ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 317 ร้านขายของชำ ร้านอาหารและร้านขายโลงศพ-1

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 317 ร้านขายของชำ ร้านอาหารและร้านขายโลงศพ-1

แน่นอนว่าร้านขายโลงศพไม่เหมือนร้านขายของชำหรือร้านอาหารทั่วไป

หลิวรุ่ยอิ่งคิดไม่ถึงว่าจะสามารถซื้อโลงศพได้ที่นี่

เถ้าแก่เนี้ยเดินนำหลิวรุ่ยอิ่งไปทางด้านหลัง

ผ่านทางเดินที่คับแคบ พวกเขาพบห้องเล็กๆ

ห้องนี้เป็นห้องจริงๆ ไม่ใช่เพิง

เถ้าแก่เนี้ยเปิดประตูออก ภายในมีโลงศพเรียงรายอย่างเป็นระเบียบถึงสามแถว

นี่เป็นครั้งแรกที่หลิวรุ่ยอิ่งได้เห็นโลงศพมากมายเช่นนี้

ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกในใจมีบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้

“โลงศพทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าต้องการเลือกอันไหน”

เถ้าแก่เนี้ยเอ่ยถาม

หลิวรุ่ยอิ่งมองดูอย่างละเอียดครู่หนึ่ง

เขาไม่มีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับการเลือกโลงศพเลยจริงๆ

“เจ้าช่วยเลือกให้ข้าสักอันเถอะ…”

หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ย

“โลงศพเหล่านี้ บางอันว่างเปล่า แต่บางอันยังมีคนนอนอยู่ข้างใน!”

เถ้าแก่เนี้ยบอก

หลิวรุ่ยอิ่งตกใจอย่างยิ่ง

โลงศพที่ยังมีคนอยู่จะนำมาขายได้อย่างไร

“คนที่ตายไปแล้วไม่สามารถจ่ายเงินได้ คนที่ตายที่นี่ก็ไม่มีเงินเช่นกัน พวกเขาใช้เงินก้อนสุดท้ายของพวกเขาเพื่อซื้อโลงศพหนึ่งโลง จากนั้นก็วางเอาไว้ที่นี่ หากมีใครมารับพวกเขาไป เราก็จะเก็บค่าเก็บรักษา แต่ถ้าไม่มีใครมารับ ก็จะขายโลงศพของพวกเขาอีกครั้ง เพื่อชดใช้ค่าเก็บรักษาที่เหลือ”

เถ้าแก่เนี้ยอธิบาย

หลิวรุ่ยอิ่งพยักหน้า

“เจ้ามาแต่งงานที่นี่ได้อย่างไร”

จู่ๆ หลิวรุ่ยอิ่งก็รู้สึกสนใจเรื่องราวของเถ้าแก่เนี้ย

“ในที่สุดเจ้าก็ถามเรื่องของข้าแล้ว”

เถ้าแก่เนี้ยยืนพิงขอบประตู มือกอดอก ยิ้มกว้างแล้วพูดขึ้น

กลับเป็นการเผยเรือนร่างของตนอย่างไม่ต้องสงสัย

เอวผอมเพรียว อกผาย และขาเรียวยาว

“ข้าสามารถบอกเจ้าได้ แต่ก่อนอื่นเลือกโลงศพก่อนเถอะ”

เถ้าแก่เนี้ยพูดขึ้น

นางเลือกโลงหนึ่งให้หลิวรุ่ยอิ่ง

และบอกเขาว่าโลงนั้นว่างเปล่า

หลิวรุ่ยอิ่งจึงตัดสินใจซื้อโลงนั้นมา

เมื่อเดินกลับมาที่โถงด้านหน้า เจ้าหน้าที่จากอาคารกรมสอบสวนเมืองหยางเหวินที่ทานอาหารแพงถึงห้าร้อยตำลึงนั้นก็กลับมาแล้ว

“อาหารรสชาติดีหรือไม่”

หลิวรุ่ยอิ่งถาม

“รสชาติดีเยี่ยมขอรับ…”

คนผู้นั้นตอบ

“กินอิ่มแล้วก็เตรียมออกเดินทางได้”

และให้เขานำโลงศพกลับไปยังเมืองหยางเหวินก่อน

หลิวรุ่ยอิ่งมองเงาร่างของเจ้าหน้าที่คนนั้นจากไป

ทันใดนั้น เขาพลันรู้สึกอิจฉา

หากการเดินทางครั้งนี้ต้องมีผู้แพ้ผู้ชนะ เขาคือผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนนั้น

ข้ามภูเขาแล้วได้รับการปรนนิบัติจากสองสตรีพร้อมอาหารหนึ่งมื้อมูลค่าห้าร้อยตำลึง

จากนั้นข้ามภูเขาอีก ตกดึกก็ได้นอนหลับสบายบนเตียงนุ่มๆ ของตนเอง

สองอย่างนี้ มีใครทำได้บ้าง

หลิวรุ่ยอิ่งทำไม่ได้

และเขารู้ว่าจิ้งเหยาเองก็ทำไม่ได้เช่นกัน

หลิวรุ่ยอิ่งได้ตัดสินใจแล้วว่าจะรอที่นี่อย่างน้อยสามสี่วัน

เพราะจิ้งเหยาจะต้องเดินทางผ่านเส้นทางนี้แน่นอน

เขาจะไม่เลือกเดินอ้อมเหมืองแร่ที่สะดวกนี้ไปยังพื้นที่ที่ลึกลับของอาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋องแน่นอน

แต่ที่นี่ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

คนที่ใช้ลมปราณหลอมอาวุธลับก่อนหน้านี้เป็นใคร

เขามีเหตุผลอะไรถึงพุ่งเป้าหมายมาที่หลิวรุ่ยอิ่งและพรรคพวก

กำไลข้อมือที่เถ้าแก่เนี้ยสวมอยู่นั้นได้มาจากไหน

และในห้าคนที่อยู่ชั้นบน มีเพียงสองคนที่ตาย

สามคนที่เหลือเป็นใคร

จนกว่าจะหาคำตอบเหล่านี้ หลิวรุ่ยอิ่งก็ไม่สามารถอยู่อย่างสงบได้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการนอนหลับเลย

แต่กว่าพระอาทิตย์จะตกดินก็ยังเหลืออีกหลายชั่วยาม

เวลาที่เหลือนี้ หลิวรุ่ยอิ่งจำเป็นต้องหาคำตอบของทุกปัญหาให้ได้

และเส้นทางคลี่คลายปัญหาทุกอย่างนั้นอยู่ที่เถ้าแก่เนี้ยที่นิสัยเจ้าเล่ห์และวางตัวเปิดเผย

เขากลับมานั่งที่โต๊ะอีกครั้ง

หลิวรุ่ยอิ่งและเถ้าแก่เนี้ยก็เริ่มร่ำสุรากันอีกครั้ง

“คนเราน่ะ เหน็ดเหนื่อยหนึ่งวัน พักผ่อนหนึ่งวัน ไม่ว่าจะทำอะไร อยู่ที่ไหน วันๆ ก็ต้องผ่านไปเช่นนี้”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าวอย่างทอดอาลัย

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย

ความผ่อนคลายที่นางแสดงออกมาก่อนหน้านี้หายไปจนสิ้น

“อีกอย่างเมื่อสตรีออกเรือนแล้ว ไม่ว่าจะลำบากยากเย็นเพียงใดก็ต้องรู้จักปรับตัวให้ได้ ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้ก็ควรจะพอใจแล้ว”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าวต่อหลังจากดื่มสุราอีกหนึ่งอึก

“ก่อนหน้านี้มีสหายคนหนึ่งบอกข้าให้มาดูดอกท้อที่นี่ ข้าข้ามภูเขาไปทีละลูก ข้ามแม่น้ำจักรพรรดิและในที่สุดก็มาถึงที่นี่ อย่าหัวเราะเยาะข้าเชียวละ สิบปีก่อนที่นี่ยังมีดอกไม้อยู่ แต่พอเข้าปีที่สองที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มีดอกไม้แล้ว”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าว

“ข้าไม่ได้หัวเราะ”

หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว

“แต่เจ้าก็ไม่ได้เชื่อ”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าว

“นึกภาพไม่ออกเลยว่าที่นี่เคยมีดอกไม้ผลิบาน”

หลิวรุ่ยอิ่งพูดอย่างจนปัญญา

“เพราะนั่นเป็นเรื่องราวเมื่อสิบปีก่อน…สิบปี มากพอจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างได้”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าว

สิบปีก่อนตอนที่นางเพิ่งมาถึงที่นี่

ที่นี่ยังไม่ได้เปิดเป็นเหมืองแร่

มีบ้านเพียงไม่กี่หลัง

พอถูๆ ไถๆ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ได้

เถ้าแก่เนี้ยจะตื่นก่อนเวลารุ่งสางหนึ่งชั่วยาม

คนส่วนใหญ่เมื่อตื่นนอนตอนเช้า สิ่งแรกที่นึกถึงคือห้องน้ำ

แต่เถ้าแก่เนี้ยกลับไม่ใช่

นางในเวลานั้นยังไม่ได้เป็นเถ้าแก่เนี้ย

เป็นแค่เถ้าแก่

ร้านขายของชำนี้เป็นร้านที่นางเปิดขึ้นเอง

และสิ่งที่นางทำเป็นอย่างแรกทุกเช้าหลังตื่นนอนคือนึกถึงความฝันในคืนที่ผ่านมาซ้ำอีกรอบ

เพราะนางมักจะฝันเรื่องเดิมซ้ำๆ

นางฝันว่าตัวเองกำลังเดินทาง

เดินทางโดยไม่หยุดพัก

สุริยันจันทราหมุนเวียนเปลี่ยนผันเหนือศีรษะ แต่นางไม่เคยหยุดเดิน

ในวันที่อากาศแจ่มใส ไม่ทิ้งร่องรอยฝีเท้า

เมื่อฝนตกหนัก รอยเท้าก็จะถูกชะล้างไปอย่างรวดเร็ว

ตามริมทางนางจะเห็นชาวนาเฒ่าทำงานหนักเหงื่อไหลอาบในเวลาเที่ยงวัน

ใช้เครื่องมือทำนาในมือถอนต้นกล้าที่เหมือนกับเด็กทารกอวบอ้วนอย่างอ่อนโยน

เดินเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

เดินจนกระทั่งในฝันรู้สึกเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ยังไม่หยุดพัก

ไม่ใช่ว่านางไม่อยากหยุด แต่เป็นเพราะขาของนางก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ

เมื่อตื่นขึ้นมา นางก็ซุกหน้าลงบนหมอน แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง

ตรงข้ามร้านขายของชำมีร้านขายแผ่นแป้งต้นหอมทอดของหญิงชรา

นางจะไม่ลุกจากเตียงจนกว่ากลิ่นหอมของแผ่นแป้งต้นหอมทอดนั้นจะพัดเข้ามาทางหน้าต่าง นางจึงจะเดินไปห้องน้ำ

ตอนนี้ จึงจะเป็นการเริ่มต้นวันใหม่

เมื่อนางมาที่นี่ครั้งแรก ตอนนั้นเป็นช่วงฤดูหนาว

ฤดูหนาวของที่นี่ ในแต่ละวันก็ไม่มีอะไรต่างกัน

เพียงแค่วนเวียนกันไปมาเท่านั้น

หลังจากที่นางซื้อแผ่นแป้งต้นหอมทอดหนึ่งชิ้น ก็จะนั่งกินที่หน้าร้านของตัวเองอย่างช้าๆ

ใช้เล็บฉีกชิ้นแป้ง และทานทีละนิด

แผ่นแป้งต้นหอมทอดขนาดไม่ใหญ่นัก แต่นางกลับสามารถทานได้ทั้งวัน

เมื่อถึงเวลาพลบค่ำก็จะมีคนมาซื้อสุราที่ร้านขายของชำของนาง

นางเองก็ชอบดื่มสุราเช่นกัน

ตามปกติแล้ว ช่วงเวลานี้ควรจะเป็นช่วงที่มีความสุข

แต่คนที่มาซื้อสุราในแต่ละวันกลับเป็นคนเดิมๆ และพูดคุยแต่เรื่องเดิมๆ ทุกวัน

ความสุขก็จะค่อยๆ เลือนหายไปทุกวัน

จนกระทั่งความรู้สึกนั้นกลายเป็นความเกลียดชังและความไม่ชอบใจ

ต่อมานางจึงเลิกขายสุรา

แต่พอนางหยุดขายสุรา

การค้าขายของนางก็เงียบเหงาลงอย่างมาก

ไม่มีลูกค้า รายได้ก็ลดลง

ดีที่นางกินแค่แผ่นแป้งต้นหอมทอดหนึ่งชิ้นต่อวัน

ดังนั้นนางก็ยังคงเลี้ยงชีพตัวเองได้

หญิงชราขายแผ่นแป้งต้นหอมทอดเป็นคนใจดี

นางบอกกับเถ้าแก่เนี้ยว่าสตรีควรมีคู่ครอง

การใช้ชีวิตคนเดียวเช่นนี้ สุดท้ายก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี

แต่เถ้าแก่เนี้ยกลับย้อนถามไปว่า หญิงชราก็ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเหมือนกันไม่ใช่หรือ

หญิงชราถูกถามจนพูดไม่ออก

หลังจากนั้น เถ้าแก่เนี้ยก็ไม่เคยไปซื้อแผ่นแป้งต้นหอมทอดจากหญิงชราอีกเลย

ไม่ใช่เพราะนางไม่อยากกิน

แต่เพราะนางรู้สึกว่าตนพูดจาทำร้ายความรู้สึกของคนอื่น

และนางไม่รู้ว่าควรจะขอโทษอย่างไร

ดังนั้นการไม่พบหน้าจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ให้เวลาเยียวยาทุกอย่าง

อีกอย่าง คนแก่ความจำไม่ค่อยดี

แต่ฤดูหนาวยังไม่ผ่านพ้นไป หญิงชราก็ยังไม่ลืม

เหมืองแร่ที่นี่จึงตั้งขึ้น

บ้านเรือนที่เหลืออยู่น้อยนิดก็ล้วนแต่จากไป

นางเองก็คิดจะออกไปจากที่นี่

แต่หลังจากที่เหมืองแร่เปิดแล้ว ก็มีคนงานมากมายเข้ามา

การค้าขายก็เริ่มดีขึ้น

ทำงานในเหมืองแร่จะเลี่ยงอุบัติเหตุได้อย่างไร

อุบัติเหตุมีทั้งเล็กและใหญ่

แต่ไม่นานก็มีคนงานถูกก้อนหินกลิ้งตกลงมาทับจนตาย

คนงานเหล่านี้ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีญาติสนิทมิตรสหาย

ล้วนเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่เก็บร่างไร้วิญญาณของพวกเขาทุกคน

เวลาผ่านไป นางก็เปิดร้านขายโลงศพขึ้นที่ด้านหลังร้านขายของชำของนาง

นึกไม่ถึงว่ากลับถูกคนวิพากษ์วิจารณ์

พูดกันว่าร้านขายของชำด้านหน้าขายของให้คนเป็น ส่วนด้านหลังขายโลงศพกอบโกยจากคนตาย

คนเราไม่ช้าก็เร็วก็ต้องผ่านทั้งสองทางนี้ไม่ใช่หรือ

เป็นหรือตาย ต่างก็ต้องพึ่งพาเถ้าแก่เนี้ยคนนี้ดูแลจัดการ

แต่ที่เหมืองแร่นี้มีเพียงร้านขายของชำร้านเดียวเท่านั้น

และร้านขายโลงศพร้านเดียว

ดังนั้นแม้คนงานจะรู้สึกว่าไม่เป็นมงคล พวกเขาก็ยังต้องมาซื้อของ

เพียงแต่ไม่มีใครพูดคุยกับเถ้าแก่เนี้ยคนนี้

แม้กระทั่งตอนจ่ายเงิน ก็ไม่กล้าเงยหน้าสบตานาง

คนงานกลุ่มแรกที่รู้จักนาง รู้ว่าเถ้าแก่เนี้ยเป็นคนดี

ทุกวันหลังเลิกงาน พวกเขาก็จะแวะมานั่งที่ร้านขายของชำ ดื่มสุราและสนทนาพูดคุย

เถ้าแก่เนี้ยก็จะแบ่งอาหารตุ๋นที่นางทำเองให้กับพวกเขา

แต่ต่อมา พวกคนงานชุดนั้นมีทั้งตายจากและย้ายหนี

ไม่มีใครรู้ถึงเรื่องราวในอดีตของเถ้าแก่เนี้ยอีก

ทุกคนเพียงรู้สึกว่านางเป็นหญิงชั่วช้าที่หากำไรจากความเป็นและความตายของคนอื่น

ทว่าตั้งแต่นางเปิดร้านขายโลงศพมา คนที่ตายในเหมืองแร่ก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

แต่นั่นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเถ้าแก่เนี้ย

เพียงแต่นางได้ประโยชน์ไม่น้อย

เพราะโลงศพที่นี่มีราคาสูง

ราคาสูงกว่าสุราและอาหารด้วยซ้ำ

………………………………………………….

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

Status: Ongoing
ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมา เขาจึงมุ่งหน้าสู่แดนพายัพ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเซียนและการต่อสู้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท