ตอนที่ 1,258 ฉินโซวตกตะลึง
“กราบเรียนคุณชายและนายหญิง ขอเชิญเข้าสู่ด้านในได้เลยขอรับ”
ผู้ดูแลหอสุราชรากล่าวด้วยความกระตือรือร้น น้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน คล้ายกับได้พบเจอนายท่านของตนเอง หลังจากนั้น เขาก็นำหลินเป่ยเฉิน ชิงเล่ยและฉินโซวเดินเข้าสู่ห้องอาหารด้านในสุดบนชั้นสองของหอสุราเหมียวเหมียวหง่าว
หลินเป่ยเฉินดึงเจ้าอ้วนให้ติดตามมาด้วย
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้แขกในหอสุราตื่นตกใจไม่น้อย
“นั่นใครกันน่ะ?”
“ข้ามากินดื่มที่หอสุราแห่งนี้มานานแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้เห็นผู้คนถูกเชิญไปยังห้องอาหารทางด้านนั้น เห็นว่านั่นเป็นห้องสำหรับเทพเจ้าระดับสูงเท่านั้นไม่ใช่หรือ?”
“ก็ใช่น่ะสิ บุรุษสตรีกลุ่มนี้ต้องเป็นคนใหญ่คนโตแน่ ๆ”
“ให้ตายเถอะ ผู้ดูแลหอสุราถึงกับออกมาต้อนรับด้วยตนเอง เป็นไปได้อย่างไร?”
บรรดาแขกที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ในห้องอาหารชั้นล่างพากันซุบซิบนินทาด้วยความสนอกสนใจ
…
ในห้องอาหารสำหรับรับรองเทพเจ้าระดับสูง
อาหารและสุราชั้นเลิศถูกนำมาจัดวางไว้บนโต๊ะอาหาร
“ทำตัวตามสบาย รับประทานให้เต็มที่”
หลินเป่ยเฉินพูดกับเจ้าอ้วนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“จะ…จริงนะ… จริงนะขอรับ…” เจ้าอ้วนมองอาหารที่จัดวางอยู่บนโต๊ะ น้ำลายไหลหยดออกมาโดยไม่รู้ตัว
“จริงสิ รับประทานได้เลย”
หลินเป่ยเฉินกล่าวอย่างเอ็นดู
“มากมาย… มีอาหาร… มากมายเหลือเกิน…”
“ไม่ต้องเกรงใจ”
เมื่อบทสนทนาจบลง เจ้าอ้วนก็เริ่มรับประทานอย่างมูมมาม
“เจ้าทำได้อย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมามองหน้าเฉียนหลงด้วยความสงสัย
เฉียนหลงหัวเราะในลำคอ ยิ้มมุมปาก กล่าวอย่างผู้ชนะว่า “ข้าบอกผู้ดูแลหอสุราแห่งนี้ว่าท่านคือเจี๋ยนเซียวเหยา ผู้ที่ทำคะแนนเป็นอันดับหนึ่งในการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่น่ะขอรับ”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วหน้ายุ่งขึ้นมาทันที “คิดโกหกข้า เจ้าเตรียมขุดหลุมฝังศพตนเองได้เลย”
เฉียนหลงหยุดหัวเราะอย่างกะทันหัน
“ข้าน้อยจะบอกความลับกับนายท่านก็ได้ ความจริงนั้น หอสุราเหมียวเหมียวหง่าวแห่งนี้ เป็นกิจการของตระกูลข้าน้อยเองขอรับ”
เฉียนหลงกระซิบบอกความจริงในที่สุด
“เจ้าพูดจริงหรือพูดเล่นเนี่ย?”
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
เขาไม่คิดเลยว่าลูกสมุนที่รับตัวมาโดยบังเอิญผู้นี้จะมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา
“ปรากฏว่าที่แท้ท่านก็คือนายน้อยเฉียนหลงแห่งตระกูลเฉียนนี่เอง”
ทันใดนั้น ฉินโซวผู้ที่นั่งจ้องมองเฉียนหลงด้วยความสงสัยมาตลอดก็รับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของชายหนุ่ม เขาพยายามซ่อนเร้นความตกตะลึงขณะกล่าวออกมาว่า “นับเป็นวาสนาของข้าแล้วที่ได้พบกับนายน้อยเฉียน”
“ฮ่า ๆๆ ข้าเองได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของจอมเสเพลอันดับหนึ่งฉินโซวมานานแล้ว น่าเสียดายที่เราไม่เคยได้ร่ำสุราด้วยกันมาก่อน ดังนั้นข้าจึงไม่รู้ว่าท่านมีนิสัยชั่วร้ายเหมือนในข่าวลือจริงหรือไม่”
เฉียนหลงยิ้มแย้มอย่างจริงใจ
ฉินโซวยิ้มตอบกลับไปอย่างกระอักกระอ่วน
คำพูดของบุรุษหนุ่มนั้นไม่ต่างจากตบหน้าเขาฉาดใหญ่
หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ฉินโซวคงจัดการล้มโต๊ะไปแล้ว
แต่นี่อีกฝ่ายเป็นถึงนายน้อยเฉียนหลงทายาทเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลเฉียน ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลใต้อาณัติของเทพอัคคีมาอย่างยาวนานหลายพันปี สถานะของเฉียนหลงจึงสูงส่งมากกว่าเขา มิหนำซ้ำ นายน้อยผู้นี้ยังมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับเจี๋ยนเซียวเหยา เพราะฉะนั้น ฉินโซวจึงทำได้เพียงอดทนต่อไป…
และชิงเล่ยก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าสหายคนใหม่ของคุณชายเจี๋ยน ดูจะเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงส่งมากกว่าเจ้านายของนาง
เป็นอีกครั้งที่ชิงเล่ยอดสงสัยถึงชาติกำเนิดของเจี๋ยนเซียวเหยาขึ้นมาไม่ได้
แต่เขาทำดีกับนางมาตลอด ชิงเล่ยจึงไม่กล้าถามคำถามเหล่านั้นออกไป
หลังจากพูดคุยกันเล็กน้อย หลินเป่ยเฉินก็บอกจุดประสงค์ที่เชิญตัวฉินโซวมาในวันนี้
ฉินโซวดวงตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น
“ซากศพของราชาหมาป่าศิลาเป็นของหายาก อย่าว่าแต่จะหายากสำหรับสถานีขนส่งแดน 4 ต่อให้เป็นสถานีขนส่งแดนอื่นก็ไม่มีทางหาได้เด็ดขาด เมื่อซากราชาหมาป่าศิลาปรากฏออกมา ย่อมต้องได้รับความสนใจจากทั่วทุกสารทิศ…”
“ขอบคุณน้องเจี๋ยนมากที่นำมาขายให้กับพวกเรา”
“น้องชายไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะจัดประมูลซากอสูรหมาป่าโดยเฉพาะ รับรองว่าน้องชายต้องได้ราคาดีมากที่สุดอย่างแน่นอน”
“ฮ่า ๆๆ นี่ถือเป็นโชคดีของหอการค้าคนแคระเทวะแล้ว”
ฉินโซวยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น
สำหรับพวกเขา นี่คือโอกาสดีทางการค้าที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
“เรื่องที่ข้าอยากคุยกับท่านก็มีเพียงเท่านี้”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าหงึกหงัก
เหตุผลที่เขาเรียกตัวฉินโซวมาในวันนี้ ก็เพียงเพราะเรื่องนี้จริง ๆ
ซากหมาป่าศิลาไม่ใช่ซากอสูรธรรมดา เขาจำเป็นต้องกอบโกยผลกำไรจากมันให้ได้เยอะมากที่สุด
หอการค้าคนแคระเทวะรับซื้อซากสัตว์อสูรเพื่อนำไปขายต่อทำกำไร
ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงไม่สามารถขายขาดได้ในครั้งเดียว
เพราะซากสัตว์อสูรระดับสูงอย่างซากหมาป่าศิลานั้น มันมีราคาสูงเกินกว่าที่จะหาผู้ซื้ออีกทอดหนึ่งได้ ดังนั้นซากของมันจึงต้องถูกนำไปชำแหละและแยกขายเป็นส่วน ๆ
ยิ่งหอการค้าคนแคระเทวะขายชิ้นส่วนของมันได้เท่าไหร่ หลินเป่ยเฉินก็ยิ่งได้กำไรมากเท่านั้น
“โปรดจำไว้ว่า ซากสัตว์อสูรทุกตัวหลังจากนี้ ข้าจะขายผ่านชิงเล่ยผู้เดียวเท่านั้น ไม่มีทางขายกับผู้อื่นเด็ดขาด”
หลินเป่ยเฉินบอกเงื่อนไขของตนเอง
หัวใจของชิงเล่ยพองโตด้วยความอบอุ่นอันหอมหวาน
ฉินโซวตบหน้าอกด้วยความมั่นใจ “นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะลืมเรื่องสำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร”
เขาแอบเปลี่ยนชื่อเรียกหลินเป่ยเฉินจาก ‘น้องเจี๋ยน’ มาเป็น ‘นายท่าน’ โดยไม่ให้ผู้ใดผิดสังเกต
“ประเสริฐ ถ้าอย่างนั้นท่านก็ไปเตรียมการได้แล้ว”
หลินเป่ยเฉินโบกมือไล่แขกของตัวเองหน้าตาเฉย
ฉินโซวรีบลุกขึ้นยืน ประสานมือค้อมคำนับ ก่อนจะหมุนกายเดินจากไป
เมื่อเดินออกมานอกห้องอาหารแล้ว ใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มดีใจสุดขีด
การเป็นพันธมิตรกับเจี๋ยนเซียวเหยาคือหนึ่งในการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดของเขา
ทำไมเขาถึงได้โชคดีเช่นนี้หนอ?
ฉินโซวไม่อยากจะเชื่อ
แม้แต่นายน้อยแห่งตระกูลเฉียน ก็ยังกลายเป็นลูกสมุนของเจี๋ยนเซียวเหยา
เมื่อสักครู่ หากฉินโซวแสดงท่าทีลังเลแม้เพียงเล็กน้อย ข้อเสนอที่จะค้าขายซากอสูรหมาป่ากับหอการค้าคนแคระเทวะก็คงหลุดลอยไปจากมือเขา
บัดนี้ เมื่อได้เห็นว่าเจี๋ยนเซียวเหยามีตำแหน่งสูงส่งมากเพียงใด ตราบใดที่ฉินโซวกอดขาเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ยอมปล่อย เขาก็จะได้รับผลประโยชน์มากขึ้นเรื่อย ๆ ใช่หรือไม่?
ประเด็นสำคัญคือเขาจะปล่อยมือไม่ได้เด็ดขาด…
“ก่อนอื่น เราต้องเอาชนะใจเจี๋ยนเซียวเหยาด้วยการเข้าหาทางแม่นางชิงเล่ย”
ฉินโซวขบคิดขณะเดินออกมา
ตราบใดที่แม่นางชิงเล่ยยังทำงานอยู่ในหอการค้าคนแคระเทวะ เจี๋ยนเซียวเหยาก็จะไม่หนีไปไหนแน่นอน
ฉินโซวคิดว่าหากตนเองสามารถทำให้ชิงเล่ยพอใจได้ ในอีกไม่ช้าก็เร็ว บุรุษของนางอย่างเจี๋ยนเซียวเหยาก็จะกลายเป็นขุมทรัพย์ส่วนตัวของเขาแล้ว
ดังนั้นฉินโซวจึงพยายามคิดแผนการที่รอบคอบรัดกุมมากที่สุด
เขาจะสร้างความประทับใจให้แก่ชิงเล่ยได้อย่างไร?
ฉินโซวเริ่มต้นวางแผนการอยู่ในใจ
…
ไม่นานหลังจากที่ฉินโซวเดินออกไป เฉียนหลงก็ตามออกไปด้วยอีกคน
ในมือของเขาถือขวดยาไอบูโพรเฟนที่หลินเป่ยเฉินมอบให้ไปแนบแน่น นี่คือยาตัวแรกที่หลินเป่ยเฉินต้องการทดสอบเพื่อใช้รักษาคนไข้โรคบุปผามรณะ
“แมวน้อย…”
หลินเป่ยเฉินส่งเสียงเรียกจากในห้องอาหาร “อาหารทั้งหมดที่นำมาให้พวกเรารับประทาน ขอสั่งเพิ่มอีกสองชุดบรรจุใส่กล่องอาหารสำหรับกลับบ้านด้วยนะ”
“เหมียว รับทราบเจ้าค่ะ”
เด็กรับใช้แมวเหมียวก้มศีรษะรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้า นางก็จัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มเสร็จเรียบร้อย
“น้องชาย รับไปสิ เอากลับไปให้มารดาเจ้ารับประทาน”
หลินเป่ยเฉินตบไหล่เจ้าอ้วนและนำกล่องอาหารไปวางอยู่เบื้องหน้า ก่อนพูดยิ้ม ๆ ว่า “แล้วเจอกันตอนแข่งขันรอบสองวันมะรืนนี้”
“นี่มัน… นี่มัน… ดีเหลือเกิน… นายท่าน… ใจดีเหลือเกิน…”
เจ้าอ้วนตื้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง
ไม่เคยมีผู้ใดใจดีมีเมตตากับเขาขนาดนี้มาก่อน
“อย่าได้เกรงใจเลย”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเข้มขรึมจริงจัง “พวกเราเป็นสหายร่วมรบกันนี่นา”
หลังจากพูดจบแล้ว เขาก็รีบเดินนำชิงเล่ยออกมา
การซื้อขายซากสัตว์อสูรหมาป่าวันนี้ดำเนินไปด้วยปากเปล่า หลินเป่ยเฉินจึงยังไม่ได้รับคะแนนศรัทธาเลยสักแต้ม
เพราะฉะนั้น เด็กหนุ่มจะไม่มีทางยอมเป็นคนจ่ายค่าอาหารแน่นอน
หากผู้ดูแลชราของหอสุราเหมียวเหมียวหง่าวเดินออกมาขวางหน้าเขาเพื่อเก็บเงินค่าอาหาร วันพรุ่งนี้รับรองว่าหัวสมองของเฉียนหลงต้องถูกหลินเป่ยเฉินระเบิดกับมือแน่นอน
เจ้าอ้วนมองแผ่นหลังของหลินเป่ยเฉินหายลับไปจากสายตาด้วยสีหน้าซาบซึ้งใจ
เจ้าอ้วนสาบานกับตนเองว่าในการแข่งขันรอบต่อไป เขาจะต้องปกป้องสหายร่วมรบผู้ ‘อ่อนแอ’ คนนี้ให้จงได้
แล้วเด็กหนุ่มร่างอ้วนก็หิ้วกล่องอาหารออกมาจากห้องอาหารสำหรับเทพเจ้าระดับสูง
แต่จังหวะที่เดินเลี้ยวหัวมุมเฉลียงทางเดินมานั้น เจ้าอ้วนก็พบกับอวิ๋นอู่เหินที่เดินออกมาจากห้องอาหารของตนเองโดยบังเอิญ
ชายฉกรรจ์ร่างเตี้ยโอบกอดสาวนักระบำอยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุรา
“หืม? เจ้าเข้ามาอยู่ในนี้ได้อย่างไร?”
เมื่อเห็นหน้าเจ้าอ้วน อวิ๋นอู่เหินก็ถึงกับตกตะลึง สายตาจับจ้องกล่องอาหารที่อยู่ในมือของฝ่ายตรงข้าม หลังจากนั้นหัวใจก็กระตุกวูบ ร้องตะโกนออกมาเสียงดังว่า “เจ้าอ้วนโสโครก นี่เจ้ากล้าเข้ามาขโมยอาหารถึงในนี้เชียวหรือ?”
“ขะ…ขะ…ข้า… เปล่านะ…”
เจ้าอ้วนพูดตะกุกตะกัก ยามที่ตื่นตระหนก อาการติดอ่างก็จะรุนแรงมากขึ้น
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย มีหัวขโมยอยู่ตรงนี้”
อวิ๋นอู่เหินเสแสร้งแกล้งตะโกน
เหตุการณ์ที่ตนเองกระแทกฝ่ามือใส่เจ้าอ้วนและกลายเป็นฝ่ายเขาที่ต้องล้มลงไปกับพื้นนั้น สร้างความเคียดแค้นให้แก่อวิ๋นอู่เหินเป็นอย่างยิ่ง บัดนี้ จึงได้เวลาที่เขาจะเอาคืนแล้ว!