ตอนที่ 1,244 พังทลาย
เมื่อหลินเป่ยเฉินลงมือ สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป
ร่างของเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับภูตผี ยามลงสู่สนามรบ ไม่ว่าเด็กหนุ่มปรากฏตัวขึ้นบริเวณใด บริเวณนั้นก็เป็นต้องมีหัวอสูรหมาป่าศิลาขาดกระเด็นอยู่เรื่อยไป
บรรดาผู้เข้าแข่งขันที่ต่อสู้อยู่กับฝูงอสูรหมาป่าศิลาก่อนหน้านี้ยังไม่ทันได้ตั้งตัว พวกเขารู้สึกเพียงว่ามีพลังกดดันหนาแน่นปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า แล้วหัวของอสูรหมาป่าศิลาก็ขาดกระเด็นออกจากบ่า
“เกิดอะไรขึ้น?”
หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันที่ยืนอยู่แถวหน้าสุดอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
“หรือว่าท่านผู้กล้าเหล่านั้นช่วยเหลือพวกเรา?”
ใครคนหนึ่งหันหน้ามองไปยังสี่ยอดฝีมือที่ยืนอยู่บนก้อนหินทั้งสี่ทิศโดยไม่รู้ตัว
แต่บัดนี้ สี่ยอดมือไม่มีเวลามาสนใจผู้ใด เพราะเป้าหมายในการโจมตีของพวกเขาอยู่ที่ราชาหมาป่าศิลาซึ่งยืนอยู่บนก้อนหินใหญ่ใจกลางเมืองร้าง
เมื่อเห็นดังนั้น กลุ่มผู้เข้าแข่งขันก็รู้แล้วว่ายอดฝีมือทั้งสี่ท่านนี้ย่อมไม่มีเวลามาช่วยเหลือตนเองแน่ ๆ
“มียอดผู้กล้าคนใหม่ปรากฏตัว”
“ช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน”
บรรดากลุ่มผู้เข้าแข่งขันอุทานออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ
รังสีกระบี่พุ่งเจิดจ้า เงาร่างสีขาวพุ่งผ่านเป็นลำแสง
และด้วยความเร็วสูงสุดเช่นนี้เอง จึงไม่มีใครสามารถมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเงาร่างสีขาวนั้นได้เลย
เมื่อหลินเป่ยเฉินลงมือ สถานการณ์ในสนามรบก็เปลี่ยนไป
ไม่ว่าอสูรหมาป่าศิลาจะวิ่งออกมาจากซอกหินใต้ดินมากเท่าไหร่ พวกมันก็ไม่สามารถคุกคามกลุ่มผู้เข้าแข่งขันได้อีกแล้ว
ขณะนี้ คุณภาพเป็นฝ่ายได้เปรียบปริมาณ
สิ่งที่เกิดขึ้นดึงดูดความสนใจจากราชาหมาป่าศิลาผู้ยืนอยู่บนก้อนหินใหญ่ใจกลางเมืองร้างได้ทันที
“เจ้าพวกสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ”
มันเปิดปากพูด เสียงดังกังวานราวกับฟ้าคำราม
แต่มันพูดออกมาด้วยภาษาเทพเจ้า
ทุกคำพูดของมันดังกึกก้องสะเทือนฟ้าสะท้านดิน ทำให้มวลอากาศปั่นป่วน แม้แต่ก้อนเมฆบนท้องฟ้าก็ยังสลายตัวหายไป
ความน่าเกรงขามของราชาหมาป่าศิลาทำให้หลายคนนึกครั่นคร้ามในความแข็งแกร่งของมัน เกิดเป็นความหวาดกลัวว่าหากราชาหมาป่าศิลาตัวนี้ลงมือ ตนเองก็คงต้องถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว
“โฮก!”
ทันใดนั้น หนึ่งในลูกสมุนระดับสูงของราชาหมาป่าก็ระเบิดเสียงคำรามก่อนกระโจนออกมาข้างหน้า ร่างของมันเปลี่ยนเป็นลำแสงสีเหลืองเข้ม พุ่งเข้าสู่สนามรบด้วยความรวดเร็ว
ครืน!
พื้นดินแตกร้าวราวกับเกิดแผ่นดินไหว
ศูนย์กลางแรงกระแทกแผ่กระจายออกมาจากทิศตะวันตก เมื่อแรงกระแทกนั้นครอบคลุมไปทั่วบริเวณ เม็ดทรายก็ฟุ้งตลบบดบังสายตาผู้คน
เม็ดทรายเหล่านั้นรวมตัวเกิดเป็นพายุทราย เคลื่อนผ่านไปทั่วเมืองร้างอย่างน่าหวาดกลัว
“สุดยอด”
“อสูรหมาป่าตัวนี้ก็แข็งแกร่งเหมือนกัน”
“นี่มันพลังอะไรกันเนี่ย?”
“องครักษ์ของราชาหมาป่ามีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
“แล้วท่านผู้กล้าที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพวกเราเมื่อสักครู่นี้ล่ะ? เขาคงไม่ได้ถูกฆ่าตายไปแล้วกระมัง?”
บัดนี้ บรรดากลุ่มผู้เข้าแข่งขันเริ่มล่าถอยไปตั้งหลัก พวกเขารู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกด้วยอานุภาพของพลังกดดันที่ปกคลุมอยู่ในอากาศ
เฉียนหลงและองครักษ์ทั้งสองอย่างเสี่ยวป๋อและหวังจ้านยังคงยืนอยู่บนเสาหินสูงใหญ่ พวกเขาเฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยดวงตาเบิกโพลง
แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นก็มีเพียงพายุทรายที่บดบังทัศนียภาพทั้งหมด
ไม่สามารถมองเห็นการต่อสู้ในสนามรบได้ด้วยตาเปล่าอีกแล้ว
ถึงใช้พลังจิตก็ไม่สามารถตรวจจับได้เช่นกัน
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่บ่งบอกให้พวกเขารู้ว่าการต่อสู้ยังดำเนินต่อไป
เฉียนหลงสูดหายใจลึก
ภาวนาให้เด็กหนุ่มผู้ที่ตนเองเลือกติดตามเป็นฝ่ายชนะ
เฉียนหลงตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะขอเป็นลูกสมุนเด็กหนุ่มผู้นั้น
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่อาจละทิ้งเด็กหนุ่มได้กลางคัน
ชนะก็ต้องชนะด้วยกัน
แพ้ก็ต้องแพ้ด้วยกัน
เพราะหากเด็กหนุ่มผู้เป็นนายท่านของเฉียนหลงไม่สามารถต้านทานราชาหมาป่าศิลาได้ นั่นก็หมายความว่าผู้เข้าแข่งขันทุกคนที่อยู่ในหุบเขามรณะแห่งนี้ ก็คงต้องถึงแก่ความตายหมดสิ้น
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้นไม่หยุดยั้ง
แต่แล้วทุกอย่างก็เงียบงัน
การต่อสู้ยุติลง
เฉียนหลงหัวใจเต้นรัวเร็วด้วยความลุ้นระทึก
ผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะ?
เฉียนหลงและลูกสมุนจ้องมองไปทางพายุทราย
พายุเม็ดทรายค่อย ๆ สลายตัวลงไป
ร่างสองร่างยืนเผชิญหน้าห่างกันหลายสิบวา
ผู้ที่ยืนอยู่ฝั่งซ้ายมือคือหลินเป่ยเฉินในชุดเกราะสีขาว
ส่วนผู้ที่ยืนอยู่ฝั่งขวามือคือองครักษ์ของราชาหมาป่าศิลา กล้ามเนื้อของมันปูดโปน ผมสีเหลืองเข้มยุ่งเหยิงฟูฟ่อง
พลังกดดันต่างก็แผ่ออกมาจากร่างกายของทั้งสองอย่างรุนแรง
ดูเหมือนการต่อสู้จะจบลงที่ผลเสมอกัน
แต่หากลองพิจารณาดูให้ดี ก็จะพบว่าชุดเกราะหนังสีขาวของหลินเป่ยเฉินบริเวณหัวไหล่ซ้ายและต้นขาขวาเกิดรอยฉีกขาดอยู่สี่ตำแหน่ง ล้วนแต่เป็นรอยฉีกขาดด้วยกรงเล็บหมาป่าและผิวหนังของเขาก็มีเลือดไหลซึมออกมา
เห็นดังนั้น หัวใจของเฉียนหลงก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ความคิดที่จะเป็นผู้ติดตามผู้ซื่อสัตย์สลายหายไป
เฉียนหลงกำลังจะหันหลังหลบหนี
ขนาดองครักษ์ของราชาหมาป่า เด็กหนุ่มในชุดเกราะขาวผู้นี้ยังเอาชนะไม่ได้ แล้วเขาจะไปเอาชนะราชาหมาป่าศิลาได้อย่างไร?
แต่ทันใดนั้น เฉียนหลงก็เปลี่ยนใจ
หากเขาหลบหนีไปตอนนี้ ไม่แน่ว่าตนเองจะรอดชีวิตเสมอไป
กำหนดเวลาในการทำภารกิจรอบแรก กว่าจะเสร็จสิ้นลงก็ต้องรออีกถึงหนึ่งชั่วยาม
เวลาหนึ่งชั่วยามเพียงพอที่จะทำให้ราชาหมาป่าศิลาออกตามล่าผู้เข้าแข่งขันทุกคนในหุบเขามรณะ และสังหารทิ้งด้วยความอำมหิต
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี
ดังนั้น ไหน ๆ ก็จะตายแล้ว หากลองต่อสู้ดูสักครั้ง ก็อาจมีโอกาสรอดชีวิตอยู่บ้าง
บรรดาผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าตกตะลึงและหวาดกลัว ความรู้สึกหมดหวังครอบคลุมจิตใจโดยไม่รู้ตัว
เมื่อสักครู่ เด็กหนุ่มในชุดเกราะสีขาวลงมือโจมตีอย่างรุนแรงเพียงใด พวกเขาย่อมทราบดี ทุกคนจึงคาดหวังว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะเป็นผู้พิทักษ์ของตนเองและสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ทั้งหมด
แต่ใครจะไปคิดเล่าว่า เพียงเผชิญหน้ากับหนึ่งในองครักษ์ของราชาหมาป่าศิลา เด็กหนุ่มผู้นี้ก็ไม่สามารถเอาชนะได้แล้ว
บัดนี้ ทุกคนต่างก็จ้องมองไปที่ราชาหมาป่าศิลาผู้ยืนตระหง่านอยู่บนก้อนหินใหญ่ใจกลางเมืองร้างด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง
มันไม่ต่างจากยอดนักล่าที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารจริง ๆ
ไม่ใช่สิ
ต้องอธิบายว่ามันคือสุดยอดราชันอสูรที่อยู่เหนือมดปลวกทั้งปวง
สี่ยอดฝีมือที่ยืนอยู่ล้อมรอบราชาหมาป่าศิลาพลันมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปแล้ว
“พี่ชาย ท่านรีบนำทุกคนหลบหนีไป”
บุรุษหนุ่มผมดำผู้รวบผมเป็นหางม้ากล่าวออกมาเสียงดัง “พวกเราทั้งสี่คนจะถ่วงเวลาราชาหมาป่าศิลาตัวนี้เอาไว้เอง พวกเราจะพยายามยื้อไว้จนครบกำหนดการทำภารกิจ พวกท่านรีบไปหาที่ซ่อนตัวซะ…”
ในกลุ่มสี่ยอดฝีมือขณะนี้ มีเพียงบุรุษหนุ่มผมหางม้าผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถเอ่ยปากพูดออกมา
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะฮ่า ๆ
“ไม่ทราบว่าท่านผู้กล้ามีนามสูงส่งอันใด?”
เขาถามออกไปเสียงดัง
“ซวีเหิง”
มือกระบี่ผมหางม้าผู้นั้นตอบกลับมาเสียงดังฟังชัด
“หนึ่งกระบี่สู่ความตาย ซวีเหิง?”
เมื่อเฉียนหลงที่ยืนอยู่ห่างไกลได้ยินชื่อนั้น สีหน้าของเขาก็ปรากฏความหวังขึ้นมาในบัดดล
ในกลุ่มนักรบเทวะหน้าใหม่ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ซวีเหิงถูกจัดให้เป็นผู้ที่มีฝีมือแข็งแกร่งมากที่สุด บังเกิดข่าวลือว่าไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานบุรุษหนุ่มผู้นี้ได้เกินสองกระบวนท่า และในการแข่งขันครั้งนี้ ซวีเหิงก็เป็นหนึ่งในสิบตัวเต็งที่จะคว้าตำแหน่งผู้ชนะไปครอบครองในท้ายที่สุด
หากมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่ด้วย โอกาสที่พวกเขาจะชนะก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“ซวีเหิง?”
หลินเป่ยเฉินเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความชั่วร้าย ก่อนจะยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นโดยไม่รู้ตัว “ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน… แต่ท่านทำตัวกล้าหาญน่าประทับใจ ข้าจะจดจำชื่อของท่านไว้ก็แล้วกัน”
กล่าวจบ เด็กหนุ่มก็หันมามองที่องครักษ์ของราชาหมาป่าศิลาอีกครั้ง
“หลายปีที่ผ่านมา เจ้าคือสัตว์อสูรตัวแรกที่สามารถทำให้ข้าหลั่งเลือดได้สำเร็จ ดูเหมือนข้าจะอ่อนข้อให้เจ้ามากเกินไปแล้วสินะ…”
เสียงหัวเราะของหลินเป่ยเฉินดังกังวานไปทั่วบริเวณ
แล้วบาดแผลที่อยู่บริเวณหัวไหล่กับต้นขาของเขาก็มีเปลวไฟสีแดงเพลิงลุกโชน
พิษร้ายจากกรงเล็บหมาป่าถูกกำจัดออกไป
พรึ่บ!
ร่างของหลินเป่ยเฉินพลันมีเปลวไฟลุกโชนสว่างไสวทั้งตัว
“ข้าจะเป็นคนส่งเจ้าลงนรกเอง”
คุณชายหลินโบกสะบัดมือเล็กน้อย
และกระบี่เพลิงโลกันตร์ก็มาปรากฏขึ้นในมือของเขา