บทที่ 517 ตอนพิเศษ เยว่หลีแนะนำตัวเอง
บทที่ 517 ตอนพิเศษ เยว่หลีแนะนำตัวเอง
การเลือกคู่ครองให้เสี่ยวเป่า ต้องคัดตั้งแต่ฐานะภูมิหลัง รูปลักษณ์ และปัญญา ทั้งหมดล้วนต้องเป็นเลิศ
หลังจากคัดรอบแรกแล้ว รายชื่อทั้งหมดจากนับพันเหลือไม่ถึงร้อย
หนานกงสือเยวียนกับเหล่าพี่ชายของเสี่ยวเป่ามองดูข้อมูลคนเหล่านั้น ก่อนจะพบว่าเหมือนจะมีบางสิ่งไม่ถูกต้อง
“นี่… คืออันใด”
หนานกงฉีซิวมองข้อมูลในมือแล้วริมฝีปากพลันกระตุก จากนั้นดวงตาก็ปรากฏเพลิงโทสะลุกโชนขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขา คนอื่น ๆ ต่างเข้ามามุงล้อม จากนั้น…
“เหตุใดจึงมีข้อมูลของเยว่หลีด้วย!!!”
ใช่แล้ว ส่วนแปลกปลอมนั้นคือเยว่หลี
ยามเขาถูกเรียกเข้าพระราชวังก็พลันคุกเข่าลงอย่างแน่วแน่
หนานกงสือเยวียนที่อยู่ด้านบนจ้องเขม็ง
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
เยว่หลีคุกเข่าหนักแน่น คำพูดที่เอ่ยออกมาดังก้องกังวานและมีพลัง
“ข้าคิดเรื่องนี้มานานมากแล้ว ข้าจะวางใจมอบเสี่ยวเป่าให้กับบุรุษอื่นได้อย่างไรกัน”
“ดังนั้น?”
เหล่าพี่ชายและหลานของเสี่ยวเป่ามองเขาด้วยสายตาดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง
“ให้เจ้าจึงจะวางใจได้หรือ!”
“พูดมา เจ้าวางแผนชั่วกับน้องหญิงของข้าไว้นานแล้วใช่หรือไม่!”
“น่าชิงชังนัก ชักนำหมาป่าเข้าบ้านโดยแท้ เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว พวกข้าเชื่อใจเจ้ามากถึงเพียงนี้ แต่เจ้ากลับตอบแทนบุญคุณเช่นนี้หรือ”
พวกข้าถือเจ้าเป็นสหาย แต่เจ้ากลับจับจ้องน้องหญิงตาเป็นมัน!
เจ้าเจอศึกหนักแน่!
เยว่หลีกล่าว “ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้วางแผนการอันใด”
ท่าทางของเขาเก้อเขินอยู่บ้าง “ระยะนี้เห็นพวกท่านเลือกคู่ครองให้นาง ข้ารู้สึกไม่สบายใจยิ่ง จึงเกิดแรงกระตุ้นให้เสนอชื่อเข้าไป หลังจากนั้นอาศัยความสามารถให้ได้รับเลือก ไม่มีความคิดอื่น”
ก่อนหน้านี้เขาปฏิบัติกับเสี่ยวเป่าเหมือนสหายอย่างแท้จริง บางครั้งก็คิดว่าตนเองเป็นพี่ชายเสียด้วยซ้ำ
ทว่าเมื่อเห็นพวกเขาเริ่มเลือกคู่ครองให้เสี่ยวเป่าอย่างจริงจัง อีกทั้งคนทั่วสารทิศพากันเดินทางมายังเมืองหลวง ความรู้สึกภายในใจก็ยิ่งย่ำแย่ขึ้นเรื่อย ๆ กลางคืนไม่อาจนอนหลับได้สนิท
ตอนแรกเขาไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด อาจเป็นเพราะรู้จักกันมาเป็นเวลานานทำให้เขาได้เฝ้าดูเสี่ยวเป่าเติบโตขึ้นทีละน้อย จึงไม่เต็มใจให้นางแต่งงานออกไป
บางทีอาจเพราะความทรงจำของเยว่หลีสร้างปัญหา เขามีความรู้สึกบางอย่างเป็นพิเศษกับเสี่ยวเป่า ไม่เพียงแต่ความทรงจำของเยว่หลีเท่านั้น กระทั่งอานั่วซือยังมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน
ไม่ก็เป็นเพราะเขากับเสี่ยวเป่ามาจากสถานที่เดียวกัน บนโลกนี้มีเพียงวิญญาณพวกเขาทั้งสองที่เหมือนกัน และเขายังติดหนี้กรรมกับเสี่ยวเป่า ซึ่งเป็นถึงบุญคุณชีวิต
อย่างไรถ้าไม่ใช่เพราะนาง วิญญาณของเขาคงสลายสิ้นไม่อาจอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้
ดังนั้น… เขาจะตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตด้วยร่างกายของตนเอง
คิดตกเช่นนั้นเขาจึงเสนอชื่อตนเองไป
เมื่อเห็นสายตาพวกหนานกงสือเยวียนมองมาอย่างกินเลือดกินเนื้อ เยว่หลีพลันยืนกรานกล่าวออกมา
“ความจริงแล้ว หากคิดอย่างรอบคอบนี่ก็นับเป็นเรื่องดียิ่ง ข้าได้ตรวจสอบมาก่อนแล้ว ผู้ถูกคัดเลือกมาเหล่านั้นไม่มีผู้ใดเหมาะสมกับเสี่ยวเป่าเลยสักคน”
สายตาทุกคนยังคงจับจ้องที่เขา
หนานกงสือเยวียนเอ่ยปาก “พูดมา ไม่เหมาะสมอย่างไร”
เยว่หลีกระตือรือร้นขึ้นมาทันที กล่าวอย่างฉะฉาน
“คนเหล่านั้นบรรดาผู้รับช่วงสืบต่ออาณาจักรอื่น รวมทั้งประมุขน้อยชนเผ่าทุ่งหญ้า ล้วนอยู่ดินแดนไกลออกไป พวกท่านคงไม่ยินยอมให้เสี่ยวเป่าแต่งงานออกไปแดนไกลใช่หรือไม่”
นี่ย่อมแน่นอน หนานกงสือเยวียนมีบุตรสาวเพียงคนเดียว บรรดาองค์ชายก็มีน้องสาวเพียงคนเดียว เหล่าหลานชายก็มีท่านอาหญิงคนเดียว…
ไม่มีทางให้เสี่ยวเป่าแต่งงานออกไปไกล
การคัดเลือกเหล่าผู้สืบทอดจากอาณาจักรอื่นมาก็เพียงเพื่อให้หน้าอาณาจักรอื่น ๆ เท่านั้น ท้ายที่สุดย่อมต้องโดนคัดออกไปอยู่แล้ว
เยว่หลีย่อมคาดเดาความคิดของพวกเขาได้ ดังนั้นจึงเอ่ยถึงคนอื่นต่อไป
คราวนี้เอ่ยถึงทั่นฮวา*[1] และจอหงวน
แม้ว่าทั้งสองล้วนยังไม่ได้แต่งงาน ในบ้านไร้อนุภรรยาและสาวใช้อุ่นเตียง
ทว่า… บ้านของทั่นฮวาผู้นั้นรับลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งเอาไว้ ยุคสมัยนี้การแต่งงานในหมู่ญาติใกล้ชิดไม่ใช่เรื่องแปลกเกินไป อีกทั้งลูกพี่ลูกน้องคนนั้นยังสนใจทั่นฮวาเป็นอย่างมาก
เพียงแค่จุดนี้ ทั่นฮวาผู้นั้นจึงถูกคัดออกไป
ส่วนจอหงวนนั้น แม้เขาจะไม่มีลูกพี่ลูกน้อง แต่ร่างกายไม่แข็งแรง เห็นว่าเร็ว ๆ นี้ก็เพิ่งล้มป่วย
คนอื่น ๆ เองก็ถูกเยว่หลีแจงข้อบกพร่องออกมามากมาย!
แน่นอนว่าข้อบกพร่องเหล่านี้ เขานั้นรื้อหามาหมดทั้งเล็กใหญ่
หลังจากสาธยายจุดบกพร่องของทุกคนแล้ว เขาก็เริ่มยกตนข่มท่านและโอ้อวดตนเอง
นับเป็นขั้นตอนที่สมบูรณ์แบบ
“ข้าต่างออกไป ตัวตนภูมิหลังพวกท่านล้วนล่วงรู้ นิสัยความสามารถพวกท่านก็ทราบ หากเป็นก่อนหน้านี้ที่ยังมีเยว่หลีและอานั่วซืออยู่สองคน ข้าคงไม่กล้ายกย่องตนเองถึงเพียงนี้ อย่างไรเสียสองคนนั้น หนึ่งสมองบกพร่อง อีกหนึ่งร่างกายอ่อนแอ”
ทุกคน : …
เจ้าช่างโหดเหี้ยมนัก กระทั่งตนเองยังไม่ยอมปล่อย
เยว่หลีไม่คิดว่าทั้งสองคนนั้นคือตนเองโดยสิ้นเชิง
“แต่ตอนนี้ร่างกายของข้าแข็งแรงยิ่ง สูงหกฉื่อสองชุ่น มีความทรงจำไม่รู้ลืม เรื่องนี้ข้าไม่ได้คุยโว พวกท่านเองก็น่าจะกระจ่างแจ้งดี ทั้งครอบครัวก็มีข้าเพียงคนเดียวไม่มีญาติให้ต้องดูแล เป็นถึงขุนนางอายุน้อยมีอนาคตสดใส
ยังมีจุดสำคัญที่สุดอีกหนึ่งข้อ ข้ากับเสี่ยวเป่าถือเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ใช่หรือไม่ ข้ารู้ความลับทั้งหมดของนาง อนาคตหลังจากนี้ทำสิ่งใดก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความลับหรือการถูกหักหลัง
ดังนั้นโดยพื้นฐานของบุรุษที่นี่แล้ว ชอบคิดว่าสตรีสมควรอยู่ในเหย้าในเรือน ข้านั้นแตกต่างออกไป แม้เป็นฝ่ายถูกเลี้ยงดูก็ยินดียิ่ง!”
เมื่อกล่าวถึงการเป็นฝ่ายถูกเลี้ยงดู บนใบหน้าของเขายังปรากฏรอยยิ้มจริงใจเป็นพิเศษ
พวกหนานกงสือเยวียน : …
เรื่องยินดีเป็นฝ่ายถูกเลี้ยงดูไม่ต้องพูดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำเช่นนี้ก็ได้
ไม่รู้ว่าถูกล่อลวงหรือไร แต่เมื่อได้ยินเยว่หลีเอ่ยเช่นนี้ ทุกคนต่างรู้สึกจริง ๆ ว่าเยว่หลีเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเสี่ยวเป่าแล้ว
แต่… ยังคงไม่สบอารมณ์อย่างมากถึงมากที่สุด
“เจ้าออกไปก่อน”
ก่อนจากไปเยว่หลีย้ำเป็นพิเศษ “พวกท่านจะต้องคิดให้รอบคอบ อย่าได้คัดข้าออกไปด้วยเหตุผลส่วนตัว”
ยังไม่วายเอ่ยถามอีกประโยค “ตอนนี้ข้าสามารถไปหาเสี่ยวเป่าได้แล้วใช่หรือไม่”
“ไสหัวไป!!!”
หลายเสียงตวาดดังประสานกันจนหลังคาแทบจะถูกพลิกคว่ำ
เยว่หลีหดคอรีบวิ่งหนีออกไปทันที
หลังออกไปแล้ว บนใบหน้าเขาพลันเผยรอยยิ้มขึ้นมา
ไม่อาจพบเสี่ยวเป่าด้วยตนเอง แต่ก็ยังเขียนจดหมายแล้วหาคนไปส่งให้ได้
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ยอมให้เสี่ยวเป่าไปแต่งงานกับคนอื่น ไม่มีทางยอมเด็ดขาด
เขายังต้องตอบแทนบุญคุณ เหมือนในเรื่องตำนานนางพญางูขาว เขารู้สึกว่าตนเองในตอนนี้เป็นแม่นางไป๋*[2] ฉบับผู้ชาย ไม่สิ… ต้องเป็นคุณชายเฮย*[3]
ถุย… นี่มันการเปรียบเทียบแบบใดกัน
อย่างไรก็ตามเป็นเพราะอยากจะตอบแทนบุญคุณ แน่นอนว่าต้องตอบแทนด้วยร่างกาย!
หากท่านพ่อและเหล่าพี่ชายของเสี่ยวเป่าไม่เห็นด้วยแล้วไปเลือกผู้อื่น
เยว่หลีเกิดความคิดดำมืดอันน่าสะพรึงกลัว เช่นนั้นก็ได้แต่ขอโทษพวกเขาแล้ว หากร่างกายจะไม่สมบูรณ์ไปบ้าง อย่างแขนขาหักนิดหน่อยไม่น่าจะมีปัญหาอันใดกระมัง
[1] ทั่นฮวา คือ บัณฑิตที่สอบได้คะแนนอันดับสาม
[2] ไป๋ (白) แปลว่าสีขาว
[3] เฮย (黑) แปลว่าสีดำ
………………………………………