บทที่ 1277 คงไม่ใช่นางหรอกกระมัง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,277 คงไม่ใช่นางหรอกกระมัง

“อย่าได้คิดเกินเลยไปไกล ข้าไม่ได้จะพาท่านไปทำเรื่องเช่นนั้น”

เมื่อหลินเป่ยเฉินเห็นสีหน้าของหญิงสาว เขาก็รู้ทันทีว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

ชิงเล่ยเพียงยิ้มและไม่พูดคำใด

เมื่อมาถึงหอสุราเหมียวเหมียวหง่าว เถ้าแก่ก็รีบมายืนรอต้อนรับที่หน้าประตูด้วยความกระตือรือร้น

เฉียนหลงมาถึงก่อนหน้านี้และยืนรอคอยอยู่ก่อนแล้ว

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าห้องอาหารของพวกเขาจะเป็นห้องอาหารที่ดีที่สุด

ครั้งนี้ ไม่มีพวกของอวิ๋นอู่เหินมาคอยทำลายบรรยากาศอีกแล้ว

เมื่อกินดื่มกันมาได้ครึ่งทาง ลู่ปิงเหวินบุตรชายคนเล็กแห่งสกุลลู่ก็เดินทางมาถึง

“อ้าว?”

หลินเป่ยเฉินถลึงตามองบุรุษหนุ่ม “น้องสาวของเจ้าเล่า?”

ลู่ปิงเหวินถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้าหมอง “โชคร้ายที่นางป่วยกะทันหันขอรับ… อาการหนักอาจถึงขั้นเสียชีวิต ไร้หนทางเยียวยารักษา”

หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอด

“ตัวบัดซบ เจ้าไม่มีน้องสาวตั้งแต่แรกใช่หรือไม่?”

เขาตั้งคำถาม

ลู่ปิงเหวินรีบตอบทันที “ไม่ใช่ไม่มีขอรับ คุณชายเห็นข้าน้อยเป็นคนเช่นนั้นไปได้อย่างไร?”

“เฮอะ ก็เพราะว่าเจ้าเป็นคนเช่นนั้นจริง ๆ น่ะสิ”

หลินเป่ยเฉินพ่นลมผ่านทางจมูกและกล่าวต่อ “นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าเห็นหน้าเจ้า ข้าก็บอกได้เลยว่าเจ้าเป็นเพียงตัวโง่งมผู้หนึ่ง ข้าได้กลิ่นเศษสวะลอยออกมาจากตัวของเจ้า…”

เฉียนหลงสำรวจมองลู่ปิงเหวินขึ้น ๆ ลง ๆ ด้วยสีหน้าประหลาดใจ

ลู่ปิงเหวินไม่ได้มีท่าทีโกรธเคืองต่อถ้อยคำดูถูกแม้แต่น้อย เขายังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงประจบประแจงเอาใจว่า “คุณชายช่างมีสายตาเฉียบแหลม สามารถมองทะลุตัวตนของข้าน้อยได้อย่างดีเยี่ยม”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดข้าถึงมองออก?”

หลินเป่ยเฉินเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อยขณะถามออกมา

ลู่ปิงเหวินตอบว่า “คุณชายได้โปรดชี้แจงแถลงไข”

“เพราะว่าตอนที่ข้ายังเป็นตัวโง่งมอยู่นั้น ไม่ทราบเลยว่าข้าโง่งมมากกว่าเจ้ากี่เท่าต่อกี่เท่า… กลิ่นเศษสวะที่ลอยออกมาจากตัวของเจ้านั้น เทียบไม่ได้เลยกับกลิ่นความฉาวโฉ่ที่เคยอยู่บนตัวของข้า”

หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงภูมิอกภูมิใจ

ลู่ปิงเหวินเบิกตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ “จริงหรือขอรับ? คุณชายเป็นราชาแห่งเศษสวะอย่างนั้นหรือ? ช่างควรค่าต่อการสรรเสริญยิ่งนัก นี่หมายความว่าพวกเราเป็นผู้คนชนิดเดียวกันใช่หรือไม่?”

“ไม่ใช่”

หลินเป่ยเฉินตอบ “เพราะว่าตอนนี้ข้าเปลี่ยนไปแล้ว”

ลู่ปิงเหวินชำเลืองมองไปที่ชิงเล่ยยอดสาวงามผู้นั่งอยู่ข้างกายหลินเป่ยเฉิน ดวงตาของเขาเป็นประกายวูบวาบ แต่บุรุษหนุ่มตระกูลใหญ่ก็ไม่กล้าคิดอื่นใดให้มากความ เพียงรับคำตอบมาว่า “ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ”

กล่าวจบ เขาก็ทรุดกายนั่งลงที่โต๊ะอาหารโดยไม่ต้องรอรับคำเชิญ

เฉียนหลงประสานมือคำนับลู่ปิงเหวินและกล่าวว่า “ข้าน้อยขอคารวะ ไม่ทราบว่าท่านคือคุณชายวิหคเพลิงลู่ปิงเหวินแห่งตระกูลอันดับหนึ่งของแดนพายัพใช่หรือไม่?”

“พรวด!”

หลินเป่ยเฉินสำลักสุราที่กำลังดื่มออกมาทันที

คุณชายวิหคเพลิง?

จากตระกูลอันดับหนึ่งแห่งแดนพายัพ?

ลู่ปิงเหวินมีสถานะสูงส่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ…

ปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้แล้วสิ

“มิต้องเกรงใจ มิต้องเกรงใจ”

ลู่ปิงเหวินพยักหน้าด้วยความภาคภูมิและกล่าวต่อ “ท่านเองก็คือคุณชายเฉียนผู้โด่งดัง ขอคารวะท่านแล้ว”

หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็ลอบอุทานอยู่ในใจว่า ‘แวดวงเทพเจ้าชั้นสูงรู้จักกันหมดจริงๆ แฮะ’

“คุณชายเจี๋ยนขอรับ บัดนี้ ท่านโด่งดังมากแล้ว”

ลู่ปิงเหวินยกจอกสุราขึ้นจิบพร้อมกับกล่าวว่า “ระหว่างที่ข้าน้อยเดินทางมาที่นี่ ตลอดทางได้ยินผู้คนกล่าวถึงผู้เข้าแข่งขันสิบอันดับแรกจากการแข่งขันรอบที่สองปรากฏว่าผู้คนจากทะเลทรายทองคำทำให้ทั้งเมืองเยี่ยเฉิงต้องตกตะลึงยิ่งนัก…”

หลินเป่ยเฉินพอจะคาดเดาเรื่องราวได้อยู่แล้ว

แต่เฉียนหลงรอดชีวิตกลับออกมาจากสนามแข่งขันอื่น ดังนั้นเขาจึงไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในสนามแข่งทะเลทรายทองคำ

ลู่ปิงเหวินจึงต้องรับหน้าที่เป็นผู้อธิบาย

บรรยากาศในหอสุราบัดนี้จึงแทบไม่ต่างไปจากบรรยากาศการจิบกาแฟพูดคุยกันในร้านสตาร์บัคจากชาติภพที่แล้วของหลินเป่ยเฉิน

เฉียนหลงรับฟังด้วยความตื่นเต้น ก่อนชมเชยว่าลู่ปิงเหวินสามารถเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทะเลทรายทองคำได้อย่างมีอรรถรสเหลือเกิน…

ชิงเล่ยสาวงามผู้นั่งอยู่ข้างกายหลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความตื่นเต้นตกใจตลอดเวลา

นางทราบว่าเด็กหนุ่มของตนมีความแข็งแกร่ง แต่ก็คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้

เจี๋ยนเซียวเหยาสามารถเอาชนะผู้เข้าแข่งขันกว่าสามร้อยชีวิตได้อย่างราบคาบ

นี่คือเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ

ณ แหล่งน้ำกลางทะเลทราย กลุ่มผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องยอมก้มหัวให้แก่เจี๋ยนเซียวเหยา

สัตว์อสูรมากมายต้องตายด้วยน้ำมือของเขา

เจี๋ยนเซียวเหยาสามารถควบคุมทะเลทรายทองคำได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

หลินเป่ยเฉินยิ่งพึงพอใจในตัวลู่ปิงเหวินมากกว่าเดิม

รู้จักประจบประแจงเยินยอเขาเช่นนี้ รับรองเลยว่าได้อยู่ด้วยกันยาว ๆ แน่นอน

“ผู้เข้าแข่งขันจากทะเลทรายทองคำของพวกเราทำคะแนนทิ้งห่างจากอีกเก้าสนามแข่งอย่างไม่เห็นฝุ่น แม้แต่ผู้เข้าแข่งขันอันดับท้าย ๆ ของเราก็ดีพอที่จะติดหนึ่งในห้าผู้เข้าแข่งขันอันดับแรกของสนามแข่งขันอื่นแล้ว เมื่อมีการประกาศผลคะแนนออกมา ปรากฏว่าผู้เข้าแข่งขันสิบอันดับแรกจากทะเลทรายทองคำ สามารถทำลายสถิติการเก็บคะแนนโดยรวมในรอบที่สองของสภาเทพเจ้าได้อย่างน่าตกตะลึงยิ่งนักขอรับ…”

“สนามแข่งขันอื่น ๆ มีผู้รอดชีวิตกลับออกมาเต็มที่ก็เพียงหกสิบสามคน แต่ของพวกเรารอดชีวิตกลับออกมาถึงสามร้อยแปดสิบคน นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่ขอรับ”

“หลายคนที่ได้รับทราบข่าวนี้ถึงกับเสียสติไปทันที”

“และมีผู้คนจำนวนมากเรียกขานคุณชายว่าเป็นราชันย์เทพอสูร”

“แต่ที่สำคัญก็คือ คุณชายทำคะแนนได้หนึ่งหมื่นสามพันแต้ม บัดนี้ คุณชายจึงเป็นอันดับหนึ่งของตารางคะแนนต่อไป”

ลู่ปิงเหวินจบการรายงานเพียงเท่านี้

“หืม?”

หลินเป่ยเฉินค้นพบความผิดปกติบางอย่างจึงอดถามออกไปไม่ได้ว่า “ข้าทำคะแนนได้สูงถึงเพียงนี้ เหตุไฉนเจ้าถึงไม่รายงานว่าข้าทำลายสถิติของผู้เข้าแข่งขันที่ทำคะแนนได้สูงที่สุดประจำการแข่งขันรอบที่สองล่ะ?”

“เรื่องนี้มีเหตุผลอยู่ขอรับ”

ลู่ปิงเหวินตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “สถิติในการแข่งขันรอบที่สองนั้น เคยมีผู้คนทำคะแนนไว้สูงสุดถึงสี่หมื่นสามพันแต้ม คะแนนของคุณชายจึงจัดเป็นอันดับสองเท่านั้น”

“ฮะ? สี่หมื่นสามพันแต้มเนี่ยนะ?”

หลังจากชะงักไปเล็กน้อย หลินเป่ยเฉินก็เหมือนกับจะเข้าใจอะไรบางอย่างจึงพูดออกมาด้วยความพิศวง “เจ้าหมายความว่าเคยมีผู้เข้าแข่งขันรอบที่สองสังหารผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ หมดสนามแข่งเลยสินะ?”

“คุณชายคาดเดาได้ถูกต้องทั้งหมดเลยขอรับ”

ลู่ปิงเหวินชูนิ้วโป้งให้เด็กหนุ่มด้วยความชื่นชม “การแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่ครั้งสุดท้ายนั้น เกิดการฆาตกรรมหมู่อย่างน่าสยดสยอง ผู้เข้าแข่งขันในสนามแข่งแห่งหนึ่งถูกฆาตกรรมหมดสิ้น และเหตุการณ์ครั้งนั้นก็เกิดขึ้นในทะเลทรายทองคำนี่เอง ตำนานเล่าขานว่ายามนั้นทะเลทรายเปียกชุ่มไปด้วยโลหิตสีแดงสด และต้องใช้เวลาถึงยี่สิบปีกว่าที่กลิ่นคาวโลหิตจะจางหายไป… นี่นับเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญผู้คนทั่วเมืองเยี่ยเฉิงอยู่หลายปีทีเดียวขอรับ”

เชี่ย

คนอะไรทำไมอำมหิตถึงขนาดนี้?

หลินเป่ยเฉินนึกภาพตามก็ให้ขนลุกเกรียวด้วยความสยดสยองนัก

“คนผู้นั้นเป็นใครหรือ? เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”

เด็กหนุ่มถามด้วยความสงสัย

เรื่องราวชีวิตเจ้าของสถิติผู้นี้คงน่าตื่นเต้นมากแน่ ๆ

“ข้าน้อยก็เคยได้รับทราบตำนานมาเช่นกันขอรับ”

ในที่สุด เฉียนหลงก็พบโอกาสกล่าวแทรกขึ้น

เขารีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “บุคคลผู้นี้หายสาบสูญไปจากดินแดนทวยเทพนานแล้ว ว่ากันว่านางถูกเนรเทศลงไปอยู่ในโลกมนุษย์ ตำนานเล่าขานว่านางเป็นสตรีผู้งดงามมีผมสีเงิน มักสวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีขาว มีฝีมือกระบี่เป็นเลิศ สามารถตัดหัวเทพเจ้าได้โดยที่ไม่สะทกสะท้านใด ๆ แต่น่าเสียดายที่นางเข่นฆ่าผู้คนมากเกินไป จึงต้องถูกเนรเทศออกไปเช่นนี้…”

เดี๋ยวก่อนนะ?

หลินเป่ยเฉินรับฟังมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาชอบกล

ในใจของเขาปรากฏภาพใบหน้าและชื่อของสตรีผู้หนึ่งขึ้นมาโดยทันที

ไม่มีทาง

ไม่นะ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ คงไม่ใช่นางหรอกกระมัง

นี่มันโหดร้ายอำมหิตเกินไปแล้ว!!!

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

Status: Ongoing

หืมมม วิชานี้น่าสนใจดี แชะ ! ติ๊งง คุณได้รับแอพพลิเคชั่นวิชากระบี่ทะลวงจันทร์ ต้องการติดตั้งหรือไม่ ! ด้วยสมาร์ทโฟนในมือของเจ้าแกะดำหลิวเป่ยเฉิน ทำให้เขาสามารถผงาดบนโลกจอมยุทธ์นี้ได้อย่างง่ายดาย…. แต่ข้าไม่เอาหรอก ใครมันจะอยากอยู่โลกแบบนี้กัน YouTube ก็ไม่มี Facebook ก็เข้าไม่ได้ ข้าขอกลับโลกเดิมไปนั่งเล่นเกมในห้องแอร์เย็น ๆ ดีกว่าโว้ยยย !!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท