บทที่ 1174 ตอนพิเศษ (61/1)
บทที่ 1174 ตอนพิเศษ (61/1)
“ท่านป้า ท่านยังอยากช่วยลูกชายท่านอยู่หรือไม่?” หยางชิงซือเอ่ยถาม
จางซื่อตอบ “แน่นอนว่าอยาก”
“เมื่อครู่ท่านพึ่งบอกว่ายินดีทำทุกอย่างเพื่อลูกชายท่าน แม้กระทั่งตายเพื่อเขา แต่ตอนนี้แค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ท่านกลับยังทำไม่ได้ ช่างขัดแย้งกับคำพูดที่ท่านพึ่งเอ่ยออกมาจริง ๆ”
“ข้า… อย่างอื่นล้วนได้ทั้งสิ้น เพียงแต่ไม่ใช่เรื่องนี้” จางซื่อเอ่ย “ไม่เช่นนั้น ไม่เท่ากับข้านำหายนะเข้าบ้านตนหรือ นี่ต่างอะไรกับการฆ่าลูกชายข้า”
“ข้าไม่รู้ว่าลูกชายท่านเป็นอย่างไร ข้าได้บอกไปแล้ว ผู้ใดผูกผู้นั้นก็ต้องเป็นคนแก้” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “หากแก้ปมในใจลูกชายท่านได้ บางทีอาจพอมีวิธีช่วยชีวิตเขา”
“เพื่อลูกชายท่าน ควรแสร้งหูหนวกก็แสร้งหูหนวก ควรแสร้งตาบอดก็ต้องแสร้งตาบอด” หยางชิงซือที่อยู่ข้าง ๆ ว่าตาม “หากยังล่าช้า เกรงว่าลูกชายของท่านจะทนได้อีกเพียงไม่กี่วันแล้ว”
“แต่สตรีในหอโคมเขียวเหล่านั้นค่าตัวสูงมากกระมัง?” จางซื่อตกใจกลัวกับคำพูดของหยางชิงซือ ท่าทีของนางพลันเปลี่ยนตามไปด้วย
เพียงแค่นึกถึงตัวเลขมหาศาลเหล่านั้น แววตาของจางซื่อก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ถึงแม้นางจะยินดีอย่างไร ทว่าด้วยสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัว เดิมทีก็ไม่มีทางไถ่ตัวสตรีหอโคมเขียวได้แม้แต่น้อย
“หากเป็นยามปกติ บ้านท่านคงไม่สามารถไถ่ตัวนางได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เวลาปกติ ท่านลองคิดดูสิ ลูกชายท่านป่วย แถมโรคนั้นยังติดมาจากนาง นั่นหมายความว่านางก็ป่วยเช่นกัน หากสตรีหอโคมเขียวผู้หนึ่งป่วยเป็นโรค แขกจะต้องได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย ช่วงนี้นางอยู่ที่หอเมามายจะต้องลำบากเป็นแน่”
“ท่านสามารถลองถามดูก่อนได้ หากอาการของนางอยู่ภายใต้การควบคุมก็สามารถใช้เหตุผลนี้เป็นแรงจูงใจให้ลูกชายท่านมีชีวิตอยู่ให้ดีต่อ ทว่าดูจากท่าทีของลูกชายท่านแล้ว ความเป็นไปได้นี้มีไม่มาก มีความเป็นไปได้สูงที่อาการของนางจะเลวร้าย ชีวิตในหอเมามายจักต้องยากลำบาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านก็สามารถหาคนกลางสักคนให้ไปติดต่อกับแม่เล้าแทนท่าน จากนั้นก็ไถ่ตัวสตรีหอโคมเขียวผู้นั้นออกมา”
“ยามนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือท่านต้องถามลูกชายท่านว่าแม่นางผู้นั้นเป็นใคร” หยางชิงซือข้าง ๆ กล่าวเสริมขึ้น
หลิวจิ่วจู๋เห็นพ้องต้องกัน “ไม่ผิด”
“โรคของลูกชายข้า… เจ้าทำอะไรไม่ได้จริง ๆ หรือ?”
หลิวจิ่วจู๋ส่ายหน้า “โรคใจยังต้องใช้ยาใจรักษา”
“เช่นนั้นข้าจะถามเขา!”
จางซื่อเข้าไปในห้อง
หลิวจิ่วจู๋กับหยางชิงซือมองหน้ากัน
“เราไม่จำเป็นต้องรั้งอยู่ที่นี่แล้วกระมัง?” หยางชิงซือเอ่ย “เจ้าบอกลู่ทางให้นางแล้ว นางเพียงแค่ต้องทำตามที่เจ้าบอกก็เป็นอันใช้ได้”
“พวกเรากลับเถอะ!”
ทั้งสองเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว จางซื่อก็วิ่งหน้าตั้งออกมา
“สำเร็จแล้ว! สำเร็จแล้ว!” จางซื่อคว้าแขนหลิวจิ่วจู๋ไว้แล้วกล่าว “ในที่สุดลูกชายข้าก็คุยกับข้าแล้ว ทั้งยังยินดีกินข้าว เขาบอกกับข้าด้วยว่าแม่นางผู้นั้นเป็นผู้ใด”
“เช่นนั้นท่านก็จัดการอย่างที่พูดเมื่อครู่ก็พอ พวกเรายังมีเรื่องต้องทำ…”
“พวกเจ้าช่วยข้าอีกสักหนเถอะ” จางซื่อจับมือหลิวจิ่วจู๋ไม่ยอมปล่อย “ข้าแก่แล้ว ไม่รู้เรื่องรู้ราว ทั้งยังไม่เข้าใจหลักการใด ๆ พวกเจ้าสอนข้าเถิด ข้าควรจัดการกับคนผู้นั้นอย่างไร?”
หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “เมื่อครู่ข้าไม่ได้พูดจบแล้วหรือ? ท่านต้องไถ่ตัวนาง เมื่อไถ่ตัวนางมาแล้วย่อมไม่ใช่เห็นคนตายแล้วไม่ช่วย ดังนั้นจำต้องเชิญท่านหมอมารักษานางด้วย ถึงตอนนั้นก็จัดการให้พวกเขาอยู่ห้องเดียวกัน คอยพึ่งพาอาศัยกัน มีคนให้พึ่งพิง ลูกชายท่านย่อมมีความกล้าที่จะมีชีวิตอยู่”
“เช่นนั้นต้องใช้เงินมากน้อยเพียงใด?” จางซื่อปวดใจยิ่ง
“เงินหรือลูกชายสำคัญกว่ากัน?”
จางซื่อเงียบปากโดยพลัน
นางเป็นม่ายตั้งแต่ยังเยาว์จึงพึ่งพาลูกชายเป็นแรงผลักดันให้มีชีวิตอยู่ หากนางไม่มีลูกชาย นางก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แน่นอนว่าลูกชายของนางต้องสำคัญที่สุด
“หากไม่มีเรื่องอะไร พวกเราต้องขอตัวก่อน”
จางซื่อเผยอปาก ทว่าสุดท้ายก็กลืนคำพูดที่คิดจะเอ่ยลงไป
เรื่องครั้งนี้ช่างน่าอับอายเสียจริง ขณะที่นางอับจนหนทาง คนที่นางเกลียดที่สุดกลับยื่นมือช่วยเหลือ นั่นทำให้นางรู้สึกละอายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ก่อนหน้านี้เป็นความผิดข้า ข้าไม่ควรใจคอคับแคบคอยหาเรื่องเจ้าตลอดเวลา” จางซื่อเอ่ยกับหลิวจิ่วจู๋
“แล้วไปเถิด เรื่องก่อนหน้านี้ถือเสียว่าไม่เคยเกิดขึ้น ข้าไม่ใช่คนใจแคบ ท่านไม่ต้องเก็บไปใส่ใจ” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “เพียงแต่ท่านป้า ญาติที่อยู่ห่างไกลยังไม่สู้เพื่อนบ้านที่อยู่ชิดใกล้ ภายหน้าทุกคนก้มหน้าไม่พบเงยหน้าก็ได้เจอ ถึงแม้เกิดเรื่องหมางใจกันจริง ๆ ก็ต้องจัดการให้ดี ไม่อาจทำเรื่องเลวร้าย”
“ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจ”
จางซื่อส่งหยางชิงซือกับหลิวจิ่วจู๋กลับไป
นางมองส่งทั้งคู่กลับไปที่บ้านข้าง ๆ ขณะที่กำลังจะกลับเข้าไปในบ้านตนเองก็มีสตรีแปลก ๆ ผู้หนึ่งเดินออกมา สตรีผู้นั้นดึงจางซื่อไว้แล้วเอ่ย “ท่านรู้หรือไม่ว่านายอำเภอคนใหม่เป็นผู้ใด?”
ในสมองของจางซื่อตอนนี้มีเพียงเรื่องของลูกชาย เดิมทีก็ไม่อยากฟังเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตน
หญิงชราพยายามดึงแขนของตนออกอย่างหมดความอดทนราวกับไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะสนใจสตรีผู้นั้น
สตรีผู้นั้นเดินเข้ามาใกล้ ๆ และเอ่ยต่อ “นายอำเภอคนใหม่แซ่ลู่ ท่านเคยพบเขาหลายหนแล้ว ฮูหยินของเขาท่านก็เคยเห็น อีกฝ่ายเป็นแม่นางน้อยผู้นั้นที่เพิ่งเดินออกจากบ้านท่านอย่างไรเล่า”
“เจ้าหมายความว่า…”
“ไม่ผิด นางเป็นเพื่อนบ้านของท่าน”
จางซื่อตกใจ “เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“หลายวันแล้วกระมัง!” สตรีผู้นั้นกล่าว “ท่านว่า ฮูหยินนายอำเภอผู้หนึ่งกลับมาอยู่ในที่เล็ก ๆ เช่นนี้กับพวกเรา นี่เป็นเพราะนางซื่อสัตย์หรือว่าแสร้งหลอกพวกเรากันแน่?”
“ก่อนหน้านี้นางก็อาศัยอยู่ที่นี่ ตอนนี้อยู่ที่นี่ต่อมีอะไรไม่ถูกต้องหรือ? บ้านหลังนี้เป็นนางที่ซื้อมา เดิมทีก็เป็นทรัพย์สินของครอบครัวพวกเขา”
“ท่านไม่ได้ไม่ถูกกับพวกเขาหรอกหรือ? เหตุใดวันนี้ออกหน้าแทนพวกเขาแล้วเล่า?” เมื่อเห็นว่ายั่วยุไม่สำเร็จ สตรีผู้นั้นก็เสียหน้า “ที่นี่ไม่มีผู้อื่นแล้ว ท่านแสดงให้ผู้ใดดูกัน?”
“ข้ามีเรื่องอื่นต้องทำ ไม่มีเวลามาพูดคุยกับเจ้า เจ้ารีบกลับไปเถอะ!”
“ช้าก่อน ข้าได้ยินว่าบ้านท่านเกิดเรื่องแล้ว” สตรีผู้นั้นเข้ามาหาอีกครั้ง ทั้งยังมองไปทางบ้านนางด้วยสายตาแปลก ๆ “ลูกชายท่านติดโรคสกปรกอะไรมา เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
“ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!” จางซื่อตะคอกเสียงดังลั่นด้วยความโมโห
สตรีผู้นั้นตัวสั่น นางหัวเราะเจื่อน ๆ ออกมา “ข้าเพียงแค่ถามดูเท่านั้น ท่านไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด ไม่จำเป็นต้องทำท่าไม่น่าดูเพียงนี้กระมัง?”
“ไสหัวไป!” จางซื่อคว้าข้าวของที่อยู่ข้าง ๆ เขวี้ยงใส่อีกฝ่าย
สตรีผู้นั้นเผ่นแนบไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่วิ่งออกมาแล้ว นางก็เบ้ปากไปทางจางซื่อ “เสแสร้งอะไรกัน? เรื่องที่หวังสือจู้ทำ พวกเราที่นี่ล้วนรู้กันทั่ว บางคนปกติก็ดูซื่อตรงดีหรอก นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ โชคดีจริงที่ตอนนั้นเจ้าคิดจะดูตัวสตรีบ้านข้า แต่บ้านข้าไม่ได้เห็นด้วย ไม่เช่นนั้นแม้แต่สตรีบ้านข้าก็คงได้รับผลกระทบแล้ว”
จางซื่อวิ่งออกมาพร้อมกับอ่างน้ำสกปรก
สตรีนางนั้นเห็นเช่นนั้นก็วิ่งหนีด้วยกลัวว่าจะโดนน้ำล้างเท้าสาด
หลิวจิ่วจู๋กับหยางชิงซือคิดว่าเรื่องนี้จบลงแล้วแต่จางซื่อกลับทอดแป้งทอดมาให้พวกนางในวันเดียวกัน เมื่อดูท่าทีหวาดกลัวของจางซื่อแล้ว นางไม่เหมือนจะมากล่าวคำขอบคุณ หากแต่ดูเหมือนจะมาขอขมาลาโทษเสียมากกว่า