บทที่ 1173 ตอนพิเศษ (60/2)
บทที่ 1173 ตอนพิเศษ (60/2)
หลิวจิ่วจู๋ไม่รู้ว่าคำพูดของตนนั้นยั่วยวนเพียงใด
นางโน้มตัวไปใกล้ ๆ หูของเขาแล้วกล่าวต่อไปว่า “เจ้าว่าสามีข้าหน้าตาดีเพียงนั้น หากถูกผู้อื่นแย่งชิงไปจะทำอย่างไร? ไม่ได้การ ข้าจะให้เขาถูกแย่งไปไม่ได้!”
ขณะที่กล่าว นางก็งับใบหูของลู่ฉาวจิ่ง
ลู่ฉาวจิ่งสั่นสะท้านไปทั้งตัว เขาเอ่ยอย่างจนปัญญา “อย่าซน หากเจ้ายังซนอีก ข้าจะโยนเจ้าลงไปแล้ว”
“ท่านพี่…” หลิวจิ่วจู๋กอดลู่ฉาวจิ่งไว้พลางจูบเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ท่านอย่าหนีไปกับผู้อื่นเลยนะ อย่า…”
“อย่าหนีไปนะ”
“ท่านพี่จูบข้าหน่อย จูบ ๆ”
ลู่ฉาวจิ่งมองไปรอบ ๆ
แม้ว่าทุกคนจะแยกย้ายไปพักผ่อนแล้ว ทว่าเสียงของหลิวจิ่วจู๋ก็ดังมาก เกรงว่าแม้จะหลับไปแล้วก็คงถูกปลุกขึ้นมาได้
ในที่สุดลู่ฉาวจิ่งก็อุ้มหญิงสาวไปถึงเตียงด้วยความทุลักทุเลแล้วค่อย ๆ วางนางลง
เขาพึ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลิวจิ่วจู๋ก็รั้งเอวเขาเข้าไปกอด นางดึงเขาให้นอนลงข้าง ๆ กัน
ลู่ฉาวจิ่ง “…”
ช่างเถิด เสื้อผ้าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแล้ว นอนไปทั้งอย่างนี้แหละ! ขอเพียงภรรยาของเขาไม่วุ่นวาย เรื่องอื่นล้วนดีทั้งสิ้น
หลิวจิ่วจู๋ยื่นมือสอดเข้าไปในเสื้อของลู่ฉาวจิ่ง
ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ
“ท่านพี่ ข้าอยากมีลูกกับท่าน…”
หลิวจิ่วจู๋ลุกขึ้นนั่งแล้วนอนลงเบื้องหน้า ดวงตาคู่นั้นราวกับหมอกควันที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและความบริสุทธิ์
ลู่ฉาวจิ่งรั้งลำคอหญิงสาวเข้าหาตัว ก่อนจะบรรจงจูบลงบนริมฝีปากบาง
หลิวจิ่วจู๋ราวกับฮึกเหิมขึ้นมา นางตอบรับเขาเป็นอย่างดี
“ไม่อร่อย” หลิวจิ่วจู๋จ้องมองสามีอย่างไม่พอใจ “แทะไม่ได้ วันนี้ซี่โครงปรุงไม่สุก ไม่อร่อย!”
“ต่อไปให้เจ้าดื่มไม่ได้แล้ว” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “ไม่เช่นนั้น…”
เขาคงทนแนบชิดกับนางเช่นนี้ต่อไม่ไหว
“ข้าจะกินอีกคำ”
หลิวจิ่วจู๋โน้มตัวเข้ามางับริมฝีปากเขาอีกครั้ง
“ซี้ด…” ลู่ฉาวจิ่งรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา
แม่นางน้อยผู้นี้กัดเขาจริง ๆ!
เขารับรู้ถึงกลิ่นคาวเลือด ทั้งยังรู้สึกแสบร้อนบริเวณริมฝีปาก ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าจักต้องถูกกัดแล้วเป็นแน่
“อื้อออ… ไม่อร่อย พรุ่งนี้บอกแม่ครัว พวกเขาทำซี่โครงไม่อร่อยเลยสักนิด”
ลู่ฉาวจิ่งกระชับกอดหญิงสาวแนบอกแล้วตบหลังนางเบา ๆ “ได้ พรุ่งนี้ค่อยบอกแม่ครัว วันนี้นอนเถิด”
หลิวจิ่วจู๋ง่วงแล้ว นางนอนซุกอยู่ในอ้อมแขนลู่ฉาวจิ่งแล้วหลับใหลไปเช่นนั้น
เมื่อครู่นางยังกอดเขา ขบเม้มริมฝีปากเขา ต่อมานางกลับหลับใหลไปในอ้อมแขนเขาดื้อ ๆ ลู่ฉาวจิ่งไม่รู้ว่าควรโมโหหรือขอบคุณดี ท้ายที่สุดก็สงบลงแล้ว ไม่มีเสียงรบกวนอีกต่อไป เขาเองก็สามารถพักผ่อนได้
เช้าวันต่อมา เมื่อลู่ฉาวจิ่งตื่นขึ้น ช้างกายก็ไม่มีผู้ใดแล้ว
หลิวจิ่วจู๋ยกน้ำร้อนเข้ามาแล้วเอ่ย “หากท่านยังไม่ตื่น ข้าต้องปลุกท่านแล้ว พี่ซู่เกินบอกว่าวันนี้มีหลายเรื่องต้องจัดการ ควรไปที่ศาลาว่าการแต่เช้าหน่อย”
ลู่ฉาวจิ่งลุกขึ้นนั่ง
หลิวจิ่วจู๋มองริมฝีปากของเขาแล้วกล่าว “เมื่อวานท่านกินเผ็ดเกินไปหรือ? ปากของท่านทั้งแดงทั้งบวม เป็นร้อนในแล้วกระมัง?”
ลู่ฉาวจิ่งแตะลงบนริมฝีปากแล้วกล่าว “ใช่แล้ว ข้าทานอาหารเผ็ดร้อนยิ่งนัก”
“เช่นนั้น ต่อไปอย่ากินอาหารเผ็ดเกินจะดีกว่า” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “เป็นร้อนในเช่นนี้ไม่ดีต่อร่างกายเอาเสียเลย”
“ไม่เป็นไร คนที่บ้านข้าล้วนชอบกินเผ็ด” ลู่ฉาวจิ่งสวมใส่รองเท้า
หลิวจิ่วจู๋นำชุดขุนนางที่เตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ มาให้แล้วช่วยเขาเปลี่ยนชุด
ลู่ฉาวจิ่งมองหลิวจิ่วจู๋ที่อยู่ตรงหน้า
ทั้งสองอยู่ด้วยกันไม่นานนัก แต่นับวันกลับยิ่งเหมือนคู่สามีภรรยาเฒ่ามากขึ้นเรื่อย ๆ ภาพนี้ดูคุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง เขามักจะเห็นภาพนี้ในห้องบิดามารดา
เพียงแต่ พวกเขายังเยาว์วัยอยู่นะ!
คู่สามีภรรยาเฒ่านี้…
ดูจืดชืดเกินไปหน่อยหรือไม่?
“ตอนนี้ท่านเป็นนายอำเภอแล้ว เช่นนั้นต้องย้ายไปอยู่เรือนหลังศาลาว่าการอำเภอหรือไม่?”
“อยากย้ายก็ย้าย ไม่อยากย้ายก็ไม่ต้องย้าย” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “ที่นี่ก็ไม่ได้ไกลจากศาลาว่าการอำเภอนัก ดังนั้นจะเอาอย่างไรก็ได้”
“เช่นนั้น ข้าก็ไม่อยากย้าย” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “ที่นี่เป็นบ้านของเรา ศาลาว่าการอำเภอเป็นบ้านของนายอำเภอ บ้านของนายอำเภออาจไม่ได้เป็นของเราตลอดไป ดังนั้นข้าคงไม่คุ้นชินที่จะไปอาศัยอยู่ที่นั่น”
“ได้ ขอเพียงเจ้าชอบก็พอแล้ว”
หลิวจิ่วจู๋มองลู่ฉาวจิ่งเดินออกจากบ้าน
หยางชิงซือเดินเข้ามาเอ่ยกระเซ้าสหาย “ยังมองไม่พอหรือ?”
“สามีข้าหล่อเพียงนั้น มองเท่าใดก็ไม่พอหรอก”
“ใช่ ข้าก็พึ่งรู้เมื่อวานนี้เองว่า ที่แท้เจ้าเองก็กระตือรือร้นถึงเพียงนั้น”
“อะไร?”
“เจ้ากอดสามีเจ้า อีกทั้งยังจูบเขาด้วย เจ้าส่งเสียงอึกทึกตั้งแต่ตรงที่ดื่มสุราไปจนถึงห้องนอน ทำเอาข้าตาสว่าง ก่อนหน้านี้เจ้าก็เคยดื่มสุรากับข้า แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเห็นเจ้าซุกซนถึงเพียงนี้”
“เมื่อคืนข้าทำเรื่องเช่นนั้นหรือ?”
“ปากสามีเจ้า… เป็นรอยฟันเจ้าเชียวละ”
“แต่ท่านพี่บอกว่ากินเผ็ดมากเกินไป…”
หลิวจิ่วจู๋นึกถึงสีหน้าลังเลของลู่ฉาวจิ่งแล้วเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา
เมื่อคืนนางทำอะไรลงไปกันแน่?
“ไยต้องกังวลเพียงนั้น? อย่างไรเขาก็เป็นสามีเจ้า เจ้าอยากจะซุกซนเพียงใดก็ซุกซนเพียงนั้น อยากจูบอย่างไรก็จูบอย่างนั้น”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
พ่อบ้านสาวเท้าเดินเข้ามากล่าว “จางซื่อข้างบ้านขอพบฮูหยินขอรับ”
“นางต้องการอะไร?” หยางชิงซือกล่าว “ข้าจะไปถามนาง”
“ไปด้วยกันเถอะ” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “หมู่นี้นางไม่มีเวลาสร้างปัญหา ตอนนี้นางเป็นฝ่ายมาหาเราก่อน คงต้องการขอร้องบางอย่าง”
เมื่อจางซื่อเห็นพวกนางออกมาก็คุกเข่าลงต่อหน้าหลิวจิ่วจู๋
“ท่านทำอะไร?” หลิวจิ่วจู๋รีบช่วยประคองนางขึ้นมา
จางซื่อไม่ยอมลุกขึ้น กลับกอดแขนหลิวจิ่วจู๋เอาไว้พร้อมกล่าว “พวกเขาบอกว่าเจ้าเป็นท่านหมอ สะใภ้สกุลหลี่ข้างบ้านก็เป็นเจ้าทำคลอดให้ เจ้าช่วยชีวิตสองแม่ลูกเอาไว้ ในเมื่อเจ้ารู้วิชาแพทย์ เช่นนั้นก็ช่วยลูกข้าเถิด! หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องตายเป็นแน่!”
“ท่านป้า ท่านควรไปเชิญท่านหมอมา จริงอยู่ ข้าเชี่ยวชาญเรื่องการทำคลอด ทว่าข้าเก่งเพียงด้านนี้เท่านั้น ข้ายังไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ด้านอื่น เกรงว่าจะช่วยท่านไม่ได้”
“คนเดียวที่ข้าขอร้องได้มีเพียงเจ้าแล้ว เจ้าและสามีของเจ้าล้วนมีความสามารถ เข้าใจเรื่องต่าง ๆ มากกว่าเรา ข้ามีลูกชายเพียงคนเดียว เพื่อเขาแล้ว แม้จะตายข้าก็ยอม ก่อนหน้านี้เป็นข้าที่โง่เขลา ไร้ยางอาย เป็นความผิดของข้า ได้โปรดช่วยลูกข้าด้วยเถิด ข้าไม่อยากเสียลูกชายไป ตอนนี้อาการของเขานับวันยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ แล้ว”
“ท่านป้า ท่านเคยถามลูกชายของท่านหรือไม่ว่าเหตุใดเขาถึงได้ติดโรคนี้?”
“ข้าเคยถาม เพียงแต่เขาไม่พูด”
“เช่นนั้นท่านบอกเขาเถอะว่า หากเขายอมพูด ท่านจะไปไถ่ตัวแม่นางผู้นั้น ” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “สถานการณ์ของลูกชายท่านในตอนนี้คือเขาไม่ปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ สิ่งที่เราต้องทำยามนี้คือปลุกเร้าความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ของเขา นิสัยของลูกชายท่านเป็นอย่างไร ข้าเชื่อว่าท่านรู้ ข้าคิดว่าเขาคงพึงใจแม่นางผู้นั้น ถึงได้…”
มีความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายจนประสบปัญหาใหญ่หลวงเช่นนี้
“ข้าไม่ต้องการ” จางซื่อเอ่ยด้วยความโมโห “หญิงสกปรกพรรค์นั้น ข้าจะไม่ยอมให้เข้ามาในบ้านของข้าเป็นอันขาด!”