บทที่ 1246 หวังว่าท่านจะมีชีวิตอยู่รอดจนถึงตอนนั้น

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,246 หวังว่าท่านจะมีชีวิตอยู่รอดจนถึงตอนนั้น

ณ ก้อนหินใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางสนามรบกลางเมืองร้าง

“เป็นเพียงมดปลวกต่ำต้อยยังกล้าเรียกตนเองว่าเทพเจ้า ช่างโง่เขลาสิ้นดี”

ดวงตาของราชาหมาป่าศิลากลายเป็นสีแดงก่ำ จิตสังหารแผ่พุ่งออกมาราวกับเป็นพายุน้ำแข็ง

เสียงหัวเราะของมันเย็นชาน่าขนลุก ก่อนที่มันจะกล่าวว่า “ข้าจะเอาเลือดของพวกเจ้ามาล้างบาปให้แก่ความผิดทั้งหลายที่พวกเจ้าเคยกระทำต่อพวกเราเผ่าพันธุ์อสูร”

และราชาหมาป่าศิลาก็ระเบิดพลังออกมาอีกครั้ง

พลังกดดันในอากาศเพิ่มความหนาแน่นมากยิ่งขึ้น

“ทุกคนรีบหนีไป”

มือกระบี่ซวีเหิงส่งเสียงคำราม

ในที่สุด เขาก็จะลงมือแล้ว

ซวีเหิงถือกระบี่อยู่ในมือขวา

ยอดฝีมืออีกสามคนก็กระชับอาวุธคู่กายเตรียมพร้อมโจมตีเช่นกัน

ในช่วงเวลาระหว่างนี้ พวกเขาต่างก็โคจรพลังปราณเทวะในร่างกายขึ้นมาเต็มอัตรา

“ฆ่ามัน!”

ซวีเหิงส่งเสียงคำรามกู่ก้องพลางตวัดกระบี่ในมือ

คมกระบี่สาดประกายวูบ

ลำแสงกระบี่พุ่งไปข้างหน้าเป็นประกายระยิบระยับราวกับเกล็ดหิมะเรืองแสง

นับเป็นการโจมตีที่งดงาม

หลินเป่ยเฉินแอบชื่นชมอยู่ในใจ

ถึงเขาจะไม่รู้ว่านี่คือกระบวนท่าอะไร แต่เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่านี่คือกระบวนท่ากระบี่ที่แข็งแกร่งมาก

แข็งแกร่งเกินจินตนาการ

และยอดฝีมืออีกสามคนที่เหลือก็จู่โจมพร้อมกัน

รังสีกระบี่สาดประกายสว่างไสว

แต่พลังโจมตีของพวกเขาไม่แข็งแกร่งเท่าซวีเหิง

ทว่า รูปแบบการโจมตีมีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างสูง

เมื่อโจมตีออกไปแล้ว

ก็ไม่มีทางรั้งกลับมาได้อีก

สี่กระบี่โจมตีใส่ราชาหมาป่าศิลาเป็นหนึ่งเดียว

การโจมตีในครั้งนี้มีเจตนาแบ่งแยกร่างกายของราชาหมาป่าศิลาออกเป็นสี่ส่วน

กลุ่มผู้เข้าแข่งขันที่อยู่โดยรอบรีบล่าถอยออกไปด้วยความตื่นกลัว

บางคนถึงกับวิ่งหนีออกไปนอกเมืองร้าง

การต่อสู้ในระดับนี้ หากพวกเขาได้รับลูกหลง ก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น

ถึงยืนดูอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด

หลินเป่ยเฉินถือกระบี่อยู่ในมือ แต่ก็ยังไม่ได้ลงมือเข้าช่วยเหลือ

เพราะการโจมตีของพวกซวีเหิงมีความแข็งแกร่งรุนแรงและสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว ตัวหลินเป่ยเฉินถือเป็นคนนอก หากบุ่มบ่ามเข้าไปโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ แทนที่จะได้ช่วยเหลือ ก็จะกลับกลายเป็นตัวถ่วงลดทอนอานุภาพในการโจมตีลงก็เป็นได้

ยอดฝีมือทั้งสี่ผนึกกำลังกันอย่างรู้ใจ

หลินเป่ยเฉินเฝ้าดูด้วยจิตใจที่สั่นสะท้าน

สมควรแล้วที่ยอดฝีมือทั้งสี่คนนี้มาผนึกกำลังกัน

เนื่องจากหากเปลี่ยนเป็นตัวเขาเอง หลินเป่ยเฉินก็มั่นใจว่าตนเองคงไม่สามารถร่วมมือต่อสู้กับผู้ใดได้อย่างสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวเช่นนี้แน่ ๆ

แต่ราชาหมาป่าศิลาเพียงยกเท้าขึ้นมากระทืบลงไปบนพื้นดินครั้งเดียวเท่านั้น

วูบ!

แล้วร่างของมันก็หายวับไปเหมือนผีหลอกวิญญาณหลอน

ลำแสงกระบี่ทั้งสี่สายทะลุทะลวงความว่างเปล่า

ทันใดนั้น เงาร่างสูงใหญ่ก็กลับมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและมันก็พุ่งออกมาข้างหน้าด้วยความเร็วสูงเกินกว่าที่ดวงตาของหลินเป่ยเฉินจะจ้องมองได้ทัน

ฟู่! ฟู่!

เคร้ง!

เสียงโลหิตฉีดพุ่ง

เสียงโลหะกระทบกัน

สะเก็ดไฟสาดกระจายในอากาศ

เงาร่างสี่สายต่างล้มกลิ้งไปคนละทิศละทาง

การโจมตีของพวกซวีเหิงถูกราชาหมาป่าศิลาสลายลงได้อย่างง่ายดาย และเมื่อพวกเขาถูกโจมตีกลับ ก็มีเพียงซวีเหิงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถยกกระบี่ขึ้นมาปัดป้องกรงเล็บของราชาหมาป่าศิลาได้ทันเวลา เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในขณะที่สหายร่วมรบอีกสามคนล้มลงนอนฟุบอยู่บนพื้นทราย โลหิตไหลทะลัก ได้รับบาดเจ็บจนหมดสติไปแล้ว

ช่องว่างระหว่างพลังแตกต่างกันมากเกินไป

นี่คือความแข็งแกร่งที่พวกเขาไม่อาจต่อสู้ด้วยได้อีก

นับว่าราชาหมาป่าศิลามีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง

มันทิ้งตัวกลับไปยืนอยู่บนก้อนหินใหญ่ใจกลางสนามรบอีกครั้ง

สีหน้าเรียบเฉย

คล้ายกับว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้มันสามารถกระทำได้อย่างง่ายดายไม่ต่างจากดื่มน้ำอึกหนึ่ง

ห่างไกลออกไป

บรรดากลุ่มผู้เข้าแข่งขันเมื่อเห็นเช่นนั้น จิตใจของทุกคนก็ตกลงสู่ห้วงแห่งความหมดหวังอันน่าสยดสยองโดยไม่รู้ตัว

ความแข็งแกร่งของราชาหมาป่าศิลาอยู่อีกระดับหนึ่งแล้วจริง ๆ

น่าหดหู่ใจยิ่งนัก

“พี่ชาย ได้โปรดพาสหายของข้าทั้งสามคนหลบหนีไปก่อน”

ซวีเหิงที่เพิ่งรับการโจมตีจากกรงเล็บหมาป่าได้สำเร็จจึงไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเหมือนคนอื่น ๆ แต่ถึงกระนั้น แขนขวาของเขาก็สั่นเทา โลหิตไหลย้อยลงมาเต็มมือที่ยึดถือกระบี่คู่ใจ

ผมหางม้าสีดำของชายหนุ่มปลิวไสว สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความองอาจผ่าเผย ปราศจากซึ่งความหวาดกลัว มิหนำซ้ำ ซวีเหิงยังหันมามองหน้าหลินเป่ยเฉินและกล่าวว่า “ข้าจะถ่วงเวลาเจ้าอสูรร้ายตัวนี้เอาไว้เอง ท่านรีบพาคนอื่น ๆ หลบหนีไป”

ซวีเหิงต้องการจะเสียสละตนเองเพื่อยื้อเวลาให้บุรุษปริศนาพาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหลบหนีไป

แต่ทว่า…

“ขอปฏิเสธ”

ริมฝีปากของหลินเป่ยเฉินบิดตัวเป็นรอยยิ้ม “ให้พาผู้อื่นหลบหนีไปด้วยตั้งสามคน แล้วข้าจะหนีทันได้อย่างไร?”

ซวีเหิงขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความคาดไม่ถึง

หรือว่าบุรุษปริศนาผู้นี้… กำลังหวาดกลัว?

แต่บุรุษผู้นี้กล้าต่อสู้กับองครักษ์ของราชาหมาป่า ย่อมแสดงให้เห็นถึงจิตใจที่กล้าหาญ แล้วเหตุไฉนบัดนี้ถึงได้กระทำตัวขี้ขลาดตาขาว? หรือว่าเขาจะหวาดกลัวราชาหมาป่าศิลาตัวนี้จริง ๆ?

แต่ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังสนั่นและกล่าวว่า “ท่านพาสหายของท่านหลบหนีไปเถอะ ราชาหมาป่าตัวนี้เป็นของข้า”

คิ้วของซวีเหิงเลิกขึ้นสูงทันที

ปรากฏว่านอกจากบุรุษผู้นี้จะไม่กลัวแล้ว ยังมีความบ้าระห่ำอีกด้วย

“ท่านแน่ใจหรือ?”

เขาจ้องมองหลินเป่ยเฉินขึ้น ๆ ลง ๆ อีกครั้ง ราวกับว่าต้องการจะจดจำรูปร่างลักษณะให้ขึ้นใจ

“เลิกกล่าววาจาเหลวไหลได้แล้ว”

หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปด้วยความรำคาญใจ “รีบพาสหายของท่านหลบหนีไปเสียที”

ซวีเหิงลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะพาสหายทั้งสามไปหลบซ่อนในที่ปลอดภัยและจะรีบกลับมาช่วยเหลือท่าน… หวังว่าท่านจะมีชีวิตอยู่รอดจนถึงตอนนั้น”

ขาดคำ บุรุษหนุ่มผมหางม้าก็ใช้วิชาตัวเบานำพาสหายผู้บาดเจ็บสาหัสทั้งสามคนหลบหนีไป

ราชาหมาป่าศิลาไม่ได้ขัดขวาง

เพราะมันเองก็สนใจหลินเป่ยเฉินเพียงผู้เดียวเท่านั้น

สายลมพัดแรง

เม็ดทรายฟุ้งตลบ

ในเมืองร้างกลางทะเลทรายอันยิ่งใหญ่ หลงเหลือสิ่งมีชีวิตเพียงราชาหมาป่าศิลากับหลินเป่ยเฉินเท่านั้น

แม้แต่พวกของเฉียนหลงก็ยังหลบหนีไปอยู่บนก้อนหินสูงใหญ่นอกตัวเมือง เฝ้ามองเหตุการณ์จากระยะไกล

เฉียนหลงตระหนักดีว่าการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเมืองร้างกลางทะเลทรายแห่งนี้ ย่อมต้องเป็นการต่อสู้ที่สะเทือนขวัญสะท้านวิญญาณผู้คนอย่างแน่นอน!

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

Status: Ongoing

หืมมม วิชานี้น่าสนใจดี แชะ ! ติ๊งง คุณได้รับแอพพลิเคชั่นวิชากระบี่ทะลวงจันทร์ ต้องการติดตั้งหรือไม่ ! ด้วยสมาร์ทโฟนในมือของเจ้าแกะดำหลิวเป่ยเฉิน ทำให้เขาสามารถผงาดบนโลกจอมยุทธ์นี้ได้อย่างง่ายดาย…. แต่ข้าไม่เอาหรอก ใครมันจะอยากอยู่โลกแบบนี้กัน YouTube ก็ไม่มี Facebook ก็เข้าไม่ได้ ข้าขอกลับโลกเดิมไปนั่งเล่นเกมในห้องแอร์เย็น ๆ ดีกว่าโว้ยยย !!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท