ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 549 แอบ(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 549 แอบ(1)

ตอนที่ 549 แอบ(1)

หลังจากเผยเจิ้งผู่และเผยกวงซิ่นรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็รีบยื่นจดหมายสำหรับฉินเจี้ยนเซ่อ เซี่ยเหวินปิง และเหลียงถงให้

เผยเจิ้งผู่รับไว้ด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าว “พี่สะใภ้ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมไปเผิงเฉิง แล้วจะเอาไปให้พวกเขาเอง”

“เจิ้งผู่ รบกวนคุณแล้วล่ะค่ะ”

เผยเจิ้งผู่ส่ายหัวพร้อมรอยยิ้ม แล้วกล่าว “ไม่รบกวนหรอกครับ มันเป็นทางผ่านอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นผมคงเอาไปให้ไม่ได้หรอกครับ”

หลังจากพูดถึงตอนท้าย เผยเจิ้งผู่ก็หันมองฉินมู่หลานอีกครั้งแล้วกล่าวว่า “มู่หลาน ต่อไปถ้ามีโอกาสก็ลองไปเที่ยวที่ฮ่องกงดูนะ เดี๋ยวจะให้กวงซิ่นพาเธอเที่ยว”

“ได้ค่ะอาเผย ไว้มีโอกาสฉันจะพาพวกพ่อไปด้วย”

“ได้”

เผยเจิ้งผู่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม หลังจากนั้นก็กลับไปพร้อมลูกชาย

หลังจากกลับ ซูหว่านอี๋ก็อดกระซิบกับเหยาจิ้งจือเสียไม่ได้ “นี่เจิ้งผู่คงไม่ได้ทะเลาะกับภรรยาหรอกใช่ไหม ฟังจากที่เขาพูด ต่อไปข่งไฉ่อิงคงไม่มาปักกิ่งอีกแล้ว แต่ฉันเห็นว่าเจิ้งผู่กับลูกชายเขายังมาอยู่เป็นครั้งคราว”

เหยาจิ้งจือก็สงสัยเหมือนกัน แต่นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา พวกหล่อนจึงไม่ถามมาก

“อาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้น ต่อไปอย่าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเจิ้งผู่กันเลย”

ซูหว่านอี๋พยักหน้าแล้วกล่าว “ได้ ต่อไปไม่พูดแล้ว”

หลังต้อนรับเผยเจิ้งผู่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซูหว่านอี๋ก็นึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ “มู่หลาน ม่านนีจะคลอดแล้วไม่ใช่เหรอ?”

ฉินมู่หลานลองนับวัน แล้วพยักหน้าพร้อมกับกล่าวว่า “ใช่ค่ะ ใกล้จะคลอดแล้ว ไม่ปลายเดือนนี้ก็ต้นเดือนหน้า”

“ถ้าอย่างนั้นก็อีกไม่นานแล้ว”

“ไปด้วยกันก็ได้ค่ะ ยังไงก็เป็นญาติกัน”

ตอนแรกเหยาจิ้งจือก็ว่าจะไป แต่เป็นเพราะยังมีเด็กอีกหลายคน “ได้ ถ้าอย่างนั้นถึงตอนนั้นเราไปด้วยกันเถอะ ไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นพวกเหวินปิงจะกลับมาได้หรือเปล่า”

ซูหว่านอี๋ก็กล่าวตาม “ใช่ ถ้าพวกเขากลับมาได้ ก็ยังทันไปดื่มเหล้ามงคลตอนครบหนึ่งร้อยวัน”

ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ก็อดกล่าวพร้อมรอยยิ้มเสียไม่ได้ “ได้อยู่แล้วค่ะ กว่าพี่ม่านนีจะคลอดก็อีกตั้งเดือนกว่า แล้วยังต้องรออีกหนึ่งเดือนกว่าเด้ก ๆ จะครบหนึ่งร้อยวัน พวกพ่อคงจะใกล้ทำงานเสร็จแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ก็ยังไม่แน่ใจว่าตระกูลเซี่ยจะจัดงานครบรอบหนึ่งร้อยวันหรือเปล่า”

เมื่อได้ยินฉินมู่หลานพูด ทั้งสองก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

“ใช่แล้ว พวกเรากังวลไปล่วงหน้าเยอะเลย”

หลายคนรู้สึกว่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้ไป เพียงชั่วพริบตาเดียว เริ่นม่านนีก็คลอดแล้ว เมื่อฉินมู่หลานได้ข่าว ก็รีบไปโรงพยาบาลทันที

เซี่ยอวี๋เซิงเห็นฉินมู่หลานมาก็รู้สึกเหมือนมีที่ยึดเหนี่ยว “มู่หลาน ในที่สุดเธอก็มาแล้ว ม่านนีเข้าไปในห้องคลอดแล้ว ไม่รู้ว่าหล่อนจะออกมาเมื่อไหร่”

ว่านจี้อวิ๋นเห็นฉินมู่หลานมา ก็รีบดึงให้เธอนั่งลง

“มู่หลาน เธอนั่งก่อนเถอะ น่าจะยังอีกสักพักหนึ่งเลย”

“เพิ่งเข้าไปเหรอคะ?”

ว่านจี้อวิ๋นพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ใช่ เพิ่งเข้าไปเอง ยังไม่ถึงสิบนาทีเลย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็นั่งลง เริ่นม่านนีเพิ่งคลอดลูกครั้งแรก อาจใช้เวลานาน

เซี่ยอวี๋เซิงทนนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ไหว เดินไปเดินมาอยู่หน้าประตูห้องคลอด

แต่ฉินมู่หลานเห็นว่ามีแค่ว่านจี้อวิ๋นและเซี่ยอวี๋เซิงสองแม่ลูกเท่านั้น จึงอดถามไม่ได้ “คุณปู่คุณย่าล่ะคะ?”

“คุณปู่กับคุณย่าของหลานเพิ่งออกไปซื้อของนิดหน่อย ก่อนหน้านี้อยู่ ๆ ม่านนีก็ชักขึ้นมา น้ากับอวี๋เซิงก็เลยพาหล่อนมาโรงพยาบาลก่อน ส่วนคุณลุงกับพ่อของหลาน ยังทำงานกันอยู่เลย”

เพิ่งพูดถึง นายท่านเซี่ยกับคุณนายเซี่ยก็มากันแล้ว

“ในที่สุดก็มาถึงสักที”

คุณนายเซี่ยพูดเหมือนหายใจไม่ทันนิดหน่อย จากนั้นก็หันมองไปที่ฉินมู่หลานแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “มู่หลาน ไม่คิดเลยว่าหลานจะมาแล้ว”

“ฉันเองก็เพิ่งมาได้ไม่นานค่ะ”

นายท่านเซี่ยก็เอ่ยทักทายฉินมู่หลานเช่นกัน หลังจากนั้นก็หันมองเซี่ยอวี๋เซิงแล้วเอ่ยถาม “อวี๋เซิง ม่านนีเจ็บท้องคลอดตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกเราออกไปข้างนอก พอกลับมาหล่อนก็จะคลอดแล้ว หลังจากไปถามเพื่อนบ้านก็เห็นว่าพวกแกพามาโรงพยาบาลแล้ว”

“คุณปู่ครับ พวกเราก็เพิ่งมาถึงได้ไม่นาน ม่านนีก็เพิ่งเข้าห้องคลอดไป”

ว่านจี้อวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ ก็บอกกล่าว “ใช่ค่ะคุณพ่อคุณแม่ ฉันว่าอาจจะต้องใช้เวลานานพอสมควรเลย ทุกคนนั่งพักกันก่อนเถอะ เดินทางมาคงจะเหนื่อย”

ผู้อาวุโสทั้งสองก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน แล้วนั่งลงพักผ่อน

ฉินมู่หลานนับเวลา เมื่อรู้สึกว่าใกล้จะเสร็จแล้ว ประตูห้องคลอดก็เปิดออก แล้วมีพยาบาลอุ้มเด็กออกมา

เซี่ยอวี๋เซิงเป็นคนแรกที่ก้าวตรงไปข้างหน้า และคุณนายเซี่ยก็เข้าไปถามว่า “พยาบาลคะ หลานของฉันเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง?”

พยาบาลคนนั้นได้ยินก็ปรายตามองคุณนายเซี่ย แต่ในสายตาก็ไม่ได้สื่อความหมายมากมายอะไร พูดแค่เพียงว่า “เป็นเด็กผู้หญิงค่ะ พวกคุณเป็นญาติของคุณเริ่นม่านนีใช่ไหมคะ รับเด็กไปก่อนค่ะ แม่เด็กยังต้องรอสังเกตอาการอีกสักพักก่อนจะออกจากห้องคลอดได้ค่ะ”

ครั้นคุณนายเซี่ยได้ยินว่าเป็นหลานสาว สีหน้าก็เจื่อนไปในทันที

แต่ถึงอย่างนั้นเซี่ยอวี๋เซิงก็อุ้มลูกสาวด้วยความตื่นเต้น สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าจะอุ้มอย่างไร อุ้มได้ไม่นานก็ตะโกนเรียก “แม่ครับ มาอุ้มหลานแม่หน่อย”

ว่านจี้อวิ๋นได้ยินแบบนี้ก็เดินเข้ามาหา แล้วค่อย ๆ อุ้มหลานสาวมาก่อนจะพูดว่า “พวกเราพาเด็กกลับไปที่ห้องพักฟื้นกันก่อน ส่วนแกรอม่านนีอยู่ตรงนี้ไปนะ”

เซี่ยอวี๋เซิงพยักหน้าแล้วตอบรัย “ครับ เดี๋ยวผมรออยู่ตรงนี้”

ฉินมู่หลานมองเหตุการณ์ตรงหน้าพลางขมวดคิ้วแล้วจ้องมองคุณนายเซี่ย ถึงแม้ว่าหลายคนจะชอบหลานชายมากกว่าหลานสาว แต่คุณนายเซี่ยดูแสดงออกชัดเจนเกินไป ตอนอยู่หน้าห้องคลอดยังมีท่าทีแบบนี้ ไม่รู้ว่าต่อไปเริ่นม่านนีจะโดนคุณนายเซี่ยเกลียดอีกหรือเปล่า

แต่ฉินมู่หลานก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะเธอไม่ได้อยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ยอยู่แล้ว จึงไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องแบบนี้

หลังจากหลายคนมาถึงห้องพักฟื้น ก็จัดการทำความสะอาดเด็กจนเรียบร้อย

คุณนายเซี่ยอดไม่ได้ที่จะขยับเข้ามาใกล้ฉินมู่หลาน แล้วกระซิบถาม “มู่หลาน ฉันขอถามอะไรเธอหน่อยสิ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย เธอไม่รู้เลยว่าคุณนายเซี่ยอยากจะพูดอะไรกับเธอ เพียงแต่ในเมื่ออีกฝ่ายพูดแล้ว เธอจึงเมินเฉยไม่ได้ แล้วเอ่ยถามตามตรง “เรื่องอะไรเหรอคะ?”

คุณนายเซี่ยหยุดพูดลงกะทันหัน แล้วพาฉินมู่หลานออกไปข้างนอกแทน

เมื่อเห็นคุณนายเซี่ยทำท่าลึกลับ ฉินมู่หลานก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาเหมือนกัน แต่จนกระทั่งได้ยินสิ่งที่คุณนายเซี่ยพูดต่อหลังจากนี้ สีหน้าของเธอก็หม่นหมองลงทันที

“มู่หลาน ครั้งนี้ม่านนีได้ลูกสาว ถ้ารอให้หล่อนท้องอีกรอบ เธอช่วยผลิตยาให้หล่อนได้ลูกชายหน่อยได้ไหม” นางเคยได้ยินมาว่ามียาทำให้มีลูกชายได้อยู่หลายขนาน หลังจากได้กินยานี้ ก็จะมีเปอร์เซ็นต์ได้ลูกชายมากขึ้น

แต่ฉินมู่หลานกลับแค่นหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “ทำไมคะ นี่คุณย่ากำลังดูถูกหลานสาวอยู่เหรอคะ มีแค่เด็กผู้ชายที่คู่ควรกับการเป็นลูกหลานของตระกูลเซี่ยอย่างนั้นเหรอคะ”

เมื่อเห็นท่าทางของฉินมู่หลาน คุณนายเซี่ยจึงทราบว่าเธอโกรธเข้าแล้ว แต่ก็ยังเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ ใครบ้างจะไม่อยากให้เด็กที่เกิดมาเป็นเด็กผู้ชาย

“มู่หลาน ย่าไม่ได้หมายความแบบนั้น หลานสาวก็ดีเหมือนกัน แต่ครอบครัวของเรานอกจากเธอแล้วก็มีแค่อวี๋เซิงคนเดียวที่เป็นผู้ชาย ถ้าเขาไม่ได้ลูกชาย ต่อไปตระกูลเซี่ยของเราจะต้องสูญสิ้นทายาทแน่”

“เหอะ…ตระกูลเซี่ยจะสืบทอดราชบัลลังก์เหรอคะ ถึงต้องการเด็กผู้ชาย”

ฉินมู่หลานแค่นหัวเราะด้วยความโกรธจัด

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

คุณนายเซี่ยนี่ก็…บ้งแล้ว บ้งอีก บ้งต่อไป มีลูกสาวหลานสาวแล้วโลกจะแตกสลายในทันทีเลยงั้นเหรอ มาดูสภาพสังคมจีนสมัยนี้แล้วจะนึกขอบคุณที่มีหลานสาว ผู้ชายล้นประเทศจนหาเมียไม่ได้แล้วต้องมาหาสาวต่างชาติเป็นเมียเนี่ย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท