ตอนที่ 1,299 เจ้าพูดว่าอะไรนะ?
หลินเป่ยเฉินสูบบุหรี่แล้วรู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่ง
มวนบุหรี่ที่ซื้อหามาจากแอปเถาเป่าในโทรศัพท์มือถือนั้น นอกจากช่วยทำให้จิตใจสงบได้แล้ว ยังเสริมสร้างพลังลมปราณ ถือเป็นของดีอีกหนึ่งอย่างที่จะพลาดไปไม่ได้
ชิงเล่ยเพิ่งเคยเห็นหลินเป่ยเฉินต่อสู้อย่างจริงจังด้วยตาของตนเองเป็นครั้งแรก
หลินเป่ยเฉินยามยืนอยู่บนสะพานหินพร้อมกับกระบี่คู่กายของเขา ช่างดูสูงส่งไม่ต่างไปจากเทพเจ้าระดับสูง
“กราบเรียนคุณชาย ข้าน้อยคงต้องขอตัวก่อน”
เฉียนหลงผุดลุกขึ้นยืน กล่าวว่า “วันนี้มีกำหนดเก็บข้อมูลจากผู้ป่วยกลุ่มสุดท้ายขอรับ ข้าน้อยอยากจะไปควบคุมงานด้วยตนเอง เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด”
“ประเสริฐ”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าและกล่าวว่า “บอกตามตรง เจ้าควรไสหัวกลับไปตั้งนานแล้ว”
เฉียนหลงขมวดคิ้วด้วยความพิศวงเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นชิงเล่ยยืนอยู่ข้างกายพี่ใหญ่ เขาก็เข้าใจบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาทันที
เฉียนหลงอดด่าตนเองไม่ได้ว่าเขานี่มันช่างโง่เขลาเสียจริง
หลังจากนั้น บุรุษหนุ่มจากตระกูลผู้สูงศักดิ์ก็รีบวิ่งออกมาจากคฤหาสน์บนภูเขาเซียวฝูด้วยความรวดเร็วราวกับหมอกควันสายหนึ่ง
ด้านนอกรั้วคฤหาสน์ กลุ่มองครักษ์ของเฉียนหลงยังคงยืนรออยู่
“พวกเราไปกันเถอะ”
เฉียนหลงกระโดดขึ้นไปนั่งบนรถม้า
…
หลินเป่ยเฉินโอบกอดชิงเล่ยอยู่ในอ้อมแขน
ชิงเล่ยกำลังปอกเปลือกองุ่นป้อนใส่ปากให้แก่หลินเป่ยเฉิน
“ในที่สุด บุตรสาวเจ้าของโรงเตี๊ยมก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว”
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินจ้องมองไปที่ม่านพลังถ่ายทอดสด
บนสะพานหินสำหรับข้ามหุบเหวโหยหวนในขณะนี้ ฮันลั่วเซวี่ยสวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีดำทมิฬ ซ่อนเร้นเรือนร่างอรชรได้อย่างมิดชิด ที่ช่วงเอวคาดเข็มขัดทองคำเส้นหนึ่ง กลับขับเน้นให้เห็นถึงส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างเด่นชัด เพียงไม่นาน เด็กสาวผู้นี้ก็เปลี่ยนแปลงกลายเป็นยอดหญิงงามไปเรียบร้อยแล้ว
ในมือของนางถือไม้เท้าด้ามหนึ่ง
มันเป็นไม้เท้าที่แกะสลักขึ้นมาจากกิ่งไม้ขนาดใหญ่ บริเวณปลายทั้งสองด้านยังคงมีแง่งไม้แหลมแทงออกมา มิหนำซ้ำ ตามแง่งไม้นั้นยังมีใบไม้สีเขียวสดงอกงามออกมาอีกด้วย
ไม้เท้าด้ามนี้มีสภาพเหมือนเพิ่งถูกตัดออกมาจากต้นไม้ข้างถนนอย่างไรอย่างนั้น
แต่แน่นอนว่ามันย่อมมีดีมากกว่าที่เห็น มิเช่นนั้น ฮันลั่วเซวี่ยคงไม่พกติดตัวมาด้วยหรอก
เมื่อการแข่งขันดำเนินมาถึงรอบนี้ ก็ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าม้ามืดอีกต่อไป เพราะผู้เข้าแข่งขันทุกคนต่างก็ถูกล้วงข้อมูลทุกซอกทุกมุม
เกือบทุกคนจึงทราบดีว่าฮันลั่วเซวี่ยเป็นผู้ที่เผ่าเทพพงไพรคัดเลือกมาเป็นพิเศษ ซึ่งผู้ที่คัดเลือกนางเข้ามาก็คือใต้เท้าเหลียนที่ดูจะฝากความหวังเอาไว้กับนางมากทีเดียว แต่ผู้คนล้วนคาดเดาไม่ออกว่าเด็กสาวกับไม้เท้าแปลกประหลาดนี้จะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างไร?
คู่ต่อสู้ของนางเป็นถึงนักเวทจากเผ่าเทพตะวัน
คนผู้นี้มีอายุสามสิบปี ร่างกายกำยำสูงใหญ่ สวมใส่เสื้อคลุมสีทองคำประดับลวดลายแสงตะวันแพรวพราว ไม้เท้าเหล็กเจาะที่อยู่ในมือเขาถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีต โดยเฉพาะปลายด้านหนึ่งมีเปลวไฟลุกโชนตลอดเวลา เพียงจ้องมองแค่วูบเดียว ก็รู้แล้วว่านี่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง
“ข้ามีนามว่าพานหรู่ซิง วันนี้ข้าจะแผดเผาเจ้าเอง”
นักเวทหนุ่มก้าวเดินออกมาข้างหน้าด้วยฝีเท้าอันมั่นคง
ทุกฝีเท้าของเขาจะทำให้เกล็ดน้ำแข็งบนพื้นสะพานหินระเหยหายไป
ท้องฟ้าด้านหลังเขาเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิงลุกโชน
มวลอากาศร้อนระอุถึงจุดเดือด
เถาวัลย์ไม้เลื้อยที่ขึ้นอยู่เต็มสะพานหินระเหยหายกลายเป็นหมอกควัน
เสียงสายลมกรีดตัวดังหวีดหวิวที่ดังต่อเนื่องมาอย่างยาวนานนับพันปีพลันหยุดชะงักลงชั่วคราว
ตัวของพานหรู่ซิงแทบจะเปลี่ยนแปลงกลายเป็นดวงอาทิตย์ขนาดย่อม ร่างกายของเขาแผ่อุณหภูมิความร้อนออกมาอย่างน่าหวาดกลัว แม้แต่พื้นผิวของสะพานหินโบราณก็ปรากฏหมอกควันสีดำลอยขึ้นมาแล้ว…
นับว่านักเวทจากเผ่าเทพตะวันผู้นี้มีความน่าเกรงขามจริง ๆ
แม้ว่าเด็กสาวผู้ที่ใต้เท้าเหลียนแห่งเผ่าเทพพงไพรส่งเข้าแข่งขันจะมีฝีมือเป็นรองตนเองอยู่หลายขั้น แต่พานหรู่ซิงก็ไม่คิดประมาท ทุกจังหวะที่ก้าวเท้ามาข้างหน้า บุรุษหนุ่มจะพึมพำบริกรรมคาถา เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่มวลความร้อนของตนเองเพิ่มยิ่งขึ้น
ปกติแล้วการใช้เวทมนตร์ระดับนี้จำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาไม่น้อย
แต่ความแข็งแกร่งที่พานหรู่ซิงแสดงออกมานั้น ยืนยันให้ทุกคนได้ประจักษ์แล้วว่า เขาสมควรผ่านเข้าสู่การแข่งขันรอบที่สามจริง ๆ
บัดนี้ ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่รับชมการถ่ายทอดสดต่างก็อดตัวสั่นเทาไม่ได้
หลินเป่ยเฉินเองก็ประหลาดใจเช่นกัน
นี่คือครั้งแรกที่เขาเห็นนักเวทใช้เวทมนตร์อย่างเต็ม ๆ ตา
ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าเพราะเหตุใด นักเวทเพียงหนึ่งคนจึงสามารถรับมือกับนักรบได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบรรดานักเวทหรือพ่อมดในนิยายจากโลกตะวันตก ระดับพลังในการทำลายล้างของพวกเขานั้น แทบไม่ต่างไปจากระเบิดปรมาณู
เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ก็นับได้ว่าสถานการณ์ของฮันลั่วเซวี่ยย่ำแย่ยิ่ง
หลินเป่ยเฉินอดเป็นห่วงนางไม่ได้
ทันใดนั้น การต่อสู้บนสะพานหินกำลังจะดำเนินมาถึงจุดแตกหัก
“ต่อให้เจ้าเป็นคนโปรดของใต้เท้าเหลียน แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่สะพานหินแห่งนี้จะเป็นที่ตายของเจ้า ไม่ทราบว่าก่อนตาย เจ้ามีอะไรคิดสั่งเสียหรือไม่?”
พานหรู่ซิงถามออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
จิตสังหารของเขาพุ่งทะยานถึงขีดสุด
เผ่าเทพตะวันครอบครองความยิ่งใหญ่มานานปี
เมื่ออีกฝ่ายเป็นตัวแทนของใต้เท้าเหลียนแห่งเผ่าเทพพงไพร การสังหารเด็กสาวครั้งนี้จึงถือเป็นการประกาศศักดาของเผ่าเทพตะวันไปในตัว
ฮันลั่วเซวี่ยขมวดคิ้วนิ่วหน้า
นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงจิตสังหารของพานหรู่ซิง
“ไฟของเจ้าดับแล้ว”
นางกล่าว
“ว่าไงนะ?”
พานหรู่ซิงสะดุ้งโหยง
และลมหายใจต่อมา ม่านพลังทะเลเพลิงของเขาก็ถูกทำลายลงไป
เปลวไฟที่ร้อนระอุดับวูบลง
ดับวูบลงจริง ๆ
“เจ้า…”
พานหรู่ซิงจ้องมองมาที่ฮันลั่วเซวี่ยด้วยความเหลือเชื่อ “เจ้าพูดว่าอะไรนะ? เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เจ้าไม่สมควรมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ…”
นักเวทหนุ่มพยายามบริกรรมคาถาอีกรอบ
พรึ่บ!
ทะเลเพลิงกลับมาลุกโชนอีกครั้ง
อุณหภูมิความร้อนแผ่ปกคลุมทั่วสะพานหิน
ฮันลั่วเซวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “เปลวไฟกลืนกินผู้ร่ายคาถา”
หลังจากนั้น ทะเลเพลิงของพานหรู่ซิงก็ปราศจากการควบคุม
“นี่มันอะไรกัน…”
นักเวทหนุ่มชื่อดังจากเผ่าเทพตะวันส่งเสียงร้องโหยหวน
เขาไม่อาจควบคุมทะเลเพลิงของตนเอง ตัวคนจึงถูกเปลวไฟเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านไปเสียแล้ว
การต่อสู้จบลง
ประตูมิติสีแดงเข้มปรากฏขึ้น ฮันลั่วเซวี่ยก้าวเดินเข้าไปในประตูมิติก่อนหายวับไป
ในเวลาเดียวกันนี้ ผู้คนจำนวนมากที่รับชมการถ่ายทอดสดอยู่ทั่วเมืองเยี่ยเฉิง ต่างก็ตกอยู่ในความสยดสยองสุดขีด
พวกเขาตกตะลึงในความแข็งแกร่งของฮันลั่วเซวี่ย
นางสามารถเอาชนะได้อย่างไร?
ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
เพียงคำพูดของนางไม่กี่คำ ก็สามารถถล่มม่านพลังทะเลเพลิงของเผ่าเทพตะวันได้อย่างราบคาบ
แล้วจะมีผู้ใดสามารถสู้กับนางได้บ้าง?
ใครก็ตามที่กลายเป็นคู่ต่อสู้ของฮันลั่วเซวี่ยในอนาคต นับว่าโชคร้ายเป็นอย่างยิ่ง
ผู้คนจำนวนมากหวาดกลัวจนใบหน้ากระตุก
…
“นะ…นี่มันเหลือเชื่อที่สุด”
ในคฤหาสน์บนภูเขาเซียวฝู หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความตะลึงลาน
นี่คือวิชาเวทมนตร์ชนิดใดกัน?
ผิดปกติมากเกินไป
ขาดความสมดุล
น่าจะต้องมีอะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่แน่นอน
มิเช่นนั้น จะมีใครสามารถเอาชนะฮันลั่วเซวี่ยได้บ้าง?
นางแข็งแกร่งมากเกินไป
สมมตินางกล่าวกับคู่ต่อสู้ว่า “มารดาของท่านไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้”
หลังจากนั้น มารดาของคู่ต่อสู้คนนั้นก็จะหายวับไป แล้วผู้ใดจะให้กำเนิดเขาออกมาล่ะ?
นี่เรียกว่าการกำจัดคู่ต่อสู้อย่างถอนรากถอนโคนที่แท้จริง