ตอนที่ 1,261 พาออกจากขุมนรก
“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจี๋ยนเซียวเหยาจะเก่งกาจถึงขนาดนี้”
แดนตะวันตกเฉียงเหนือ พื้นที่เขต 1
ฮันฉวินกำลังจ้องมองรายชื่อผู้เข้าแข่งขันสิบอันดับแรก
เขาจ้องมองมาได้ครึ่งชั่วยามแล้ว
จนกระทั่งถึงขณะนี้ ชายวัยกลางคนก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี
มีเพียงคนในตระกูลฮันไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าชื่อเจี๋ยนเซียวเหยานี้มีความหมายเพียงใด
ฮันฉวินไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเจ้าหนุ่มใบ้ที่เคยปฏิเสธของรางวัลจากภรรยาของเขา จะกลับกลายเป็นเด็กหนุ่มผู้สร้างปาฏิหาริย์ที่ทำคะแนนได้สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่
ฮันฉวินทราบดีว่านี่หมายความว่าอย่างไร
ต่อให้เขาไม่ทราบว่าหนุ่มใบ้สามารถทำคะแนนได้สูงส่งขนาดนี้ ฮันฉวินก็พอจะมองออกว่าหนุ่มใบ้มีความแข็งแกร่งมากกว่าที่ตนเองเคยประเมินเอาไว้หลายพันเท่า
หากสามารถนำคนผู้นี้เข้าสู่ตระกูลฮันได้สำเร็จ…
นี่คือความคิดที่ผุดเข้ามาในสมองของฮันฉวินมากกว่าหนึ่งครั้ง
แต่สุดท้าย ฮันฉวินก็ล้มเลิกความคิดไปทุกครั้ง
เพราะเขารู้ดีว่าตระกูลฮันเล็กเกินไปที่จะดูแลผู้มีพรสวรรค์สูงส่งเช่นนี้ได้
อันที่จริง ตระกูลฮันแทบจะดูแลฮันลั่วเซวี่ยไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำ
อนาคตของตระกูลฮันหลังจากนี้ ล้วนแต่ฝากเอาไว้ที่ฮันลั่วเซวี่ย
และสิ่งที่ฮันฉวินกับภรรยาทำได้ก็คือคอยปกป้องและดูแลฮันลั่วเซวี่ยให้ดีที่สุดเท่านั้น
“ท่านอยากจะนำลำดับคะแนนไปให้ลั่วเซวี่ยดูหรือไม่?”
อันต้าหวงส่งเสียงถามมาจากด้านข้าง
สีหน้าของนางแสดงออกถึงความอึดอัดใจเล็กน้อย
เจี๋ยนเซียวเหยาเคยขอความช่วยเหลือให้นางพาเข้าร่วมการแข่งขัน แต่นางปฏิเสธ
อันต้าหวงหลงเข้าใจผิดคิดว่าเจี๋ยนเซียวเหยาไม่มีค่าคู่ควรมากพอ
แต่บัดนี้ เมื่อลองคิดดูอีกที หากเมื่อวันนั้นนางช่วยเหลือเด็กหนุ่มบรรจุชื่อเข้าสู่การแข่งขัน อย่างน้อยขณะนี้ พวกเขาก็คงมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันแล้ว
“เอาไปให้ลั่วเซวี่ยดูเถอะ”
ฮันฉวินตอบ “นี่อาจเป็นเรื่องดีก็ได้”
…
วิหารเทพพงไพร
อารามหลัก
“เจ้ายังตามหาเด็กหญิงผู้นั้นไม่เจออีกหรือ?”
เทพเจ้าหนุ่มร่างกายกำยำนั่งอยู่บนบัลลังก์ใหญ่ น้ำเสียงของเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจชัดเจน
นักเวทชุดดำผู้คุกเข่าอยู่หน้าบัลลังก์กล่าวว่า “ผู้ต่ำต้อยกำลังสืบหาเบาะแสอย่างสุดความสามารถ ผู้ต่ำต้อยขอสัญญาว่าภายในสิบวันนี้ พวกเราต้องหาตัวเด็กหญิงผู้นั้นพบเจออย่างแน่นอนขอรับ”
“ส่งคนไปติดต่อเจี๋ยนเซียวเหยาซะ”
เทพเจ้าหนุ่มร่างกำยำมีใบหน้าหล่อเหลา เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “คนผู้นี้มีความสามารถพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน หากสามารถนำมาเป็นพวกเราได้ก็จะมีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง บอกไปว่าตราบใดที่เขาซื่อสัตย์ต่อข้า ไม่ต้องรอให้การแข่งขันครั้งนี้จบลงหรอก ข้าจะมอบตำแหน่งเทพเจ้าชั้นกลางให้เขาทันที”
นักเวทชุดดำถึงกับตกตะลึง
นี่คือรางวัลที่ไม่เคยมีผู้ใดได้รับมาก่อน
แต่เขาก็ไม่กล้าตั้งคำถาม
เพราะเทพเจ้าหนุ่มผู้นี้คือผู้ถูกต้องเสมอ
“ผู้ต่ำต้อยรับคำบัญชา”
นักเวทชุดดำลุกขึ้นและรีบเดินจากไป
…
“เขาสามารถสังหารราชาหมาป่าได้จริง ๆ สินะ”
ซวีเหิงนอนรักษาตัวอยู่บนเตียง
เขาถูกศิษย์พี่ของตนเองแทงกระบี่เข้าใส่ช่วงท้อง
และศิษย์พี่ผู้นั้นซึ่งมีนามว่ามู่เซิงขณะนี้ก็กำลังรับหน้าที่ทายาให้เขา
ทั้งสองคนต่างเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน
แต่เหตุผลที่มู่เซิงทำร้ายศิษย์น้องซวีเหิงจนบาดเจ็บด้วยกระบี่เดียวนั้น เป็นเพราะว่าเขาไม่อยากจะให้ซวีเหิงทำตามคำสัญญาในการย้อนกลับไปช่วยเหลือหลินเป่ยเฉินจัดการกับราชาหมาป่าศิลา
เพราะนั่นเท่ากับเป็นการส่งซวีเหิงกลับไปตาย
และความจริงที่ได้ปรากฏออกมาก็พิสูจน์แล้วว่ามู่เซิงตัดสินใจถูกต้อง
เพราะพวกเขาสี่พี่น้องศิษย์ร่วมสำนักยังคงรอดชีวิต
เพียงแต่ว่ามู่เซิงร้อนใจกับอาการบาดเจ็บของศิษย์น้องไม่ใช่น้อย เขาเสียใจที่ตนเองแทงกระบี่รุนแรงมากไป ซวีเหิงเจ้าของฉายาหนึ่งกระบี่สู่ความตายจึงแทบจะต้องสิ้นชีพลงด้วยกระบี่เดียวของเขาเสียแล้ว
โชคดีที่ในดินแดนทวยเทพมีสมุนไพรวิเศษอยู่มากมาย
ประมาณวันพรุ่งนี้ อาการบาดเจ็บของซวีเหิงก็จะหายดี
เขาจะกลับมาแข็งแกร่งเหมือนเก่า
ย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันรอบที่สองอย่างแน่นอน
“น้องสี่ เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล เด็กคนนั้นโชคดียิ่ง การแข่งขันยังอีกยาวไกล เขาอาจจะเป็นผู้ที่ได้หัวเราะในภายหลังก็เป็นได้…”
มู่เซิงเดินเข้ามาพร้อมกับยาทาที่ให้ความรู้สึกแสบร้อนอีกชุดใหญ่
ซวีเหิงยกมือกุมขมับ
เขาไม่ทราบเลยว่าการมีศิษย์พี่ที่คอยห่วงใยตนเองถึงเพียงนี้ นับเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่?
…
แม่น้ำใต้ดิน
ที่นี่ไม่มีท้องฟ้า
ผู้คนที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำใต้ดินสามารถปรับตัวกับความมืดได้นานแล้ว
แม่น้ำไหลรินไปอย่างเงียบงัน
ว่ากันว่าเดิมทีแม่น้ำใต้ดินสายนี้มีต้นน้ำอยู่ในส่วนลึกของหุบผาอเวจี มันเป็นแม่น้ำที่มีความพิเศษ อย่าว่าแต่เป็นพลเมืองหรือคนบาป ต่อให้เป็นเทพเจ้าก็สามารถจมน้ำตายที่แม่น้ำสายนี้ได้เช่นกัน
บนแม่น้ำมีแพไม้ลอยอยู่เพียงลำเดียว
ฮัวเซี่ยยืนอยู่บนแพไม้ ในมือของเขาถือถ่อไม้ส่งลำแพเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
ครอบครัวของเขารับหน้าที่ล่องแพในแม่น้ำใต้ดินของเมืองเยี่ยเฉิงมาหลายชั่วอายุคน นับตั้งแต่ที่เขาจำความได้ ฮัวเซี่ยก็ติดตามบิดามาเรียนรู้การล่องแพมาตั้งแต่เด็กและนั่นก็ผ่านมาได้สิบสองปีแล้ว
ชีวิตของฮัวเซี่ยเคยดำเนินไปอย่างสงบสุข
แต่เมื่อถึงวันที่เขาสังหารขุนนางเทวะผู้หนึ่งตายคามือ ชีวิตของฮัวเซี่ยก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เทพเจ้าผู้หนึ่งมอบโอกาสให้ฮัวเซี่ยได้เข้าร่วมการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่ และเขาก็สามารถคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งในการทดสอบที่ถ้ำแมงมุมได้สำเร็จ
นั่นคือครั้งแรกที่ฮัวเซี่ยได้รับรู้ถึงความเก่งกาจของตนเอง
หอกยาวในมือเขาทิ่มแทงสัตว์อสูรและศัตรูผู้ร้ายกาจได้ง่ายดายไม่ต่างไปจากการใช้ถ่อไม้ดันแพให้ลอยไปตามสายน้ำ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้ ทำให้ฮัวเซี่ยทั้งประหลาดใจและรู้สึกหงุดหงิดใจในเวลาเดียวกัน
ดังนั้น เมื่อการแข่งขันรอบแรกจบลง เขาจึงกลับมาใช้ชีวิตเป็นคนถ่อแพในแม่น้ำใต้ดินท่ามกลางความมืดมิดต่อไป
ฮัวเซี่ยจำเป็นต้องหาทางทำให้จิตใจของตนเองสงบลง
เพียงแต่ครั้งนี้มันยากกว่าปกติ
เพราะทุกครั้งที่หลับตาลง ความคิดหนึ่งจะผุดขึ้นมาในสมองของเด็กหนุ่มฮัวเซี่ยเสมอ…
ฮัวเซี่ยรู้สึกสงสัยใจว่าตนเองจะสามารถฆ่าผู้เข้าแข่งขันที่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งในการแข่งขันรอบแรกผู้นั้นได้ง่ายดายเหมือนที่เขาฆ่าคนอื่น ๆ หรือไม่?
…
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
เสียงตอกเหล็กดังขึ้นจากส่วนลึกของเหมืองใต้ดิน
แว่วเสียงสัตว์ร้ายประจำเหมืองคำรามมาบ้างเป็นระยะ
ตะเกียงของคนงานลอยอยู่ในอากาศขับไล่ความมืดมิด ส่งผลให้บรรยากาศของเหมืองใต้ดินคล้ายคลึงกับท้องฟ้าที่ไม่มีดวงจันทร์ แต่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ
เหมืองใต้ดินแห่งนี้อยู่ภายในถ้ำแห่งหนึ่ง
ถ้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใต้ภูเขาลูกหนึ่ง
เส้นทางภายในถ้ำวกวนคดเคี้ยวเป็นอย่างยิ่ง
ที่นี่คือ ‘บ้าน’ ของคนบาป ทาสรับใช้และคนงานเหมือง
ในบรรดาโพรงถ้ำที่ลึกลับซับซ้อน มีสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งถูกจัดการอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
บริเวณปากทางเข้ามีการนำรั้วไม้มากั้นเอาไว้แบ่งแยกบริเวณอย่างชัดเจน…
กลิ่นที่โชยออกมาจากด้านในโพรงถ้ำแห่งนี้นอกจากเป็นกลิ่นดินสดใหม่แล้ว ยังเป็นกลิ่นเหม็นฉุนของยาสมุนไพรอีกหลายชนิด
ไม่มีผู้ใดทราบว่าภูเขาลูกนี้มีสายน้ำไหลมาจากที่ใด แต่ตามซอกเล็กซอกน้อยของก้อนหินใหญ่ ก็มักจะมีสายน้ำไหลหยดลงมาเสมอ ขณะนี้ ใครบางคนได้นำเหยือกน้ำไปรองไว้ใต้ก้อนหินก้อนหนึ่ง และน้ำใสสะอาดก็กำลังหยดลงจากก้อนหินตกลงสู่เหยือกน้ำเสียงดังติ๋งติ๋ง
“เจ้าไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าคงสามารถหาทางสร้างสถานะของตนเองได้อยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องมาจมปลักอยู่กับคนที่ไร้อนาคตอย่างข้า จงกลับไปอยู่ข้างบนซะ อย่ามาทรมานอยู่ในเหมืองใต้ดินอีกต่อไปเลย…”
เสียงที่แสดงออกถึงความอ่อนล้าเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านในโพรงถ้ำ
“อย่าพูดเช่นนี้สิ”
เสียงที่เยือกเย็นและหนักแน่นดังตอบกลับไป “พวกเราบังเอิญมาที่นี่โดยไม่ได้ตั้งใจด้วยกัน ก็ต้องกลับออกไปด้วยกัน บัดนี้พี่น้องของเราเหลือเพียงเจ้ากับข้า หากเจ้าตายไป ข้าคงไม่มีหน้ากลับไปพบเจอเจ้าเด็กคนนั้นอีกแล้ว”
“แต่ว่า… ในสถานการณ์เช่นนี้ ข้ามีแต่จะเป็นตัวถ่วงของเจ้าเท่านั้น และเจ้าจะต้องพลอยถูกรังแกก็เพราะข้า…”
เสียงที่อ่อนแอกล่าวอย่างรู้สึกผิด
“การแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่คือโอกาสของเราไงเล่า”
เสียงที่หนักแน่นดังตอบกลับมา “ข้าจะต้องเข้าสู่รอบสามคนสุดท้ายให้ได้ เมื่อถึงตอนนั้น ข้าก็จะได้สถานะเทพเจ้า ปลดเปลื้องสถานะคนบาป และข้าจะพาเจ้าออกจากขุมนรกแห่งนี้เอง!”