป่ยเฉินได้สำเร็จอย่างนั้นหรือ?
ถูกต้องแล้ว
นางสามารถล่อลวงเขาได้สำเร็จ
เมื่อได้รับความยินยอมจากหลินเป่ยเฉิน เซียวจื่อหรานก็ลุกขึ้นไปจัดการเรื่องราวบางอย่างที่ด้านในคูหา
หลังจากนั้น
ผู้จัดการใหญ่ของสถานีขนส่งประจำแดน 4 นามเกอสือเหนียนก็นำตัวเซียวจื่อหรานกับชิงเล่ยมาปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าหลินเป่ยเฉินอีกครั้ง
ชิงเล่ยมีสีหน้าหมองเศร้า นางรู้ถึงการตัดสินใจของหลินเป่ยเฉินแล้ว แต่ก็ยังนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
“คุณชายแน่ใจนะขอรับว่าอยากจะเปลี่ยนตัวนายหน้าซื้อขายสินค้า?”
เกอสือเหนียนพูดด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม
เขาเป็นชายวัยกลางคนร่างอ้วน ลักษณะเหมือนก้อนเนื้อทรงกลมกลิ้งได้ สวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีเหลือง หูตาจมูกปากถูกปกคลุมด้วยชั้นไขมัน เวลาหัวเราะออกมาแต่ละครั้ง ช่างดูไร้เดียงสาและน่าเอ็นดู
เคยมีคนกล่าวไว้ว่าคนเรามักเชื่อใจคนอ้วนมากกว่าคนทั่วไปเป็นพิเศษ
เกอสือเหนียนก็เป็นบุคคลเช่นนั้นเอง
โดยเฉพาะยามที่เขาส่งเสียงหัวเราะ มันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความเป็นกันเองปราศจากพิษภัย
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าตอบว่า “แม่นางเซียวบอกข้าว่าแม่นางชิงจะได้รับการชดเชยอย่างสมน้ำสมเนื้อ และข้าต้องการทำสัญญาซื้อขายระยะยาวกับพวกท่าน”
พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็หันไปพยักหน้าให้กับชิงเล่ย “ขอบคุณสำหรับบริการของท่านด้วย”
ชิงเล่ยยิ้มแย้มตอบกลับมาอย่างสุภาพ “คุณชายพึงพอใจ ข้าน้อยก็ดีใจเจ้าค่ะ”
เกอสือเหนียนรีบโบกมือตัดบทโดยเร็ว “ในเมื่อคุณชายยืนยันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชิงเล่ย เจ้าถอนตัวออกไปได้”
ชิงเล่ยมีแววตาหมองเศร้า นางประสานมือก้มศีรษะคำนับหลินเป่ยเฉินและกล่าวว่า “ข้าน้อยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณชายจะผจญภัยและล่าอสูรได้อย่างปลอดภัยราบรื่น หากมีโอกาสในอนาคต ข้าน้อยก็อยากจะรับใช้คุณชายอีกครั้ง”
กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินจากไปด้วยความเศร้าโศก
หลินเป่ยเฉินมองเงาหลังของนางเดินจากไปด้วยความเจ็บปวดใจเล็กน้อย เนิ่นนานทีเดียว กว่าเขาจะสามารถถอนสายตากลับมาได้
“ค่าอาหารและเครื่องดื่มของคุณชาย เดี๋ยวข้าน้อยจะจ่ายให้เอง อยากรับประทานสิ่งใดก็สั่งมาได้เลยนะขอรับ… ฮ่า ๆๆ เอาล่ะ พวกท่านทำการค้าขายกันต่อไปเถอะ” เกอสือเหนียนพูดกับหลินเป่ยเฉินด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปเช่นกัน
ในสถานะผู้ดูแลสถานีขนส่งแดน 4 เกอสือเหนียนย่อมมีสถานะสูงส่ง แม้ว่าหลินเป่ยเฉินจะมีของดีอยู่ในตัวมากมาย แต่ก็ยังไม่คู่ควรที่เกอสือเหนียนจะออกมาต้อนรับด้วยตนเองนานมากเกินไป
“ของที่ข้าล่ามาได้ก็มีประมาณนี้ เชิญแม่นางเซียวตรวจสอบราคา”
ระหว่างที่พูดนั้น เด็กหนุ่มก็นำซากศพของสัตว์อสูรหลายชนิดออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ ไม่ว่าจะเป็นแมงมุมอสูร นกแก้วอสูร ไปจนถึงผลึกวิญญาณอสูรเร่ร่อน
ของทั้งหมดนั้นกองอยู่ตรงหน้าเซียวจื่อหราน
สีหน้าของนางบอกชัดถึงความตกตะลึง
“นี่มัน…”
เซียวจื่อหรานกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ “คุณชายเป็นคนสังหาร… ทั้งหมดนี้เลยหรือเจ้าคะ?”
หลินเป่ยเฉินยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ “หรือว่าท่านไม่เชื่อ?”
“ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น…”
ไม่ใช่ว่าผู้ชี้แนะกระโปรงม่วงเซียวจื่อหรานจะไม่เคยพบเจอเทพเจ้าที่มีฝีมือแข็งแกร่งมาก่อน แต่โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่กลับออกมาจากหุบผาอเวจีและได้สัตว์อสูรมามากมายเช่นนี้ มักจะเป็นนักล่าอสูรที่รวมตัวเข้าไปเป็นกลุ่มใหญ่มากกว่า
แต่ครั้งนี้ เด็กหนุ่มตัวคนเดียวกลับสามารถล่าสัตว์อสูรจำนวนมากออกมาได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วยาม ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่เซียวจื่อหรานเคยพบเห็นผู้มีความแข็งแกร่งในระดับนี้จริง ๆ