ตอนที่ 1,207 ท่านหูหนวกหรือ?
“อ้อ ไม่ว่าคุณชายมีข้อแม้อย่างไร ได้โปรดกล่าวออกมา”
รอยยิ้มยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าของเกอสือเหนียน
เขายังไม่ทราบที่มาที่ไปของหลินเป่ยเฉินจึงจำเป็นต้องเจรจาด้วยความสุภาพต่อไป
อีกอย่าง การที่เด็กหนุ่มมีซากสัตว์อสูรมาขายให้แก่หอการค้าคนแคระเทวะมากมายเช่นนี้ ก็ทำให้เด็กหนุ่มกลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ไปโดยปริยาย
พ่อค้าไม่อาจหยาบคายต่อลูกค้ารายใหญ่ได้โดยง่าย
หลินเป่ยเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายใจ “สิ่งที่ข้าต้องการไม่มีอะไรซับซ้อน ข้าต้องการให้ผู้ชี้แนะกระโปรงขาวชิงเล่ยกลับมาเป็นนายหน้าให้ข้า”
“ว่าไงนะ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าเกอสือเหนียนหายวับไปทันที
เขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะยื่นข้อเสนอเช่นนี้
เซียวจื่อหรานก็ตะลึงเช่นกัน นางเริ่มรู้สึกร้อนรนขึ้นมาในทันใด
หากตำแหน่งนายหน้าถูกเปลี่ยนแปลง นางก็จะสูญเสียเงินก้อนโตที่เทียบเท่ากับรายได้เกือบครึ่งปีไปในพริบตา
เซียวจื่อหรานยกมือสยายผม พยายามโปรยเสน่ห์อย่างสุดความสามารถพร้อมกับตีสีหน้าเศร้าโศกเสียใจ “ขอถามคุณชาย ข้าน้อยมีอะไรไม่ดีหรือเจ้าคะ? ต่อให้ท่านทุบตีดุด่าข้าน้อย ข้าน้อยก็จะไม่ว่าอันใด แต่ได้โปรดอย่าเปลี่ยนตัวข้าน้อยเลยนะเจ้าคะ อ้า ข้าน้อยมัวเมาในสายตาของท่านอีกแล้ว คุณชายอยากทำอะไรกับข้าน้อย ก็เชิญทำเลยเถอะ”
คำว่า ‘อยากทำอะไรกับข้าน้อย’ มีการเน้นเสียงเป็นพิเศษ
แต่ครั้งนี้หลินเป่ยเฉินไม่ได้หลงกลอีกแล้ว
เขาชื่นชอบหญิงงาม
แต่เขาไม่ใช่พวกบ้าตัณหาราคะ
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หลินเป่ยเฉินไม่ชอบแบ่งปันหญิงงามกับผู้ใด
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นโดยไม่รู้ตัวขณะกล่าวว่า “การแสดงของท่านมีความเสแสร้งแกล้งดัดมากเกินไป ข้าเห็นแล้วรู้สึกอยากอาเจียนเหลือเกิน”
สีหน้าของเซียวจื่อหรานแปรเปลี่ยนไปทันที
นี่คือครั้งแรกที่มีผู้คนกล้ากล่าวกับนางเช่นนี้
“คุณชาย…”
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นลูกค้ารายใหญ่ แต่เมื่อพบเจอถ้อยคำดูถูกถากถางชุดนี้เข้าไป ในใจเซียวจื่อหรานจึงเริ่มรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาไม่น้อย “คุณชายคิดว่าข้าน้อยกำลังแสดงอยู่หรือเจ้าคะ? คุณชายได้โปรดฟังข้าน้อยอธิบายก่อน…”
“ข้าไม่อยากฟัง ข้าไม่อยากฟัง ข้าไม่อยากฟัง”
หลินเป่ยเฉินพูดซ้ำไปซ้ำมาอยู่เช่นนั้นและโบกมือไล่ด้วยความรำคาญ “ท่านออกไปได้แล้ว”
เมื่อเซียวจื่อหรานเห็นท่าทีของหลินเป่ยเฉิน นางก็รีบหันไปมองหน้าเกอสือเหนียนด้วยความตื่นตระหนกและขุ่นเคือง
ชายอ้วนมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย เขานึกไม่ออกเลยว่าเพราะเหตุใด หลินเป่ยเฉินจึงต้องการเปลี่ยนตัวนายหน้าซื้อขายสินค้าอย่างกะทันหัน
การเปลี่ยนตัวเซียวจื่อหรานไม่ใช่เรื่องใหญ่
แต่การให้ชิงเล่ยกลับมาเป็นนายหน้าของเด็กหนุ่มผู้นี้นี่แหละที่เป็นเรื่องใหญ่
หากสตรีผู้นั้นสามารถทำยอดซื้อขายได้ตามเกณฑ์ กับดักที่เกอสือเหนียนพยายามวางมาตลอดหลายเดือนก็จะพังทลายลงไปกับตา
และหากเป็นเช่นนั้น การจะพยายามกดดันชิงเล่ยในอนาคตก็คงเป็นเรื่องยากแล้ว
เกอสือเหนียนรีบหาทางแก้ไขสถานการณ์ให้แก่ตนเอง
“หากคุณชายไม่พอใจบริการของพวกเรา ข้าน้อยก็สามารถแนะนำผู้ชี้แนะคนอื่นให้แก่ท่านได้ ข้าน้อยขอรับรองว่าพวกเราจะ…”
“ท่านหูหนวกหรือ?”
หลินเป่ยเฉินไม่ไว้หน้าชายอ้วนเลยแม้แต่น้อย “ข้าต้องการค้าขายกับผู้ชี้แนะกระโปรงขาวชิงเล่ยเท่านั้น หากท่านไม่เห็นด้วย งั้นข้าจะไปขายที่หอการค้าอื่น”
ขณะนี้ เริ่มมีกลุ่มคนมายืนรวมตัวกันอยู่โดยรอบ เฝ้าดูสถานการณ์โดยที่ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ
เกอสือเหนียนหลุดสบถออกมาสองสามคำ
หากลูกค้ารายใหญ่ผู้นี้หลุดออกจากมือเขาไปจริง ๆ มีหวังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหอการค้าคนแคระเทวะคงไม่อยู่เฉยแน่ และตำแหน่งผู้ดูแลสถานีขนส่งแดน 4 ของเกอสือเหนียนก็อาจจะต้องหลุดลอยไปเช่นกัน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เกอสือเหนียนก็ทำได้เพียงกัดฟันตามตัวชิงเล่ยออกมาเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นาน
ผู้ชี้แนะกระโปรงขาวชิงเล่ยก็เดินมาถึงลานหน้าคูหาด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
ระหว่างที่อยู่ในห้องทำงานด้านในนั้น หญิงสาวตัดสินใจรับข้อเสนอของชายอ้วนเรียบร้อยแล้ว แม้ว่ามันจะทำให้นางต้องพบกับความเจ็บปวดทรมานทางจิตใจมากมายก็ตาม
แต่สำหรับชิงเล่ยแล้ว ขอแค่มีงานทำและมีเงินไปรักษาชีวิตของบุตรสาว ในฐานะคนเป็นมารดา มีสิ่งใดบ้างที่นางจะทำไม่ได้อีก?
ดังนั้นชิงเล่ยจึงนั่งรออยู่ในห้องทำงานด้วยความสงบ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางกลับได้รับข่าวดี
ระหว่างที่เดินออกมาสู่ลานหน้าคูหา ชิงเล่ยก็ได้ทราบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
นางเองก็ไม่ทราบเลยว่าเพราะเหตุใดเด็กหนุ่มในชุดเกราะสีดำทมิฬหลังจากที่เลือกเซียวจื่อหรานให้เป็นนายหน้าซื้อขายสินค้า กลับตัดสินใจเปลี่ยนตัวนายหน้าอย่างกะทันหันอีกครั้ง?
หรือว่าเซียวจื่อหรานปฏิเสธข้อเสนอของคุณชายท่านนั้น?
เป็นไปไม่ได้
ในสถานีขนส่งแดน 4 มีผู้ใดบ้างไม่ทราบว่าเซียวจื่อหรานยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจ แม้นั่นจะแลกด้วยเรือนร่างของนางก็ตาม
หรือว่าคุณชายชุดเกราะดำจะไม่มีความสามารถในเรื่องนั้น?
ยิ่งไม่น่าเป็นไปได้
ดูจากความแข็งแกร่งของเขา เด็กหนุ่มย่อมมีความสามารถ
คำถามมากมายปรากฏขึ้นในสมองของชิงเล่ย เมื่อนางเดินมาถึงตรงหน้าหลินเป่ยเฉิน หญิงสาวก็ถามออกมาทันที “คุณชายเรียกหาข้าน้อยหรือเจ้าคะ?”
“ช่วยตีราคาสินค้าให้ข้าหน่อย”
หลินเป่ยเฉินยกเท้าขึ้นมาวางพาดไว้บนโต๊ะเบื้องหน้า ยกมือกอดอก พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ชิงเล่ยหันไปมองหน้าเกอสือเหนียน
ชายอ้วนพ่นลมผ่านทางจมูกอย่างเย็นชาและกล่าวตอบ “รีบทำตามคำสั่งของลูกค้า”
ชิงเล่ยโค้งคำนับให้แก่หลินเป่ยเฉิน
ยามที่นางโค้งตัวลงมา ยิ่งขับเน้นให้เห็นถึงบั้นท้ายกลมกลึงกับช่วงเอวที่โค้งเว้าอย่างสวยงาม
หลินเป่ยเฉินนำสินค้าที่ตนเองมีเกือบทั้งหมดออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์อีกครั้ง
สัตว์อสูรหลากหลายชนิดกองทับถมกันเป็นภูเขาน้อย ๆ
ทันทีที่เห็นซากศพสัตว์อสูรเหล่านั้น
ผู้คนที่อยู่ในสถานีขนส่งก็ต้องอุทานออกมา
บรรดาผู้คนที่ยังสงสัยในสิ่งที่หลินเป่ยเฉินพูดออกมาก่อนหน้านี้ เมื่อพวกเขาได้เห็นซากศพสัตว์อสูรด้วยตาของตนเอง หัวใจก็ต้องกระตุกวูบไหวด้วยความตกตะลึง
ดวงตาแทบถลนออกมาจากเบ้า
เกอสือเหนียนเฝ้าดูอย่างระมัดระวัง
ในฐานะผู้ดูแลสถานีขนส่งแดน 4 มาเป็นเวลากว่าหนึ่งปี ชายอ้วนย่อมรู้ถึงคุณค่าของซากสัตว์อสูรชนิดต่าง ๆ ดี
สัตว์อสูรเหล่านี้ถูกฆ่าตายด้วยคมกระบี่
เป็นคมกระบี่ที่ลงมืออย่างหมดจดงดงาม
เป็นคมกระบี่จากคนผู้เดียวกัน
ต่อให้เป็นนักรบเทวะจากตระกูลใหญ่ ก็ยังหาได้ยากที่จะมี ‘ทักษะการต่อสู้’ ดีเยี่ยมเช่นนี้
เด็กหนุ่มชุดเกราะดำอาจจะสังหารสัตว์อสูรเหล่านี้ด้วยตนเองจริงๆ
แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นผู้อื่นเช่นกัน
ทว่า สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือเด็กหนุ่มชุดเกราะดำผู้นี้คงไม่ได้เก็บซากอสูรทั้งหมดมาจากนักล่ากลุ่มอื่น เพราะไม่เคยมีนักล่าอสูรกลุ่มใดสามารถล่าสัตว์อสูรได้จำนวนมากเท่านี้มาก่อน
เพราะฉะนั้น เกอสือเหนียนจึงสรุปได้ความว่าเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคงมีสถานะไม่ธรรมดา…
หากไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่
ก็ต้องเป็นลูกหลานของผู้คนในสภาเทพเจ้า
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตาม เกอสือเหนียนรู้สึกว่าตนเองไม่ควรไปมีเรื่องขัดใจกับเด็กหนุ่มผู้นี้เด็ดขาด!!