ตอนที่ 1,250 เต็มพิกัด
ปรากฏว่าสิ่งที่ยื่นขึ้นมาจากใต้ผืนทรายไม่ใช่หัวคนตาย
แต่เป็นหัวคนที่ยังมีชีวิต
หลินเป่ยเฉินตะกายขึ้นมาจากใต้พื้นดิน
หน้ากากที่เขาสวมใส่ฉีกขาดยับเยิน ชุดเกราะบนร่างกายเต็มไปด้วยคราบโลหิต ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของเด็กหนุ่มแปดเปื้อนด้วยคราบดินโคลน ลักษณะไม่ต่างไปจากอสูรร้ายที่คลานขึ้นมาจากนรก
แต่เขายังมีชีวิตอยู่
หลินเป่ยเฉินปีนกลับขึ้นมาอยู่บนพื้นดิน สองมือคล้ายกับกำลังขุดลากอะไรบางอย่างขึ้นมาด้วย
เด็กหนุ่มยืนหยัดอย่างมั่นคง เกร็งกำลังที่ข้อมือเพื่อดึงอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างสุดความสามารถ
ครืน!
พื้นดินสั่นสะเทือน
ก้อนหินและเม็ดทรายปลิวกระจาย
แล้วร่างที่สูงใหญ่ของราชาหมาป่าศิลาก็ถูกดึงหางขึ้นมาจากใต้พื้นดิน เงาดำของมันทาบทับไปบนพื้นดินซึ่งกินบริเวณกว้างขวาง เมื่อหลินเป่ยเฉินปล่อยมือออกจากหางของมัน ร่างของราชาหมาป่าศิลาก็กระแทกเข้าใส่ก้อนหินใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางสนามรบเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
นี่คือราชาหมาป่าศิลา
เฉียนหลงเมื่อเห็นเช่นนั้นจากระยะไกล หัวใจก็เต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง
นี่คือราชาหมาป่าศิลาจริง ๆ
ราชาหมาป่าศิลาผู้ไร้เทียมทานถึงแก่ความตายแล้วหรือ?
เฉียนหลงแทบไม่อยากเชื่อสายตาของตนเอง
เขายกมือขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว พยายามปรับสายตาและจ้องมองไปยังซากไร้วิญญาณของราชาอสูรหมาป่าที่มีเลือดท่วมตัวนั้นอย่างพินิจพิเคราะห์
แม้มันจะตายไปแล้ว แต่ซากศพของราชาหมาป่าศิลาก็ยังแผ่พลังกดดันคุกคามออกมาอย่างรุนแรง
ร่างกายขนาดมหึมายังคงดูน่าเกรงขาม
แต่เมื่อพิจารณาจากโลหิตที่ไหลทะลักออกมาจากบาดแผลใหญ่บริเวณหน้าท้อง ประกอบกับร่างกายที่แน่นิ่งไม่ไหวติง จึงมั่นใจได้ว่าราชาหมาป่าศิลาตัวนี้ได้ตายแล้วจริง ๆ
เฉียนหลงสูดหายใจลึก
หลังจากนั้น เขาก็กระโดดออกมาจากที่ซ่อนตัวและยกมือป้องปากตะโกนว่า “คุณชายไม่ต้องกลัว ข้าน้อยจะไปช่วยท่านเดี๋ยวนี้”
และเขาก็รีบวิ่งเข้าไปที่เมืองร้างอย่างรวดเร็ว
“พวกเราก็มาด้วยขอรับ”
“พวกเรายินดีตายไปพร้อมกับท่าน”
หวังจ้านกับเสี่ยวป๋อก็สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในเมืองร้างเช่นกัน พวกเขาจึงรีบวิ่งกลับมาฝุ่นตลบ
ในเมืองร้างขณะนี้
หลินเป่ยเฉินเดินไปนั่งบนก้อนหินใหญ่และหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
ชุดเกราะและหน้ากากแทบหลุดออกจากร่างกายหมดสิ้น
เขานำบุหรี่มวนหนึ่งออกมาจากแอปไป่ตูู้ เน็ตดิสก์ ก่อนจะยัดใส่ปากและดีดนิ้วดังป๊อก เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สว่างไสวขึ้นที่เบื้องหน้า หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็นั่งสูบบุหรี่เพื่อปรับระดับพลังของตนเอง
และหลินเป่ยเฉินก็กลับมามีสติแจ่มใสโดยทันที
“คุณชาย เลือดของมันกำลังไหลอย่างเปล่าประโยชน์ ปล่อยไว้เช่นนี้จะเสียของหมดนะขอรับ”
เฉียนหลงวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มประจบประแจงพร้อมกับชี้มือไปยังบาดแผลฉกรรจ์บริเวณหน้าท้องของราชาหมาป่าศิลา
หลินเป่ยเฉินเงยหน้าขึ้นมองเขม็ง
เป็นสัญญาณบอกว่ารู้แล้วก็รีบไปจัดการสิ
“ได้เลยขอรับ”
เฉียนหลงนำขวดหยกที่แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงออกมาและใช้ขวดหยกนั้นรองไว้ที่บริเวณปากแผลบนหน้าท้องของราชาหมาป่าศิลา ทันใดนั้น โลหิตสีแดงสดก็พุ่งตัวเป็นวงโค้งไหลรินลงสู่ปากขวดหยกนั้นอย่างแม่นยำ
หวังจ้านกับเสี่ยวป๋อรีบวิ่งเข้ามาช่วยอย่างกุลีกุจอ
เมื่อหลินเป่ยเฉินสูบบุหรี่หมดมวน ร่างกายของเขาก็ฟื้นฟูกลับขึ้นมาได้หลายส่วน
หลังจากนั้นไม่นาน
ทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทาง
“คุณชายขอรับ นี่คือของท่าน”
เฉียนหลงเดินเข้ามาประคองส่งขวดหยกบรรจุโลหิตให้แก่เด็กหนุ่มด้วยสองมือ
หลินเป่ยเฉินรับขวดหยกนั้นมาและกำลังจะเก็บเข้าแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์
ทันใดนั้น เขาก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองต้องเคลียร์พื้นที่เพื่อให้แอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์มีที่ว่างมากพอสำหรับเก็บซากศพของราชาหมาป่าศิลา
“แถวนี้ยังมีซากศพของอสูรหมาป่าอยู่อีกมาก พวกเจ้ารีบไปเก็บมาให้กับข้า”
หลินเป่ยเฉินออกคำสั่งอีกครั้ง
“เข้าใจแล้วขอรับ เข้าใจแล้ว”
หลังจากนั้น เฉียนหลงก็นำตัวหวังจ้านกับเสี่ยวป๋อไปเก็บกวาดสนามรบ
หลินเป่ยเฉินใช้เวลานี้เก็บซากราชาหมาป่าศิลาเข้าสู่พื้นที่เก็บไฟล์ออนไลน์ในโทรศัพท์มือถือของตนเอง
ผ่านไปชั่วหนึ่งก้านธูป
บนท้องฟ้าเหนือหุบเขามรณะพลันเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน วังน้ำวนหลากสีปรากฏขึ้นบนท้องนภา ไม่ต่างจากมีดวงตาใหญ่ยักษ์ของปีศาจร้ายที่กำลังจ้องมองลงมาอย่างน่าหวาดกลัว
จบแล้ว
ภารกิจของพวกเขาเสร็จสิ้นลงแล้ว
บรรดาผู้เข้าแข่งขันในหุบเขามรณะที่ยังรอดชีวิตอยู่จนถึงขณะนี้ ต่างก็ถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวนนั้น
เพราะมันคือประตูขนส่ง
แม้แต่พวกของหลินเป่ยเฉินก็ไม่มีข้อยกเว้น
“คุณชาย ข้าน้อยจะไปตามหาตัวท่านได้ที่ใด?”
ระหว่างที่ตัวคนลอยคว้างอยู่กลางอากาศ เฉียนหลงก็ไม่ลืมที่จะส่งเสียงถามออกมา
“ส่งซากอสูรทั้งหมดไปที่หอการค้าคนแคระเทวะประจำหุบผาอเวจีแดน 4 ซะ”
หลินเป่ยเฉินร้องคำราม
ความจริง เขาไม่อยากข้องเกี่ยวกับบุคคลอย่างเฉียนหลงอีกต่อไป
แต่อีกฝ่ายเก็บซากอสูรหมาป่าเอาไว้เป็นจำนวนมาก ดังนั้น จะตัดสัมพันธ์กันตอนนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่นัก
“คุณชายได้โปรดวางใจ ข้าน้อยจะรีบนำซากอสูรทั้งหมดไปจัดส่งให้เร็วที่สุด”
เฉียนหลงร้องตอบกลับมา
บัดนี้ เขาตัดสินใจแล้วว่าจะต้องเกาะติดคุณชายผู้กล้าหาญท่านนี้ตลอดไป
ลางสังหรณ์ของเฉียนหลงไม่เคยผิดพลาด
บัดนี้ ลางสังหรณ์กำลังบอกเขาว่าเด็กหนุ่มผู้สวมใส่หน้ากากผู้นี้มีความแข็งแกร่งดีพอที่จะเข้าสู่รอบสิบคนสุดท้ายได้อย่างแน่นอน
…
แดนตะวันตกเฉียงเหนือ พื้นที่เขต 3
วิหารสาขาที่ 98
กลุ่มผู้เข้าแข่งขันทยอยเดินออกมาจากประตูแห่งแสงอย่างแช่มช้า
จนกระทั่งแสงสว่างของประตูขนส่งดับวูบลง ในห้องโถงใหญ่ของวิหารแห่งนี้ก็มีเพียงผู้เข้าแข่งขันกลับมาแค่เก้าคนเท่านั้น
จากเดิมที่เข้าไปยี่สิบคน มีเพียงเก้าคนที่รอดชีวิตกลับมา
มีผู้รอดชีวิตไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
“สภาพของเจ้าดูแย่มาก”
นักบวชสาวเซียงเหยียนรีบเดินเข้ามาสำรวจดูหลินเป่ยเฉินและกล่าวว่า “เจ้าเผชิญหน้ากับอันตรายใหญ่หลวงมาหรือ?”
กล่องข้อความปรากฏขึ้นจากมุมปากของหลินเป่ยเฉิน ‘ข้าน้อยไปเผชิญหน้าราชาหมาป่าศิลาแห่งหุบเขามรณะมาขอรับ’
“เช่นนั้นก็โชคดีแล้วที่เจ้าหนีรอดเงื้อมมือของมันมาได้”
ความประหลาดใจปรากฏในแววตาของนักบวชเซียงเหยียน
กล่องข้อความปรากฏขึ้นที่มุมปากของหลินเป่ยเฉินอีกครั้ง ‘ใช่แล้วขอรับ ข้าน้อยโชคดี จึงสามารถโค่นล้มราชาหมาป่าศิลาได้สำเร็จ’
นักบวชสาวเซียงเหยียนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากจะบิดตัวเป็นรอยยิ้ม
คิดไม่ถึงเลยว่าหนุ่มใบ้ผู้นี้จะมีอารมณ์ขันเช่นนี้ด้วย
ผู้เข้าแข่งขันอีกแปดคนพากันส่งเสียงหัวเราะออกมา
หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่มและไม่ว่าอะไรอีก
ในเมื่อกลุ่มคนเหล่านี้ไม่เชื่ออยู่แล้วว่าเขาจะทำได้สำเร็จ หลินเป่ยเฉินก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องอธิบายอะไรอีก
บุรุษหนุ่มร่างเตี้ยผู้หนึ่งท่าทางมุทะลุดุดันพลันระเบิดเสียงหัวเราะ ก่อนกล่าวว่า “กราบเรียนทุกท่าน ถือว่าพวกเราโชคดีนักที่สามารถรอดชีวิตกลับมาได้ การแข่งขันรอบต่อไปจะเป็นการแข่งขันแบบกลุ่ม เราต้องต่อสู้ในฐานะตัวแทนวิหาร นั่นหมายความว่ารอบต่อไปพวกเราทั้งเก้าคนจะต้องต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ เพราะฉะนั้น วันนี้ข้าจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงพวกท่านในหอสุราเหมียวเหมียวหง่าวเอง คืนนี้ พวกเรามากินดื่มกันให้เต็มที่เถอะ”
“อ้อ หอสุราเหมียวเหมียวหง่าวเป็นสถานที่ที่ประเสริฐนัก”
“ตกลง พวกเราไปกันเถอะ”
“พวกเราจำเป็นต้องวางแผนการให้รัดกุม มิเช่นนั้นแล้ว รอบต่อไปพวกเราอาจจะไม่รอดก็เป็นได้”
หลายคนส่งเสียงเห็นด้วยอย่างกระตือรือร้น
หลินเป่ยเฉินสื่อสารผ่านกล่องข้อความว่า ‘พวกท่านไปกันเถอะ ข้าไม่สะดวก’
และเด็กหนุ่มก็ไม่ได้กล่าวคำใดอีก เขาจึงรีบเดินออกมาจากวิหารอย่างรวดเร็ว
เพราะต้องการจะนำซากอสูรไปขาย
ชายร่างเตี้ยผู้มีนามว่าอวิ๋นอู่เหินรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย ก่อนจะหันไปกล่าวกับคนอื่น ๆ ว่า “การร่วมมือมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ในเมื่อพี่ชายท่านนั้นไม่เชื่อมั่นในตัวของพวกเรา ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยเขาไปเถอะ มีพวกเราเพียงแปดคนก็พอแล้ว… ข้าจะไปรอพวกท่านอยู่ที่หอสุราเหมียวเหมียวหง่าว”
“ประเสริฐ”
“พี่ใหญ่อวิ๋นช่างมีจิตใจกว้างขวางนัก”
หลายคนส่งเสียงชื่นชมออกมาอย่างกระตือรือร้น
…
สถานีขนส่งประจำหุบผาอเวจีแดน 4
หอการค้าคนแคระเทวะ
เซียวจื่อหรานกระวีกระวาดออกมาต้อนรับลูกค้า
เมื่อชิงเล่ยเข้ามาเป็นผู้ดูแลใหญ่ บรรยากาศในหอการค้าก็เปลี่ยนไป ธุรกิจดำเนินไปอย่างคึกคักมากกว่าเดิมหลายเท่า
สิ่งที่เซียวจื่อหรานหวาดกลัวไม่ได้เกิดขึ้น สุดท้าย ชิงเล่ยก็ใจดีมีเมตตาให้นางอยู่ในตำแหน่งผู้ชี้แนะกระโปรงม่วงต่อไปเป็นการชั่วคราว เซียวจื่อหรานจึงได้ส่วนแบ่งในการซื้อขายแต่ละรอบเป็นจำนวนไม่น้อย ด้วยเหตุนี้ นางจึงพยายามทำงานหนักเพื่อรักษาความไว้ใจของชิงเล่ยต่อไป
หลังจากรับลูกค้าจำนวนหนึ่งเสร็จเรียบร้อย เซียวจื่อหรานก็ชำเลืองมองไปยังประตูทางเข้าโดยไม่รู้ตัว และหญิงสาวก็ถึงกับสะดุ้งโหยงทีเดียว
เขามาอีกแล้ว?
เมื่อเห็นหลินเป่ยเฉินปรากฏตัว หัวใจของเซียวจื่อหรานก็มีความรู้สึกมากมายประดังประเดเข้ามา
นี่คือเด็กหนุ่มที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของชิงเล่ย
เซียวจื่อหรานเสียดายที่ตนเองไม่คว้าโอกาสนั้นเอาไว้
ยิ่งคิดได้ดังนี้ เซียวจื่อหรานก็ไม่กล้ากระทำตัวร้ายกาจ นางรีบเดินออกไปต้อนรับด้วยรอยยิ้มแสดงไมตรีจิต “คุณชายมาแล้ว ผู้ดูแลชิงเล่ยกำลังรับรองแขกอยู่ทางด้านหลัง ให้ข้าน้อยดูแลคุณชายเองนะเจ้าคะ”
“ไม่จำเป็น”
หลินเป่ยเฉินโบกมือไล่ด้วยน้ำเสียงปราศจากอารมณ์ “เดี๋ยวข้าจะเดินไปหานางเอง”
…
ด้านหลังหอการค้า
ห้องรับรองแขกคนสำคัญ
ชิงเล่ยขมวดคิ้วหน้ายุ่ง ส่ายศีรษะกล่าวว่า “เกรงว่าข้าคงทำเช่นนั้นไม่ได้”