ตอนที่ 1,295 สะพานหินโบราณ
แน่นอนว่าหลินเป่ยเฉินย่อมสนใจเรื่องการหาเงิน
แต่หากสามารถเลือกสละโทรศัพท์มือถือยมทูตกับการกลับสู่โลกใบเดิมของตนเองได้ หลินเป่ยเฉินก็ยินดีสละทิ้งทุกอย่างโดยไม่ลังเลเลย
หลินเป่ยเฉินต้องการเป็นเพียงโอตาคุธรรมดาผู้หนึ่ง วันทั้งวันใช้ชีวิตนอนอยู่บนเตียง เล่นเกมคอมพิวเตอร์ ไถหน้าจอโทรศัพท์ ดูภาพยนตร์และการ์ตูนทั้งวันทั้งคืนจนผล็อยหลับคาหน้าจอไปโดยไม่รู้ตัว…
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ
หลินเป่ยเฉินเริ่มคิดคำนวณแผนการธุรกิจของตนเอง ก่อนอื่น เขาต้องหาเงินสำหรับเลี้ยงดูสองแม่ลูกชิงเล่ยกับอันอัน หลังจากนั้นค่อยหาเงินสำหรับการชาร์จโทรศัพท์มือถือ
บัดนี้ โทรศัพท์มือถือของเขาไม่ต่างไปจากเครื่องสูบเงิน
ไม่มีผู้ใดสามารถล่วงรู้ได้เลยว่าการอัปเกรดอุปกรณ์ครั้งต่อไป โทรศัพท์มือถือเครื่องนี้จะเปลี่ยนสกุลเงินอีกหรือไม่?
เด็กหนุ่มจึงต้องเตรียมหาทางป้องกันเอาไว้ก่อน
ยามบ่าย
ชิงเล่ยทำอาหารให้รับประทาน เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว หลินเป่ยเฉินก็พานางเข้าไปฝึกวิชา เพื่อเรียนรู้ความแข็งแกร่งซึ่งกันและกันชนิดคลุกวงใน
เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่ทราบ
ในที่สุด เฉียนหลงก็มาถึงแล้ว
เขาบอกให้องครักษ์ของตนเองรออยู่ด้านนอกประตูรั้ว ก่อนที่จะเดินเข้ามาด้านในคฤหาสน์เพียงลำพัง
“นายท่านขอรับ ยอดเยี่ยมมากเลยขอรับ ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ…”
บุรุษหนุ่มจากตระกูลผู้สูงศักดิ์ร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้น
แต่เมื่อเข้ามาเห็นว่าชิงเล่ยยืนอยู่ข้างกายหลินเป่ยเฉิน เฉียนหลงก็เงียบเสียงลงทันที
ชิงเล่ยเป็นสตรีที่ชาญฉลาด
“เดี๋ยวข้าน้อยจะไปจัดเตรียมผลไม้มาให้ทานนะเจ้าคะ”
นางหมุนตัวกำลังจะเดินเลี่ยงออกไป
หลินเป่ยเฉินจับมือชิงเล่ยเอาไว้และกล่าวว่า “ไม่เป็นไรหรอก ท่านอยู่ที่นี่ต่อไปเถอะ จะได้รับทราบว่าพวกเรากำลังวางแผนอะไรอยู่”
เมื่อเฉียนหลงได้ยินเช่นนั้น เขาก็ทราบทันทีว่าสตรีผู้นี้มีตำแหน่งไม่ต่ำต้อยไปกว่าตนเองในสายตาของหลินเป่ยเฉิน
หลังจากนั่งลงจิบน้ำชากันพอเป็นพิธี เฉียนหลงก็ตัดสินใจจัดลำดับชั้นผู้คนขึ้นเสียใหม่ในสมองของตน
“ข้าน้อยทำความเคารพนายหญิง…”
เฉียนหลงประสานมือทำความเคารพชิงเล่ยและกล่าวต่อ “กราบเรียนนายท่าน โอสถที่นายท่านให้ข้าน้อยไปแจกจ่ายแก่ผู้ป่วยนั้นได้ผลดีมากขอรับ… หลังจากรับประทานโอสถเป่ยเฉินทะลวงฟ้ากับโอสถเป่ยเฉินคว่ำปฐพีไปแล้ว อาการของผู้ป่วยกว่าสิบแปดคนก็ทุเลาอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่รอยกลีบดอกไม้ก็หายไปแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าโอสถของนายท่านสามารถรักษาโรคบุปผามรณะได้จริง ๆ…”
หัวใจของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบ
ยาเซฟทาโรลีนกับยาโอเซลทามิเวียร์ใช้ได้ผลแฮะ
สรุปว่ายาฆ่าเชื้อที่ซื้อหาได้ในโทรศัพท์มือถือสามารถรักษาโรคบุปผามรณะได้จริง ๆ ด้วย
เพียงซื้อยาเหล่านั้นจากแอปเถาเป่ามากักตุนเพิ่มเติมก็ไม่มีปัญหาแล้ว
“แล้วผู้ป่วยอีกกลุ่มไม่มีความคืบหน้าหรือ?”
หลินเป่ยเฉินอยากจะฟังข้อมูลให้ครบทุกด้าน
เฉียนหลงพยักหน้า ตอบรับว่ายังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ
หลินเป่ยเฉินกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็จับตาดูต่อไป หากเกิดความเปลี่ยนแปลงใด จงรีบบอกข้าโดยเร็วที่สุด”
“นายท่านไม่ต้องห่วงขอรับ ข้าน้อยจะจับตาดูด้วยตนเองทีเดียว”
บุรุษหนุ่มจากตระกูลผู้สูงศักดิ์พูดด้วยความตื่นเต้น “ข้าน้อยได้ทำเรื่องขอถอนตัวออกจากการแข่งขันแล้ว ข้าน้อยจะทุ่มเทสมาธิทั้งหมดให้แก่ภารกิจของนายท่าน เพื่อที่ภารกิจนี้จะไม่มีทางผิดพลาดเด็ดขาด”
ว่าไงนะ?
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงักด้วยความตกตะลึง
“ผู้เข้าแข่งขันสามารถถอนตัวได้ด้วยหรือ?”
เขาเพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
“ย่อมได้สิขอรับ”
เฉียนหลงตอบกลับมาด้วยความไม่อยากเชื่อ “ก่อนหน้านี้ นายท่านไม่ได้อ่านกฎการแข่งขันหรือ? นอกจากเวลาที่อยู่ในสนามแข่งขันแล้ว ผู้เข้าแข่งขันทุกคนสามารถแจ้งการถอนตัวได้ตลอดเวลา”
“พูดจริงสิ?”
หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบ ๆ “ทำเช่นนั้นได้ด้วยหรือ? ฮ่า ๆๆ …ประเสริฐที่สุด”
น่าอายเหลือเกิน
นี่เป็นอีกครั้งที่หลินเป่ยเฉินเปิดเผยความอ่อนด้อยของตนเองออกมา
“ใช่แล้วขอรับ”
เฉียนหลงกล่าว “ผู้คนจำนวนมากขอแค่ได้เข้าสู่รอบที่สองของการแข่งขันก็มักจะถอนตัวกันหมดแล้ว เพราะอัตราการตายระหว่างการแข่งขันนั้นสูงมาก ยิ่งผ่านเข้าไปรอบลึกมากเท่าใด ก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น และคงไม่มีผู้เข้าแข่งขันคนไหนอยากตายหรอกขอรับ”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นนวดขมับ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพราะเหตุใดการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่ที่มีอัตราการตายสูงถึงเพียงนี้ แต่บรรดาเทพเจ้าตระกูลใหญ่ก็ยังคงส่งลูกหลานของตนเองเข้าร่วมการแข่งขันไม่เคยขาด
เพราะว่าพวกเขาสามารถถอนตัวกลางคันได้นั่นเอง
ระหว่างที่ทั้งสองหนุ่มพูดคุยกันอยู่นี้ ชิงเล่ยที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ได้แต่เบิกตาโตด้วยความตะลึงลานไม่อยากเชื่อ
นางเข้าใจแล้ว
เจี๋ยนเซียวเหยากับเฉียนหลงกำลังพูดคุยถึงวิธีการรักษาโรคบุปผามรณะ
และมีแนวโน้มว่าจะสามารถรักษาได้สำเร็จ
ที่เจี๋ยนเซียวเหยาพยายามอย่างหนักถึงเพียงนี้ คงเป็นเพราะอันอันอย่างแน่นอน
หัวใจของชิงเล่ยพลันพองโตด้วยความอบอุ่นวาบหวาม
บัดนี้ หัวใจของนางได้กล่าวปฏิญาณตนแล้วว่า นับจากนี้ไปไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น นางจะร้องไห้ไปกับเจี๋ยนเซียวเหยา นางจะหัวเราะไปกับเจี๋ยนเซียวเหยา นางจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขาไปตลอดชีวิต ไม่มีทางปล่อยมือไปจากเขาเด็ดขาด
“ประเสริฐ เรื่องราวหลังจากนี้ พวกท่านทั้งสองจัดการกันต่อแล้วกัน”
หลินเป่ยเฉินผุดลุกขึ้นยืน
เรื่องราวธุรกิจที่จะคุยกันต่อจากนี้ มีหลายอย่างที่เขาไม่รู้รายละเอียดมากเกินไป
และนั่นก็คือธุรกิจการค้าซากสัตว์อสูร
หลินเป่ยเฉินบอกเล่าเจตนาเบื้องต้นของตนเองให้เฉียนหลงกับชิงเล่ยรับทราบ ซึ่งทั้งสองคนก็รู้สึกเสมือนได้รับเกียรติและความไว้วางใจจากเด็กหนุ่มเป็นอย่างสูงมากทีเดียว
…
“ท่านแม่… กลีบดอกไม้บนหน้าผากท่านหายไปแล้ว…”
เจ้าอ้วนตะโกนออกมาเสียงดังลั่นด้วยความประหลาดใจ “ท่าน… ท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?”
หญิงชราผมสีเทากล่าวตอบ “น่าเหลือเชื่อที่สุด… แม้แต่รอยกลีบดอกไม้บนลำตัวก็จางหายไปแล้วเช่นกัน คนเหล่านั้นบอกว่าขอแค่มารดารับประทานโอสถต่อไปอีกห้าวันก็จะหายดีแล้ว”
“ดีจังเลยขอรับ ท่านแม่…”
เจ้าอ้วนกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“วันพรุ่งนี้จะเป็นการแข่งขันรอบที่สาม ซึ่งเป็นการต่อสู้บนสะพานหินโบราณข้ามหุบเหวโหยหวน”
หญิงชราผมสีเทากล่าวต่อ “วิชาสิบกายสลายจักรพรรดิที่มารดาสอน เจ้ายังไม่สามารถบรรลุได้ เร็วเข้าเถอะ เจ้าต้องรีบบรรลุขอบเขตพลังขั้นแรกให้ได้ หากทำได้สำเร็จ เจ้าก็มีหวังเป็นผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้แล้ว”
“ลูกรู้แล้วขอรับ ท่านแม่”
เจ้าอ้วนย่นคอลงเล็กน้อย “แต่ท่านแม่ ลูกอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพี่ใหญ่”
“มารดารู้ว่าเจ้าเคารพเจี๋ยนเซียวเหยา”
หญิงชราผมสีเทากล่าว “แต่เจ้าต้องจำไว้ว่าในดินแดนแห่งนี้ ไม่ควรมีใครเป็นคู่มือของเจ้า ในอีกไม่ช้าก็เร็ว เจ้าจะได้เดินทางออกไปจากบ่อน้ำน้อยแห่งนี้และเผชิญกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล ในเมื่อเจ้าเคารพเจี๋ยนเซียวเหยามากขนาดนั้น ก็ให้เกียรติเขาด้วยการทำให้เจี๋ยนเซียวเหยาเป็นบันไดขั้นแรกสู่ความยิ่งใหญ่ของเจ้าเถอะ”
…
กาลเวลาผ่านไป
วันต่อมา
เสียงระฆังจากวิหารเทพพงไพรดังกังวานไปทั่วเมืองเยี่ยเฉิง
การแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่รอบที่สามเริ่มขึ้นแล้ว
หากเปรียบการแข่งขันสองรอบก่อนหน้านี้เป็นการแข่งขันรอบคัดเลือก การแข่งขันรอบที่สามก็ไม่ต่างไปจากการแข่งขันรอบน็อกเอาต์
เพราะมีผู้เข้าแข่งขันสามารถรอดชีวิตจากสนามแข่งขันรอบที่สองมาได้กว่าหกร้อยคน ส่วนผู้ที่รอดชีวิตกลับออกมาจากทะเลทรายทองคำก็เกือบสี่ร้อยคน เมื่อนำจำนวนมารวมกัน ผู้เข้าแข่งขันเกือบหนึ่งพันคนก็ต้องจับคู่ต่อสู้กันบนสะพานหินโบราณแห่งหุบเหวโหยหวน
ตราบใดที่เหยียบเท้าลงไปบนสะพานหินโบราณ ก็หมายความว่าจะมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องตาย
สะพานหินโบราณแห่งนี้ ไม่ทราบเลยว่าเคยดื่มเลือดของนักรบเทวะมามากมายเท่าไหร่ และไม่ทราบเลยว่ามีผู้คนต้องมาสังเวยชีวิต ณ สถานที่แห่งนี้มากมายเพียงใด
ทางรอดเดียวจากการแข่งขันรอบนี้ ก็คืออย่าถูกฆ่าตายเท่านั้นเอง