ตอนที่ 1,241 ฝูงแมงป่องทะเลทราย
‘แมงป่องทะเลทรายพิษเขียว สัตว์อสูรระดับเจ็ดแห่งหุบผาอเวจี มักหากินอยู่ตามทะเลทราย หางแมงป่องสามารถนำมาดัดแปลงใช้เป็นอาวุธวิเศษระดับสอง พิษของมันมีความร้ายกาจที่แม้แต่เทพเจ้าก็ทนทานไม่ได้…’
นี่คือคำอธิบายจากแอปความรู้คู่ปัญญา
แต่จากข้อมูลที่แอปความรู้คู่ปัญญาให้มานั้น มีหนึ่งอย่างที่สามารถดึงดูดความสนใจของหลินเป่ยเฉินได้เป็นพิเศษ
แมงป่องทะเลทรายพิษเขียวหนึ่งตัวมีมูลค่าเป็นคะแนนศรัทธาถึงห้าแสนแต้ม
เปลี่ยนเป็นศิลาเทวะได้ห้าสิบก้อน
เมื่อจ้องมองฝูงแมงป่องที่กำลังยกขบวนเข้ามา ดวงตาของหลินเป่ยเฉินก็เป็นประกายวิบวับด้วยความตื่นเต้น
เขารู้สึกมีความสุขเสมือนเห็นกองเงินกองทองกำลังเคลื่อนเข้ามาหาตนเอง
“กระบวนท่ากระบี่ที่แปด”
หลินเป่ยเฉินยกแขนโบกสะบัดและปลดปล่อยรังสีกระบี่ออกจากปลายนิ้วของตนเอง
รังสีกระบี่พุ่งทะลวงออกไปจากมือขวาของเขา
นับเป็นการโจมตีที่รุนแรง
รังสีกระบี่หมุนวนออกไปเป็นกงจักร ม่านพลังแห่งการทำลายล้างแผ่ปกคลุมรอบบริเวณ
วูบ! วูบ! วูบ!
ลำแสงกงจักรถูกยิงใส่ฝูงแมงป่องทะเลทราย
ในอากาศเต็มไปด้วยจิตสังหาร
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ได้ยินเหมือนเสียงโลหะกระทบกันดังแว่วมา
ประกายไฟสาดกระจายอยู่ในทะเลทราย
แมงป่องทะเลทรายพิษเขียวคือสัตว์อสูรระดับเจ็ดแห่งหุบผาอเวจี
การโจมตีด้วยกระบวนท่ากระบี่ที่แปดของหลินเป่ยเฉินไม่สามารถทะลุผ่านผิวหนังที่เป็นเปลือกแข็งของพวกมันเข้าไปได้
“เกราะหุ้มของพวกมันแข็งแกร่งเกินไป”
หลินเป่ยเฉินอดตกตะลึงไม่ได้
หากลอกเปลือกแข็งที่ห่อหุ้มร่างกายแมงป่องพวกนี้ออกมา ก็น่าจะนำมาใช้เป็นโล่ได้อย่างดีเลยนะเนี่ย
ในดินแดนทวยเทพ โล่ที่ทำขึ้นมาจากเปลือกแข็งของแมงป่องทะเลทรายอาจจะไม่ใช่โล่ที่ดีที่สุด
แต่ถ้าเป็นในแผ่นดินตงเต้าล่ะ?
เยี่ยมไปเลย
หลินเป่ยเฉินรีบจดเปลือกแมงป่องอยู่ในรายการสิ่งของที่เขาอยากได้
ทันใดนั้น ปีกกระบี่คู่หนึ่งก็งอกออกมาจากแผ่นหลังของหลินเป่ยเฉิน ในมือของเขาถือกระบี่อยู่เล่มหนึ่ง เด็กหนุ่มลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าและตวัดกระบี่โจมตีใส่ฝูงแมงป่องที่อยู่เบื้องล่าง
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินมีสถานะเป็นลูกศิษย์ของเทพีกระบี่อย่างเป็นทางการ เขาจึงสามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์และวิชาเวทมนตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ฝูงแมงป่องทะเลทรายที่อยู่เบื้องล่างถูกโจมตีจนกระจัดกระจาย
ด้วยข้อมูลจากแอปความรู้คู่ปัญญา หลินเป่ยเฉินจึงรู้แล้วว่าแมงป่องทะเลทรายพิษเขียวมีจุดอ่อนอยู่ที่ใดบ้าง
เด็กหนุ่มสามารถควบคุมลำแสงกระบี่ได้อย่างชำนาญ เขาสังหารแมงป่องทะเลทรายจนตกตายนับจำนวนไม่ถ้วน และเขาก็พยายามทำให้แน่ใจว่าส่วนที่มีค่าของแมงป่องทะเลทรายเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเปลือกแข็งของพวกมัน หางของพวกมัน หรือพิษของพวกมัน ต่างก็อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมขายมากที่สุด
ครึ่งชั่วยามต่อมา
การฆ่าฟันก็ยุติลง
หลินเป่ยเฉินทิ้งตัวลงไปยืนอยู่บนพื้นดินและเริ่มต้นเก็บซากแมงป่องทะเลทรายเหล่านั้น
ตอนแรก เขาก็ลอกเปลือกแข็งของพวกมันออกมาเก็บแยกเอาไว้ต่างหาก แต่ภายหลัง หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกว่าเสียเวลามากเกินไป เขาจึงเก็บซากแมงป่องทั้งหมด ตั้งใจจะนำไปส่งมอบให้แก่ชิงเล่ยในหอการค้าคนแคระเทวะและขอร้องให้นางช่วยสั่งลูกน้องลอกเปลือกแมงป่องให้เขาด้วย
เมื่อกำจัดฝูงแมงป่องทะเลทรายพิษเขียวได้หมดสิ้น เงาร่างอีกหลายสายก็ปรากฏขึ้นในทะเลทรายจากระยะไกล
เงาร่างเหล่านั้นทิ้งตัวลงมาจากกลางอากาศ
ปรากฏว่าเป็นมนุษย์กลุ่มหนึ่ง
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าแถวนี้เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกแมงป่องทะเลทราย แต่คิดไม่ถึงเลยว่า… โอ๊ะ พวกมันทั้งหมดจะตายไปเสียแล้ว ฮ่า ๆ นายน้อย นับว่าสวรรค์เมตตาพวกเราแล้วจริง ๆ”
หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์พูดออกมาอย่างมีความสุขเมื่อเห็นกองซากแมงป่องทะเลทราย
แมงป่องทะเลทรายพิษเขียวเป็นสัตว์อสูรราคาแพง สามารถนำไปขายเป็นเงินได้ก้อนโต
“ตรงนั้นมีผู้คนกำลังยืนเก็บซากแมงป่องอยู่ด้วยขอรับ”
“เจ้านั่นตั้งใจจะขโมยซากแมงป่องเหล่านี้ไปจากนายน้อยหรือ?”
“อย่าได้ประมาทเด็ดขาด แมงป่องเหล่านี้ถูกฆ่าตายได้อย่างไร?”
“เป็นไปไม่ได้ หากพวกเราเผชิญหน้าฝูงแมงป่องเหล่านี้ ก็มีแต่ต้องหลบหนีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เจ้านั่นเพียงตัวคนเดียวจะสามารถจัดการแมงป่องทั้งฝูงได้อย่างไร? เขาไม่ใช่เจียงรั่วไป๋สักหน่อย…”
“จริงด้วยสินะ”
“งั้นพวกเราเข้าไปจัดการมันเลยดีหรือไม่?”
“เจ้ายังจะต้องถามอีกหรือ? รีบไปจัดการเด็กหนุ่มผู้นี้และฝังมันเอาไว้ที่นี่กันเถอะ”
“นี่ เจ้าหนู หยุดนะ ส่งซากแมงป่องเหล่านั้นมาให้พวกเราเสียดี ๆ เจ้ากล้าดีอย่างไรมาแตะต้องสิ่งของที่เป็นของนายน้อยของเรา ไม่ทราบว่าอยากตายใช่หรือไม่?”
หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ตะโกนใส่หลินเป่ยเฉิน
เห็นได้ชัดว่าหลินเป่ยเฉินได้ยินบทสนทนาก่อนหน้านี้ของกลุ่มชายฉกรรจ์อย่างชัดเจน
เฮ้อ
ในที่สุด เขาก็ต้องเจอพวกก่อกวนไร้สมองอีกแล้วหรือ?
เพียงเพราะเขาสวมใส่หน้ากากปิดบังหน้าตาและสง่าราศี ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้จึงไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นผู้สังหารแมงป่องทะเลทรายได้ยกฝูงสินะ?
หลินเป่ยเฉินนั่งยอง ๆ เสแสร้งแกล้งเก็บซากแมงป่องทะเลทรายต่อไปพร้อมกับพูดว่า “ข้าจะให้เวลาพวกเจ้านับหนึ่งถึงสาม จงรีบไสหัวไปซะ อย่าทำให้ข้าต้องเสียเวลา”
คำพูดเช่นนี้ยิ่งกระตุ้นโทสะของกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งห้าคนนั้นได้มากกว่าเดิม
โดยเฉพาะบุรุษหนุ่มที่ถูกเรียกขานว่า ‘นายน้อย’
“ข้าไม่เคยพบเจอผู้ใดยโสโอหังเช่นเจ้ามาก่อน”
นายน้อยมีใบหน้ามันเลื่อม ร่างกายฟุ้งไปด้วยกลิ่นผงหอม ท่าทางน่าจะเป็นคุณชายเจ้าสำอางไม่เบา เขาสวมใส่ชุดเกราะโลหะสว่างไสวเป็นประกายแวววาว พูดออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์ “ใครก็ตามสามารถตัดหัวมันผู้นี้ออกมาได้ ข้าจะให้รางวัลเป็นศิลาเทวะสิบก้อน”
“ข้าน้อยจัดการเองขอรับ”
“นายน้อย เรื่องนี้ข้าน้อยจะจัดการให้ท่านเอง”
ชายฉกรรจ์สองคนที่แต่งกายด้วยชุดขององครักษ์รีบกระโดดออกมาข้างหน้า
วูบ!
หอกยาวเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งแทงใส่ศีรษะของหลินเป่ยเฉิน
ในเวลาเดียวกันนี้ คนอื่น ๆ ก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ขวานในมือส่องประกายเย็นเยียบ
นักรบเทวะ
ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ล้วนแต่เป็นนักรบเทวะทั้งสิ้น
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นอย่างรวดเร็วและสามารถปัดป้องหอกแหลมที่พุ่งเข้ามาได้อย่างทันท่วงที
หอกแหลมลอยกระเด็นออกไปก่อนที่จะหักเป็นสองท่อนกลางอากาศ และลมหายใจต่อมา ผู้เป็นเจ้าของหอกทั้งสองก็ลอยกระเด็นไปคนละทิศละทาง ร่างกายจมหายลงไปใต้พื้นทราย
ทันใดนั้น…
วูบ!
วูบ!
ได้ยินเสียงวัตถุแหวกผ่านอากาศ ปรากฏว่าหอกที่แตกหักเหล่านั้นพุ่งย้อนกลับไปปักใส่ร่างกายผู้เป็นเจ้าของของพวกมันด้วยความเร็วสูงสุด
เมื่อเห็นเช่นนี้ ‘นายน้อย’ และลูกสมุนของเขาก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา
นักรบเทวะของเขาทั้งสองคนถูกฆ่าตายอย่างง่ายดายราวกับเป็นลูกไก่ในกำมือสองตัว
อีกฝ่ายต้องมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับไหนกันนะ?
ใช่สูงกว่าขั้นนักรบเทวะหรือไม่?
นายน้อยรีบยกมือส่งสัญญาณ
สององครักษ์ของเขาล่าถอยกลับไปอย่างช้า ๆ
“หยุดอยู่ตรงนั้น”
หลินเป่ยเฉินผู้ที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บซากแมงป่องทะเลทรายค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า “คิดจะหลบหนีแล้วหรือ?”
เขาสวมใส่ชุดเกราะสีดำทมิฬ ใบหน้าปิดบังอยู่ใต้หน้ากากที่แกะสลักเป็นลวดลายเปลวไฟ ดวงตาของเด็กหนุ่มใสกระจ่าง ขณะนี้ เขากำลังจ้องมองไปยังกลุ่มของ ‘นายน้อย’ ด้วยแววตาอาฆาตแค้น
“คุณชายผู้สูงส่ง ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย”
หนึ่งในผู้คุ้มกันของนายน้อยร่ำร้องขอความเมตตา
ส่วนตัวนายน้อยเองก็ขาสั่นระริกแล้วเช่นกัน
หลินเป่ยเฉินยกมือกระดิกนิ้วเรียก
ฝ่ายตรงข้ามที่เหลือกันอยู่เพียงสามคนพลันมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที
“ข้าน้อย…ข้าน้อยมาจากตระกูลเฉียน ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลเทวะขั้นสูง วันนี้เพียงผ่านทางมาล่วงเกินคุณชายโดยไม่ได้ตั้งใจ… พวกเรา…พวกเราต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง…”
ผู้เป็น ‘นายน้อย’ หวาดกลัวจนแทบจะคุกเข่าลงไปบนพื้นดินแล้ว
ในการแข่งขันครั้งนี้ สถานที่ทุกแห่งล้วนเต็มไปด้วยอันตราย
และสภาเทพเจ้าก็ออกกฎกติกาเอาไว้ว่าการสังหารกันในระหว่างการแข่งขันถือว่าไม่มีความผิด และห้ามไม่ให้ฝ่ายผู้เสียชีวิตคิดล้างแค้น เพราะการแข่งขันช่วงชิงตำแหน่งเทพเจ้าหน้าใหม่แห่งสภาเทพเจ้านั้น เดิมทีก็มีความเป็นความตายเป็นเดิมพันอยู่แล้ว
ผู้ที่จะคว้าตำแหน่งผู้ชนะไปครอบครองได้จึงต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
“มานี่ซิ”
หลินเป่ยเฉินพูดเน้นย้ำทีละคำ “หรืออยากจะยืนตายอยู่ตรงนั้น”
เมื่อได้รับคำสั่งเช่นนี้ นายน้อยและลูกสมุนก็รีบเดินเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินด้วยใบหน้ายิ้มแย้มประจบประแจง
“ข้ามีคำถามอยากจะถามพวกเจ้าสักหน่อย”
หลินเป่ยเฉินกล่าว “ได้โปรดตอบตามความเป็นจริง หากคำตอบของพวกเจ้าทำให้ข้าพอใจ ข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าไป มิเช่นนั้น…”
เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
แต่มันก็มีความหมายอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว
“ได้เลยขอรับคุณชาย พวกเรายินดีตอบทุกคำถามขอรับ”
‘นายน้อย’ รีบพูดอย่างกระตือรือร้น
หลินเป่ยเฉินหันหน้ามามองก่อนจะถามว่า “ทำไมพวกเจ้าทั้งห้าคนถึงถูกส่งมาสถานที่เดียวกับข้าได้พร้อมกันเช่นนี้?”
ชายฉกรรจ์ทั้งห้าคนกลุ่มนี้ล้วนเป็นพวกเดียวกัน
ต่างก็ถูกส่งมาที่ทะเลทรายแห่งนี้พร้อม ๆ กัน
แต่ตัวแทนจากวิหารเทพพงไพรทั้งยี่สิบคนนั้น เมื่อก้าวผ่านประตูมิติเข้ามาแล้ว ต่างคนต่างก็ถูกส่งตัวแยกย้ายไปคนละทิศละทาง
นี่จะต้องเป็นข้อผิดพลาดของประตูมิติแน่ ๆ
แต่สิ่งที่หลินเป่ยเฉินไม่เข้าใจก็คือทำไมข้อผิดพลาดถึงต้องมาเกิดขึ้นกับพวกของตนเองด้วย