ตอนที่ 1,214 จะเป็นคนดีหรือเป็นคนชั่วร้าย?
หลินเป่ยเฉินมองไปตามสายตาของชิงเล่ยและเขาก็พบเข้ากับหอสุราสีเขียวหลังหนึ่ง มันเป็นอาคารหินที่แกะสลักลึกเข้าไปในหน้าผาหิน ด้านหน้าหอสุราตกแต่งอย่างหรูหราและสวยงาม บ่งบอกว่าเป็นสถานที่ที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
ป้ายขวางหน้าประตูแกะสลักเป็นข้อความอ่านได้ว่า ‘เหมียวเหมียวหง่าว’
หลินเป่ยเฉินนึกว่าตนเองตาฝาด
เขาลองขยี้ตาแล้วอ่านดูอีกครั้ง ปรากฏว่าหอสุรามีชื่อนี้จริง ๆ
ในเวลาเดียวกันนี้ ด้วยฐานะอดีตเด็กหนุ่มจอมเสเพลประจำเมืองหยุนเมิ่ง เพียงมองดูปราดเดียวหลินเป่ยเฉินก็รู้แล้วว่าราคาค่าอาหารและสุราในสถานที่แห่งนี้ย่อมไม่ต่ำต้อยอย่างแน่นอน
สรุปว่าชิงเล่ยต้องการจะตอบแทนบุญคุณเขาด้วยการเลี้ยงอาหารหรูหนึ่งมื้อ?
หลินเป่ยเฉินรู้สึกตื้นตันใจ ก่อนพยักหน้าตอบว่า “ด้วยความยินดียิ่ง”
เขาตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ล้วงถามข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์อสูรในแดนอื่น ๆ จากชิงเล่ย
เมื่อทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าประตูหอสุราเหมียวเหมียวหง่าว ทันใดนั้น เด็กรับใช้ประจำโรงเตี๊ยมที่เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งแมวก็ออกมาต้อนรับ
“เหมียว นายท่านทั้งสองต้องการให้เปิดห้องพักเลยไหมเจ้าคะ?”
ครึ่งมนุษย์ครึ่งแมวมีความสูงเพียงครึ่งเอวของหลินเป่ยเฉิน มันมีเสียงเป็นสตรี ดวงตาแจ่มใสราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า ชุดกระโปรงสีขาวดำที่สวมใส่ทำให้หลินเป่ยเฉินนึกถึงพวกตัวการ์ตูนนางแมวยั่วสวาทในชาติภพที่แล้วขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
ให้ตายเถอะ
ครึ่งมนุษย์ครึ่งแมว?
ในดินแดนทวยเทพมีสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์นี้ด้วยหรือนี่?
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต
“ไม่นะ พวกเรา…” ชิงเล่ยหันไปมองหน้าหลินเป่ยเฉิน แล้วเกิดอาการลังเลใจเล็กน้อย ราวกับว่านางต้องใช้ความพยายามมากทีเดียวกว่าจะกล่าวประโยคต่อมาได้สำเร็จ “พวกเราอยากขอจองห้องอาหารบนชั้นสองสักห้องหนึ่ง”
“นายหญิงต้องการจองห้องอาหารส่วนตัวที่ชั้นสองหนึ่งห้องนะเจ้าคะ? รับทราบเจ้าค่ะ”
ครึ่งมนุษย์ครึ่งแมวมีดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ ขณะเดินนำเข้าสู่หอสุราอย่างมีความสุข “เหมียว คุณชายนายหญิงทั้งสองท่าน เชิญตามบ่าวมาได้เลยเจ้าค่ะ”
หอสุราเหมียวเหมียวหง่าวมีพื้นที่กว้างขวาง
โดยเฉพาะห้องอาหารส่วนตัวที่อยู่บนชั้นสอง
ด้านในห้องอาหารส่วนตัวถูกตกแต่งอย่างสวยงามแต่เรียบง่าย ตัวห้องแกะสลักลึกเข้าไปในกำแพงหิน นอกจากจะมีโต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งรับประทานอาหารแล้ว บนผนังด้านหนึ่งยังติดตั้งแผ่นหยกขาวขนาดใหญ่ที่แกะสลักภาพการล่าสัตว์อสูรอยู่อีกด้วย
เมื่อเดินลอดแผ่นหยกขาวนี้ไปแล้ว ด้านในก็จะเป็นห้องพักขนาดใหญ่
มีเตียงนอนตั้งอยู่หนึ่งหลัง…
มีเก้าอี้รูปทรงแปลกประหลาดตั้งอยู่อีกหนึ่งตัว
ถัดจากนั้นเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีความยาวเทียบเท่ากับมาตรวัดในโลกยุคปัจจุบันคือสองเมตร มีความกว้างหนึ่งเมตรครึ่ง และมีความลึกหนึ่งเมตร
หลินเป่ยเฉินยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพัก ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้มีความคุ้นเคยชอบกล บรรยากาศก็ดูจะเร่าร้อนขึ้นมาในพริบตา
หลินเป่ยเฉินหันหน้ากลับไปชำเลืองมองชิงเล่ย หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามและมีเรียวขาขาวเนียนกำลังสั่งอาหาร
ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนตนเองถูกพามาเปิดห้องในโรงแรมเลยนะ?
สุดท้าย นางก็อยากได้เรือนร่างของเขาจริง ๆ หรือนี่?
หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อย ชิงเล่ยจึงได้รับรู้ถึงสายตาอันแปลกประหลาดของหลินเป่ยเฉิน นางจึงรีบก้มศีรษะลงซ่อนใบหน้าแดงก่ำและอธิบายว่า
“หุบผาอเวจีเป็นสถานที่อันตราย บรรดานักผจญภัยที่เข้าไปที่นั่นต้องเสี่ยงชีวิตกับความเป็นความตายตลอดเวลา พวกเขาย่อมเกิดความตึงเครียดเป็นธรรมดา หลังจากออกล่าอสูรอย่างหนัก หอสุราเหมียวเหมียวหง่าวจึงมีไว้เพื่อให้บรรดานักผจญภัยเหล่านั้นได้มานอนหลับผ่อนคลาย นอกจากมีเตียงให้พักผ่อนแล้ว บ่อน้ำพุทางด้านหลังยังมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ปรับสมดุลเลือดลม และช่วยให้นักผจญภัยฟื้นฟูพลังปราณกลับขึ้นมาได้อีกด้วยเจ้าค่ะ”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง”
หลินเป่ยเฉินนึกภาพออกได้ไม่ยาก
เขาเข้าใจขึ้นมาในทันที
เมื่อเหนื่อยล้าจากการล่าสัตว์อสูรมาอย่างยาวนาน นักล่าอสูรเหล่านั้นก็จำเป็นต้องหาที่ปลดปล่อยระบายอารมณ์ เพื่อสร้างความผ่อนคลายให้แก่ตนเอง
ความสงบคือวิธีพักผ่อนที่ดีที่สุดสำหรับมือกระบี่นักผจญภัย
ในไม่ช้า เด็กรับใช้ครึ่งมนุษย์ครึ่งแมวก็กลับเข้ามาพร้อมด้วยอาหารและสุราจำนวนมาก
กลิ่นอาหารหอมฉุย
หญิงสาวรินสุราใส่ถ้วยให้แก่หลินเป่ยเฉินและอธิบายว่า “นี่คือสุราและอาหารชั้นนำของหอสุราเหมียวเหมียวหง่าว วัตถุดิบทุกชนิดล้วนได้มาจากหุบผาอเวจี เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วก็ช่วยบำรุงเลือดลม เสริมสร้างพลังปราณ ซ่อมแซมร่างกายในส่วนที่สึกหรอ โดยเฉพาะไข่แมงมุมสามขาทอด น่องตุ่นอสูรผัดเผ็ด และหัวหมูอสูรย่าง อาหารสามจานนี้เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว ก็จะช่วยเพิ่มพลังให้แก่คุณชายได้เป็นอย่างดีเจ้าค่ะ”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านมาที่นี่บ่อยหรือ?”
ชิงเล่ยส่ายศีรษะ “ข้าน้อยเคยมาที่นี่เมื่อนานมาแล้ว นี่คือครั้งแรกที่ข้าน้อยกลับมาในรอบสามปี”
หลินเป่ยเฉินเข้าใจอะไรบางอย่าง
เด็กหนุ่มไม่เกรงใจ ระหว่างที่รับประทานอาหาร เขาก็สอบถามถึงราคาสัตว์อสูรในหุบผาอเวจีแดนอื่น
“เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้เจ้าค่ะ”
ชิงเล่ยใช้เวลาขบคิดอยู่พักใหญ่ “เอาเป็นว่าเมื่อรับประทานอาหารเสร็จ เดี๋ยวข้าน้อยจะไปหาซื้อคู่มือสำหรับนักผจญภัยประจำแดน 5 และแดน 6 มาให้ท่าน บางทีมันอาจจะทำให้คุณชายได้รู้ข้อมูลมากขึ้น”
“ขอบคุณแม่นางชิงมากแล้ว”
หลินเป่ยเฉินยกถ้วยสุราขึ้นสูงและกล่าวว่า “อย่างนั้นเรามาดื่มให้กับการร่วมมือของเราในวันนี้กันดีกว่า”
ชิงเล่ยไม่ปฏิเสธ นางยกถ้วยสุราขึ้นแสดงความเคารพต่อหลินเป่ยเฉิน จากนั้นจึงยกมือข้างหนึ่งขึ้นป้องปากและซดสุรารวดเดียวหมดถ้วย
ระหว่างรับประทานอาหาร หลินเป่ยเฉินยังคงถามคำถามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาปรารถนาอยากรู้มาตลอด
ชิงเล่ยเองก็ไม่ได้ถามว่าเพราะเหตุใด เด็กหนุ่มจึงไม่มีความรู้ระดับพื้นฐานเลย นางทยอยตอบคำถามของเขาด้วยความอดทน
ตราบใดที่เขามีความสุข ชิงเล่ยก็พอใจแล้ว
และโดยไม่รู้ตัว พวกเขาก็ดื่มสุรา ‘ดั่งหลับฝันนิทรา’ อันเป็นสุราขึ้นชื่อของหอสุราเหมียวเหมียวหง่าวหมดไปแล้วถึงสี่ไห
ทั้งสองคนจึงตกอยู่ในอาการเมามาย
“คุณชายคงเหนื่อยล้าจากการล่าสัตว์อสูรมามาก ถ้าอย่างนั้นให้ข้าน้อยนวดให้ดีไหมเจ้าคะ? ข้าน้อยรู้วิธีจับเส้น น่าจะพอทำให้คุณชายผ่อนคลายขึ้นมาได้บ้าง”
ชิงเล่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
หลินเป่ยเฉินยังไม่ทันได้ตอบตกลง บริเวณหัวไหล่และต้นคอของเขาก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แนบชิดลงมาอย่างบดเบียด
เขาหลับตาลงอย่างสบายอารมณ์
ชิงเล่ยสามารถนวดคลึงได้อย่างชำนาญจริง ๆ
ชำนาญมากกว่าเฉียนเหมยกับเฉียนเจินเสียอีก
ในไม่ช้า หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกได้ว่าเลือดลมในร่างกายของตนเองพลุ่งพล่าน หัวไหล่และต้นคอของเขาที่ปวดตึงกลับผ่อนคลายลงอย่างน่ามหัศจรรย์
โดยเฉพาะบริเวณแผ่นหลังของเขาที่มีสองจุดร้อนผ่าวเป็นพิเศษ
เพราะมันได้รับการบดเบียดอย่างชัดเจน
ลมหายใจของชิงเล่ยเป่าราดรดใบหูของเขา
หลินเป่ยเฉินเคลิบเคลิ้มไปกับความผ่อนคลาย
นี่คือการเย้ายวนอย่างไม่ต้องสงสัย
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นจับมือของชิงเล่ยที่กำลังนวดคลึงหัวไหล่ให้กับเขา
หญิงสาวมีร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย
หลินเป่ยเฉินค่อยๆ ถอนหายใจออกมาและกระซิบว่า “ไม่เป็นไร ท่านไม่ต้องทำเช่นนี้ก็ได้”
ชิงเล่ยชักมือกลับไป นิ่งเงียบไปอึดใจใหญ่ ก่อนตอบว่า “ข้าน้อยรู้สึกร้อน…”
ให้ตายสิ
นั่นมันควรเป็นประโยคตอบคำพูดของเขาหรือไง
หลินเป่ยเฉินเริ่มมีจิตใจหวั่นไหวขึ้นมา
มังกรของเขากำลังผงาด
“ข้าน้อยขอตัวเข้าไปด้านในก่อน”
ชิงเล่ยหมุนตัวและเดินเข้าไปยังห้องพักที่อยู่ด้านหลังแผ่นหยกล่าอสูร
เอื๊อก
หลินเป่ยเฉินกลืนน้ำลาย
ให้มันได้อย่างนี้สิ
เขาคุ้นเคยกับบรรยากาศเช่นนี้เป็นอย่างดี
เด็กหนุ่มเคยเห็นในภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง
เขาจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเลือดลมในร่างกายร้อนระอุ ความปรารถนาพุ่งทะยาน แทบไม่อาจควบคุมได้อีกแล้ว
ไม่ได้
เด็กหนุ่มรีบสะบัดศีรษะ
เขาจะปล่อยตัวปล่อยใจไม่ได้
ไม่งั้นแล้ว…
ทันใดนั้น…
“โอ๊ย…”
เสียงอุทานดังออกมาจากด้านในห้องพัก
หลินเป่ยเฉินผุดลุกขึ้นและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“ข้าน้อย… ลื่นล้มเจ้าค่ะ… คุณชายเข้ามาช่วยประคองข้าน้อยหน่อยได้หรือไม่?” เสียงกระซิบของชิงเล่ยดังขึ้นราวกับเป็นนางปีศาจราคะ
หลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปยังห้องพักด้านในโดยไม่รู้ตัว
ชุดกระโปรงสีแดงถอดวางทิ้งไว้อยู่บนพื้น บริเวณริมบ่อน้ำพุร้อน ชิงเล่ยกำลังนั่งพับเพียบเปลือยกายยกมือกอดหน้าอกของตนเอง ผมยาวสลวยถูกปลดปล่อยลงมาปกคลุมหัวไหล่และต้นคอขาวผ่องยาวระเรื่อยไปจนถึงช่วงเอวและสะโพก สองแก้มของนางแดงก่ำ แต่หญิงสาวกลับจ้องมองมาที่เขาด้วยดวงตาเป็นประกาย…
หลินเป่ยเฉินต้องกลืนน้ำลายอีกครั้ง
“ข้า…”
เขาพูดออกมาได้คำเดียวเท่านั้น
ชิงเล่ยก็ลุกขึ้นและโถมตัวเข้ามาสวมกอด
แขนเรียวบางของนางกอดรัดรอบลำคอของเขาราวกับเป็นงูขาวตัวหนึ่ง…
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินเผชิญหน้ากับการตัดสินใจครั้งสำคัญ
จะเป็นคนดีต่อไป?
หรือจะเป็นคนชั่วร้ายดีนะ
เรื่องนี้ตัดสินใจได้ไม่ยาก
เพราะว่าหลินเป่ยเฉินไม่ได้เป็นคนดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงเคลื่อนไหวมือของตนเองโดยไม่ลังเล ประคองบั้นท้ายกลมกลึงของชิงเล่ยยกขึ้นสูง ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการด้วยความดุดัน…