บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1383 ใจจะหลุดพ้นจากพันธนาการ เมื่อไร้ความกลัวต่อความเป็นความตาย

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1383 ใจจะหลุดพ้นจากพันธนาการ เมื่อไร้ความกลัวต่อความเป็นความตาย

บทที่ 1383 ใจจะหลุดพ้นจากพันธนาการ เมื่อไร้ความกลัวต่อความเป็นความตาย

ผ่านมากี่ครั้งแล้ว?

ถ้านี่คือโลกภายนอก ข้าคงตายไปหลายร้อยครั้งแล้วกระมัง?

แฮ่ก~ แฮ่ก~

ท่ามกลางเสียงหอบหายใจอย่างหนักหน่วง เฉินซีเงยหน้าขึ้นด้วยความขุ่นเคืองภายในความมืด ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดอย่างน่าสยดสยอง

ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกชินชากับความเจ็บปวดอันแสนสาหัสที่แล่นไปทั่วร่าง และความหวาดกลัวในใจก็ดูเหมือนจะถูกแทนที่ด้วยปราณกระบี่มานานแล้ว

ปราณกระบี่เหล่านั้นมาจากชายชราในชุดผ้าฝ้าย ปราณกระบี่แต่ละเล่มนั้นแตกต่างกัน แต่ไม่ว่าจะกลิ่นอายหรือแม้แต่เจตจำนงที่เฉพาะตัวของพวกมัน ก็เหมือนกันทุกประการ

ในขณะนี้ จิตใจของเฉินซีว่างเปล่า เพราะเขาได้ผลักดันความสามารถในการหาอนุมานจนถึงขีดจำกัดแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถมองเห็นแก่นแท้ของปราณกระบี่เหล่านั้นได้

เป็นเพราะอะไรกัน?

ข้าได้ใช้ความสามารถทุกอย่างที่มีอย่างเต็มที่ แต่ทำไมข้าถึงยังไม่ประสบความสำเร็จ?

หากไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคดังกล่าวได้ แล้วเหตุใดมันถึงมีอยู่ภายในแดนโบราณจักรพรรดิเต๋า? แล้วเหตุใดสำนักถึงอนุญาตให้เหล่าศิษย์สามารถเข้าไปในสุสานเพื่อรับการทดสอบ?

หรือเพราะข้าไม่แข็งแกร่งพอ?

ไม่สิ! เนื่องจากมันเป็นการทดสอบสำหรับเหล่าศิษย์ เช่นนั้นมันจะต้องมีขีดจำกัดอย่างแน่นอน มิฉะนั้น คงไม่มีทางที่ข้าจะสามารถทดสอบต่อ หลังจากที่ตายไปหลายร้อยครั้งแล้ว

แล้วเป็นเพราะอะไรกันแน่?

เฉินซีรู้สึกงุนงง ชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิในความมืด และจิตใจของเขาก็ว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง

ในขณะนี้ ร่างกายของเขาเหมือนถูกครอบงำ และไม่ได้ตระหนักถึงเวลาที่ล่วงเลย ถึงขั้นไม่สนใจการทดสอบที่กำลังจะเริ่มขึ้น หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูปแล้วก็ตาม

โอม!

ท่ามกลางสภาวะจิตใจที่ว่างเปล่า จู่ ๆ ปราณกระบี่ก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา เหมือนกับแสงเรืองรองที่สว่างไสวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

หลังจากนั้น ปราณกระบี่หลายร้อยเล่มก็เป็นเหมือนฝูงมัจฉาหลากสีที่วูบวาบขึ้นมาในใจ

ปราณกระบี่เหล่านี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป พวกมันวูบวาบและไม่อาจจับร่องรอยของพวกมันได้ พวกมันเคลื่อนไหวรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นถึงวิถีที่แตกต่างกันมากมาย มันลึกซึ้งและเปี่ยมไปด้วยจังหวะที่เป็นธรรมชาติ

ในไม่ช้า ปราณกระบี่และวิถีเหล่านั้นก็เริ่มผสานเข้าด้วยกัน ประหนึ่งหยดน้ำที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ในเวลาเพียงชั่วครู่ ก็เหลืองเพียงปราณกระบี่เล่มเดียวที่ยังคงอยู่ในใจ

ปราณกระบี่เล่มนี้สะอาด โปร่งแสง สงบ และธรรมดา ทว่าเมื่อมันปรากฏในใจ มันทำให้เฉินซีรู้สึกถึงความสมบูรณ์และปราศจากจุดอ่อนใด ๆ

อืม?

ในช่วงเวลาถัดมา จู่ ๆ เฉินซีก็ตื่นขึ้นมาจากสภาวะว่างเปล่า และเขาก็พึมพำ ปราณกระบี่นี้… ปราณกระบี่นี้…

ขณะที่เสียงของเขาดังก้อง ทันใดนั้นลำแสงที่สว่างจ้าก็วาบขึ้นมาในส่วนลึกของดวงตา ก่อนที่มันจะค่อย ๆ สว่างขึ้นเรื่อย ๆ จนเติมเต็มดวงตาราวกับดวงอาทิตย์ที่แผดจ้า

“นี่คือเต๋าแห่งกระบี่ของเขา!” ในความมืด รอยยิ้มอันมั่นใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฉินซี

“การทดสอบครั้งที่ 573 เริ่มได้!” เสียงเย็นเยียบดังขึ้นอีกครั้ง

ฟิ่ว!

มันยังคงเป็นเวทีที่คุ้นตา และเป็น ‘ป่ากระบี่’ ที่คุ้นเคย โดยที่ชายชราที่สวมชุดผ้าฝ้ายก็ยืนอยู่พร้อมกับกระบี่เซียนกลืนหิมะในมือ

ทว่าในขณะนี้ ความคิดของเฉินซีแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

จากภายในสู่ภายนอก ร่างกายแผ่กลิ่นอายเซียนที่สุขุมและเงียบสงบ เช่นเดียวกับกระบี่เซียนนภาม่วงในมือ แม้ว่ามันจะไม่ได้แผ่กลิ่นอายที่ดุร้ายออกมา แต่กลับแฝงพลังที่เงียบสงบซึ่งไม่สามารถหยั่งได้

ฟิ่ว!

ชายชรายังคงเฉยเมย เขายกมือขึ้นและปราณกระบี่ก็พุ่งออกไป มันถูกฟันออกไปอย่างสบาย ๆ และดูเหมือนจะเปลี่ยนความธรรมดาให้กลายเป็นสิ่งที่พิเศษ และใช้ได้อิสระตามใจนึก!

กระบวนท่าครั้งนี้ ยังคงน่าเกรงขามเช่นเคย และไม่อาจต้านทานได้

ทว่าครั้งนี้ เฉินซีดูท่าจะคาดหวังต่อการโจมตีครั้งนี้ไม่น้อย ร่างของเขาพุ่งออกไป พร้อมกับแทงกระบี่นภาม่วงในมือ!

ในยามนี้ เฉินซีดูเหมือนจะกลายเป็นคนละคน ชายหนุ่มสำแดงพลังออกมาอย่างเต็มที่ ทุกอณูบนร่างกายแผ่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของเจตจำนงกระบี่ ซึ่งเมื่อมองจากระยะไกล ดูเหมือนว่าทั้งร่างจะกลายเป็นกระบี่ และเจตจำนงกระบี่ก็พุ่งทะยานผ่านท้องฟ้า ทำให้สภาพแวดล้อมโดยรอบตกอยู่ในความอลหม่าน

ตูม!

บังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว คลื่นกระแทกกวาดไปทั่วเวที ในขณะที่ปราณกระบี่อันไร้เทียมทานกวาดผ่านกระบี่เซียนจำนวนนับไม่ถ้วนบนนั้น จนถึงจุดที่พวกมันสั่นสะท้านและส่งเสียงคร่ำครวญ

“เอ๊ะ!” แสงเจิดจ้าที่ดูเหมือนแสงของเซียนกระบี่ปะทุออกมาจากภายในดวงตาที่ไม่แยแสของชายชรา

เฉินซียังคงสงบไม่แปรเปลี่ยน

หากมีผู้อื่นอยู่ที่นี่ คนผู้นั้นจะสังเกตเห็นอย่างแน่นอนว่า กลิ่นอายของเจตจำนงกระบี่ที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเฉินซีนั้นเกือบจะทัดเทียมกับชายชรา!

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ที่ด้านนอกแดนโบราณจักรพรรดิเต๋า คิ้วของหัวเจี้ยนคงเลิกขึ้นทันที ใบหน้าที่เย็นชาและเยือกเย็น ก็เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจเสี้ยวหนึ่ง

“ขอบเขตเซียนกระบี่ขั้นสมบูรณ์!” เขาพึมพำเบา ๆ ความชื่นชมและการยกย่องฉายชัดอยู่ในดวงตา

ทันทีที่สิ้นคำ หวังต้าวหลู จั่วชิวไท่อู่ หรือแม้แต่ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงอย่างรุนแรง

พรวด!

น่าเสียดาย หลังจากที่เขาต้านทานกระบวนท่าของชายชรา เฉินซีผู้ทำให้เหล่าผู้อาวุโสในสำนักต้องโห่ร้องด้วยความชื่นชมก็ถูก ‘ฆ่า’ อีกครั้ง และกลับสู่มิติอันมืดมิด

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะต้านทานกระบวนท่าของชายชราได้เพียงครั้งเดียว แต่ผลลัพธ์ดังกล่าวก็เพียงพอที่จะทำให้เฉินซีตื่นเต้น เพราะมันเหมือนกับว่าเขาได้เห็นแสงแห่งความหวังที่ส่องประกายริบหรี่อยู่ในความมืด

หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป ชายหนุ่มก็ต้านทานกระบวนท่าของชายชราได้ถึงสองครั้ง

ในการทดสอบต่อไป นอกเหนือจากการถูกทรมานด้วยความหวาดกลัวอันยิ่งใหญ่ของชีวิตและความตาย เขาก็ใช้เวลาที่เหลืออยู่เพื่อหาข้อสรุปและต่อสู้

ผลลัพธ์ที่ได้รับจากการถูก ‘ฆ่า’ ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เขาค่อย ๆ คุ้นเคยกับจังหวะการต่อสู้ของชายชรา และจำนวนกระบวนท่าที่ต้านทานได้ก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น

กระบวนท่าที่สิบสาม!

กระบวนท่าที่สิบเก้า!

กระบวนท่าที่สามสิบสาม!

เมื่อเผชิญกับการทดสอบครั้งที่แปดร้อย เฉินซีก็สามารถต้านทานกระบวนท่าของชายชราได้ถึงสามสิบเก้าครั้ง!

หัวเจี้ยนคงได้เห็นกระบวนการทั้งหมดนี้ และสังเกตเห็นว่า เจตจำนงกระบี่ของเฉินซีกำลังแข็งแกร่งขึ้น สมบูรณ์ขึ้น และทรงพลังมากขึ้น

นั่นคือหลักฐานของการบรรลุขอบเขตเซียนกระบี่ขั้นสมบูรณ์!

ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่หัวเจี้ยนคงยังอยู่ที่ขอบเขตเซียนปราชญ์ เขาเพียงแค่หยุดอยู่ที่หน้าประตูของขอบเขตเซียนกระบี่ ไม่ต้องพูดถึงการบรรลุของเขตดังกล่าว

แม้กระทั่งตอนนี้ การบ่มเพาะของหัวเจี้ยนคงในเต๋าแห่งกระบี่ก็เพิ่งบรรลุขอบเขตเซียนกระบี่!

ยิ่งไปกว่านั้น เท่าที่เขารู้ มากกว่าครึ่งของผู้อาวุโสในสำนักก็ไม่อาจสัมผัสถึงขอบเขตนี้ ดังนั้น แม้การบ่มเพาะของพวกเขาจะเหนือล้ำกว่าเฉินซีมาก แต่ในแง่ของเต๋าแห่งกระบี่ พวกเขากลับถูกเฉินซีแซงหน้าไปไกลโข!

ณ ปัจจุบัน สิ่งที่เขายังขาดคือการรับมือกับความหวาดกลัวต่อชีวิตและความตาย…

ตราบใดที่เฉินซีปราศจากความกลัวตายได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อนั้นก็ถึงเวลาที่เฉินซีจะเปิดฉากตอบโต้ แต่ตอนนี้เฉินซีเหลือโอกาสทดสอบได้ไม่ถึงสองร้อยครั้งแล้ว เฉินซีจะทำสำเร็จได้หรือไม่?

เพราะในระหว่างชีวิตและความตายนั้น มีความหวาดกลัวอันยิ่งใหญ่!

ในขณะนี้ เฉินซีนั่งขัดสมาธิอยู่ในความมืด ชายหนุ่มหยุดหาข้อสรุป และมีเพียงสองคำยังคงอยู่ในใจ ชีวิตและความตาย

กฎแห่งชีวิตและความตายเป็นหนึ่งในสามกฎสูงสุดของภพเซียน ซึ่งอยู่ร่วมกับมิติและเวลา มีเพียงราชันเซียนเท่านั้นที่สามารถเข้าใจกฎเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์

ท้ายที่สุดแล้ว กฎแห่งชีวิตและความตายนั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการเกิดใหม่และตาย เช่นเดียวกับพืชที่เจริญงอกงามและเหี่ยวเฉาลง ทั้งยังไม่ใช่การเกิดใหม่หลังจากวัฏจักรของการกลับชาติมาเกิด มันเป็นชีวิตและความตายที่แท้จริง

เมื่อมีชีวิตก็ย่อมมีความตาย

มันเป็นดั่งความมืดและแสงสว่าง หากไม่มีความมืด ก็จะไร้ซึ่งแสงสว่าง

หากไม่มีความหมายในการมีชีวิตอยู่ ก็จะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความตาย

แม้ชีวิตและความตายจะแตกต่างกัน แต่ก็เป็นเหมือนมือของมนุษย์ที่ไม่สามารถแยกจากกันได้

ยกตัวอย่างเช่นราชันเซียนที่สามารถมีชีวิตนิรันดร์ และไม่หวั่นเกรงต่อการกัดกร่อนของกาลเวลา เป็นเพราะพวกเขาเข้าใจกฎแห่งชีวิตและความตาย

เมื่อเผชิญกับพลังอันยิ่งใหญ่และกฎสูงสุดดังกล่าว ไม่มีใครสามารถให้คำอธิบายที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้

ในขณะนี้ เฉินซีถูก ‘ฆ่า’ ไปมากกว่าแปดร้อยครั้ง ชายหนุ่มได้ประสบกับชีวิตและความตายครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งนอกจากความหวาดกลัวแล้ว หัวใจของเขายังเปี่ยมด้วยความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตและความตาย

ชีวิตและความตาย… ชีวิตและความตาย… ในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นทวยเทพและพุทธองค์ หรือทุกสรรพสิ่ง จะมีผู้ใดไม่หวาดกลัวต่อความตาย?

ไม่สิ! บางคนไม่หวาดกลัวต่อความตายเพื่อความอยู่รอด ในทำนองเดียวกัน บางคนอาจไม่กลัวความตายเพื่อแสวงหามหาเต๋า เหตุผลที่พวกเขาไม่กลัวความตาย ก็เพราะจิตใจที่แน่วแน่!

เราจะบรรลุความยิ่งใหญ่ได้ ก็ต่อเมื่อมีบางสิ่งที่แน่วแน่ในใจ! แสวงหาเต๋า ต่อสู้เพื่อชิงความเป็นใหญ่กับสวรรค์ ทุกอย่างก็เป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือ?

ทันใดนั้น เฉินซีรู้สึกเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย ปัจจุบันเขาไม่สามารถหลบหนีจากพันธนาการแห่งชีวิตและความตายได้อย่างเต็มที่ แต่ก็มีวิธีที่เขาไม่กลัวความตาย!

มันคือความแน่วแน่!

ความแน่วแน่นี้ไม่ใช่ความดื้อรั้นหรือความดันทุรัง แต่เป็นจิตวิญญาณที่มั่นคงและความตั้งใจที่ไม่หยุดยั้ง!

ทันใดนั้น เฉินซีก็นึกถึงหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย ชายหนุ่มยังไม่ได้พบกับบิดามารดาของเขา ยังไม่ได้แก้แค้น เขานึกถึงมหาเต๋าที่แสวงหาอย่างทุ่มเทมาโดยตลอด…

ทั้งหมดนี้กลับกลายเป็นความแน่วแน่ในหัวใจ!

“การทดสอบครั้งที่แปดร้อยแปดสิบแปดเริ่มได้!” เสียงเย็นเยียบดังขึ้นอีกครั้ง และเฉินซีก็รู้แจ้งอย่างสมบูรณ์แล้ว

บนเวที ก่อนที่ชายชราจะโจมตี เฉินซีก็ชิงแทงกระบี่ออกไป!

กระบวนท่านี้ดูธรรมดามาก มันทั้งเรียบง่ายและปราศจากความซับซ้อน แต่กลับแฝงกลิ่นอายที่มุ่งไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญและไร้ซึ่งความเกรงกลัว

ลืมเลือนชีวิตและความตาย ทั้งยังไม่รู้จักชีวิตและความตาย!

ลืมความหวาดกลัวทั้งหมด และไม่มีพันธนาการในใจ!

พร้อมกับกระบวนท่านี้ กระบี่มากมายต่างส่งเสียงคร่ำครวญไปทั้งเวทีและดังก้องไปทั่วฟ้าดิน กระบี่เซียนล้วนแตกสลายเป็นชิ้น ๆ!

ไม่เพียงเท่านั้น ไม่ว่าจะผืนฟ้าหรือผืนดิน แม้แต่ชายชราที่ถือกระบี่เซียนกลืนหิมะในมือ ก็แสดงสัญญาณของการพังทลาย แตกสลาย และถูกทำลายล้างในทันที

ตูม!

เพียงแค่กระบวนท่าเดียว ทุกอย่างก็หายไป!

“เขาทำสำเร็จ!” ที่ด้านนอกของแดนโบราณจักรพรรดิเต๋า หัวเจี้ยนคงซึ่งปกติจะเย็นชาและไม่แยแสก็หัวเราะด้วยความยินดี

อะไรนะ?!

หวังต้าวหลูและจั่วชิวไท่อู่ตกตะลึง ดวงตาของพวกเขาพลันสว่างวาบพร้อมกัน โดยที่ความตื่นเต้นพุ่งออกมาจากหัวใจอย่างห้ามไม่ได้ “เฉินซีพิชิตสุสานของจอมกระบี่บรรพกาลหรือ?”

“ใช่แล้ว ในระหว่างการทดสอบครั้งที่แปดร้อยแปดสิบแปด! ” หัวเจี้ยนคงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลัง

ใช่แล้ว ในที่สุดเฉินซีก็ทำในสิ่งที่เขาทำไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น นับตั้งแต่แดนโบราณจักรพรรดิเต๋าถูกสร้างขึ้น เฉินซีเป็นคนแรกที่สามารถพิชิตสุสานของจอมกระบี่บรรพกาลได้!

“เขาทำได้สำเร็จจริงหรือ?”

“เจ้าเด็กเฉินซีคนนั้น เอาชนะจอมกระบี่บรรพกาลได้จริงหรือ?”

“สวรรค์! มันช่างเหลือเชื่อจริง ๆ!”

“เป็นดั่งที่ข้าคิด เด็กคนนี้ไม่สามารถตัดสินจากสามัญสำนึกได้เลย มันคงจะแปลกมาก ถ้าวันหนึ่งเด็กคนนั้นทำอะไรบางอย่างที่เป็นเรื่องปกติ!”

ทันใดนั้น เสียงของเหล่าผู้อาวุโสก็ดังก้องไปทั่วฟ้าดินอีกครั้ง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท