ตอนที่ 592 ฉันต้องรับผิดชอบเธอ
ตอนที่ 592 ฉันต้องรับผิดชอบเธอ
เซี่ยไห่สบตาหล่อนแล้วไม่รู้จะพูดอย่างไร “ถ้าอย่างนั้นฉันต้องรับผิดชอบเธอใช่ไหม?”
เมื่อลินดาได้ยินอย่างนั้น ดวงตาของหล่อนก็เปล่งประกายทันที
แต่หล่อนซ่อนอารมณ์ไว้ได้ดีมาก เมื่อเห็นว่าหล่อนไม่ตอบ ดวงตาของเซี่ยไห่ก็หรี่ลงและพูดว่า “ถ้าไม่อยากก็ลืมมันไปซะเถอะ ขอแค่อย่าทุบตีฉันก็พอ”
“มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจริงใจไหม” ลินตาตอบทันควัน
“อะไรนะ?” เซี่ยไห่มองหล่อนด้วยความสับสน
ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจว่าหล่อนหมายถึงอะไร
เมื่อเห็นว่าเขานิ่งอึ้ง สีหน้าของหล่อนก็เปลี่ยนเป็นจริงจังอีกครั้ง “เถ้าแก่เซี่ยแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจเหรอคะ?”
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น เธอกำลังบอกว่าเธอเต็มใจที่จะให้ฉันรับผิดชอบใช่ไหม?” ดวงตาของเซี่ยไห่เปล่งประกาย ก่อนมองลินดาด้วยสายตาไม่เชื่อ “ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม? เธอเต็มใจให้ฉันดูแลจริง ๆ ใช่ไหม? เธอกำลังสับสนอยู่หรือเปล่า? เธอเข้าใจสิ่งที่ฉันจะสื่อไหม? ‘รับผิดชอบ’ ที่ฉันหมายถึงคือ ความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับการมอบความรักและการแต่งงาน เธอเข้าใจใช่ไหม?”
เซี่ยไห่คิดว่าลินดายังคงมีไข้อ่อน ๆ เขาจึงเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของหล่อน
ผลลัพธ์ที่ได้…
“ตัวไม่ร้อนแล้วนี่”
เมื่อเซี่ยไห่สบสายตาสงบนิ่งของลินดา สายตาของเขาก็ยิ่งจริงจังมากกว่าเดิม จากนั้นทั้งสองคนสบตากันอยู่ครู่ใหญ่
ลินดาไม่ได้หลบสายตา แต่จ้องเขากลับด้วยสายตาจริงจัง
หัวใจของเซี่ยไห่สั่นไหวทันที
เสียงแว่วในหูคอยย้ำบอกเซี่ยไห่หลายครั้งว่าหล่อนเห็นด้วยที่จะให้เขารับผิดชอบอย่างเป็นทางการ
หล่อนก็ชอบเขาเหมือนกันใช่ไหม?
ไม่อย่างนั้นผู้หญิงที่ทั้งฉลาดและมีความสามารถคงไม่มีวันยอมฝากชีวิตไว้กับผู้ชายเพียงเพราะถูกจูบหรอก
ด้วยเหตุนี้เซี่ยไห่จึงรู้สึกว่าชีวิตของเขาสดใสขึ้น
เมื่อมองเข้าไปในดวงตาคู่งามและสดใสของหล่อน หัวใจของเซี่ยไห่ก็เต้นแรงอย่างมากจนอดเขยิบเข้าไปใกล้หล่อนและก้มลงจูบหล่อนอีกครั้งไม่ได้
หล่อนไม่ปฏิเสธและไม่ผลักไสเขาออกไป
การกระทำนี้ทำให้หัวใจเซี่ยไห่พองโต
ทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะเขยิบเข้าหากันก่อนจูบและกอดกันแน่น
หลังจากนั้นไม่นานเซี่ยไห่ก็ปล่อยหล่อนเป็นอิสระอย่างช้า ๆ
เซี่ยไห่หอบหายใจพลางมองหล่อนด้วยดวงตาพร่ามัวก่อนถามว่า “ยัยทอมบอย ทำไมเธอถึง…”
น้ำเสียงของเซี่ยไห่จริงใจและอ่อนโยนมาก “ฉันจริงจังนะ แม้ว่าตอนนี้พวกเราจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ฉันก็ไม่เคยเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น เธอคิดว่ายังไง?”
ลินดากะพริบตาและแกล้งทำเป็นพูดอย่างไม่ใส่ใจ “นายพูดถูก ถึงจะหาเงินได้เยอะขนาดไหน แต่ตอนป่วยกลับไม่มีใครดูแล ต้องอยู่ที่บ้านตามลำพังและโดดเดี่ยว ถึงตายก็ไม่มีใครในครอบครัวรับรู้ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องดีที่จะหาใครสักคนมาอยู่ข้าง ๆ”
เซี่ยไห่ไม่พอใจกับคำตอบของลินดา
เขาลุกยืนขึ้นแล้วมองหล่อนด้วยสีหน้าเศร้าใจ “ถ้าอย่างนั้นเธอไม่ได้รักฉันเลยใช่ไหม เธอแค่อยากได้คนดูแลเหรอ?”
มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน
เขาอยากให้หล่อนรักเขา!
“แล้วนายล่ะ รักฉันไหม?”
ลินดายังคงมองเขาอย่างไม่ใส่ใจพร้อมเอ่ยถาม
เมื่อถูกถามอย่างนั้น เซี่ยไห่ก็แสดงท่าทางอึดอัดมาก แต่เขาก็ยังซื่อสัตย์ต่อหัวใจของตัวเอง ก่อนรวบรวมความกล้าแล้วตอบว่า “ฉันรักเธอ หัวใจของฉันมีแต่เธอ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่รู้สึกเป็นตัวของตัวเองขนาดนี้ ฉันไม่ใช่คนที่จะยอมแต่งงานกับใครก็ได้ ฉัน… เซี่ยไห่ ทำตัวเสเพลควงผู้หญิงไปทั่ว ฉันก็คงไม่โสดมาจนถึงตอนนี้”
คำพูดเหล่านี้ออกมาจากใจของเซี่ยไห่ เขาไม่กล้าพูดอย่างไร้ยางอายว่ารักลินดามากแค่ไหน แต่เขารักหล่อนและความรู้สึกที่มีต่อหล่อนก็แตกต่างไปจากผู้หญิงคนอื่น
ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปรากฏตัวอยู่ในความคิดของเขาทั้งวันทั้งคืนหรือแม้แต่ในความฝัน
เขามองหล่อนด้วยสายตาจริงจัง “ถ้าเธอไม่ได้รักฉันและแค่อยากหาเพื่อนแก้เหงา ฉันคงตกลงเป็นแฟนเธอไม่ได้ เพราะฉันไม่ใช่คนใจง่าย ฉันจริงจังและซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองเสมอแล้วก็ไม่มีวันเห็นความรู้สึกของผู้หญิงเป็นของเล่นแน่นอน”
ลินดายกยิ้มมุมปาก “เถ้าแก่เซี่ยไม่ใช่คนใจง่ายงั้นเหรอ?”
“ฉันก็แค่เป็นคนไร้เดียงสา เธอทำงานในวงการบันเทิงมานานแล้ว ยังต้องเรียนรู้เรื่องเหล่านี้จากพวกเขาอีกเหรอ? ฉันบอกเธอแล้วว่ามันเน่าเฟะแค่ไหน?” เซี่ยไห่วิพากษ์วิจารณ์และเตือนสติหล่อน
“ฉันชอบนาย”
เดิมทีเซี่ยไห่ต้องการเตือนสติลินดา แต่เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาก็มีสีหน้าตกตะลึงทันที “เธอพูดว่าอะไรนะ?”
ลินดาโบกมือแล้วพูดว่า “ฉันจะไม่พูดเรื่องดี ๆ เป็นครั้งที่สอง”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็หันหลังและตั้งใจจะกลับไปนอนต่อ แม้จะหายเป็นไข้แล้ว แต่ร่างกายของหล่อนยังอ่อนแอจนรู้สึกหนาวและไม่สบายตัว
“จริงเหรอ?” เซี่ยไห่ลูบเตียงแล้วเอนหลังนอนลงไป น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นอย่างรวดเร็ว “ยัยทอมบอย เธอเริ่มชอบฉันตั้งแต่เมื่อไร? ฉันรู้ว่าเถ้าแก่เซี่ยทั้งหล่อและมีเสน่ห์ขนาดนี้ เธออยู่ใกล้ชิดฉันทั้งวันแล้วจะไม่ให้หลงเสน่ห์ได้ยังไง? ฮ่าๆ ตอนนี้เธอตกหลุมรักฉันแล้ว”
“นายภูมิใจมากไหม?”
เซี่ยไห่พยักหน้าโดยไม่ลังเล “ภูมิใจสิ ฉันต้องภูมิใจอยู่แล้ว เธอมักจะเย็นชากับฉันเสมอ ความจริงแล้วฉันหงุดหงิดมากและบางครั้งก็เผลอคิดว่าเธอชอบพี่สาวของฉันซะอีก…”
ลินดา “!”
ในเมื่อลินดาสารภาพรักเขาแล้ว เซี่ยไห่ก็ดึงหล่อนเข้ามากอดโดยไม่ลังเล “ก่อนหน้านี้เธอตกลงคบกับฉันเพื่อหลอกแม่และพี่ชาย แต่ตอนนี้เธอเริ่มสนใจฉันจริง ๆ แล้วใช่ไหม?”
ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยใจคอของลินดา หล่อนคงไม่มีทางยอมรับเงื่อนไขที่น่าเบื่ออย่างนี้
ยิ่งไปกว่านี้เขายังมีประวัติอาชญากรรมที่เกิดขึ้นหลายปีก่อน
ลินดาไม่คิดว่าเซี่ยไห่จะอ่านความในใจของหล่อนได้ เมื่อถูกเขาโอบกอด ร่างกายของหล่อนพลันแข็งทื่อก่อนผลักเขาออกด้วยความไม่สบายใจ
“ฉันจะไปนอนแล้ว นายรีบกลับเถอะ”
เซี่ยไห่เหลือบมองดูนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลาตีสามสี่สิบแล้ว
เขาตอบ “ฉันจะกลับตอนเช้า”
ลินดายังคงรู้สึกมึนศีรษะและกลัวว่าจะทำอะไรที่ต้องเสียใจทีหลังลงไป เธอจึงไล่เขาออกไปอย่างไร้ความปรานี “ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ห้องเดียวกันจะเกิดอะไรขึ้น? ฉันไม่สะดวกให้นายนอนที่นี่ รีบกลับไปซะ”
อย่างไรก็ตามเซี่ยไห่เริ่มแสดงตัวเป็นเจ้าของลินดา “ถ้าไม่สะดวก ฉันก็จะนอนข้างเตียงเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว”
ลินดาส่ายหัว “ไม่”
“เดี๋ยวเธอจะต้องเป็นไข้อีกแน่นอน ฉันจะไปนอนที่ห้องนั่งเล่นก็แล้วกัน”
เมื่อเซี่ยไห่ปฏิเสธที่จะกลับบ้าน ลินดาก็ไม่สนใจเขาและล้มตัวลงนอน อย่างไรก็ตามหล่อนก็เชื่อใจเซี่ยไห่
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองคนก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทั้งยังตกลงสร้างความสัมพันธ์ด้วยกัน ดังนั้นถึงจะมีอะไรเกิดขึ้นจริง มันก็จะไม่ส่งผลเสียให้กับพวกเธอเหมือนกับวัยรุ่นหนุ่มสาวที่อายุไม่เกินยี่สิบปี
ลินดาดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวแล้วผล็อยหลับไป เซี่ยไห่มองหญิงสาวที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มขณะที่เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปนออกมา
ยัยทอมบอยเชื่อใจเขาจริง ๆ สินะ
เนื่องจากจู่ ๆ ก็สละโสดกะทันหัน เซลล์สมองของเขาจึงตื่นเต้นอย่างมากจนไม่สามารถข่มตาหลับได้
แน่นอนว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ลินดายังคงมีไข้อยู่ระยะหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่อยากนอนหลับ
เซี่ยไห่ปิดประตูห้องนอนแล้วเดินออกไป
จากนั้นนั่งบนโซฟาในห้องเล่นเล็ก ๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา
ในเมื่อมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นอย่างนี้ เขาจะต้องโทรหาเพื่อน ๆ ทุกคนเพื่อบอกข่าวดี
ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะไม่ยุติธรรม
ขณะที่เซี่ยไห่กำลังจะกดหมายเลขโทรศัพท์ เขาก็อดเหลือบมองประตูห้องนอนที่ปิดสนิทไม่ได้
ตอนนี้ยัยทอมบอยเป็นหวัดและมีไข้ ถ้าตอนเช้าหล่อนตื่นมาแล้วปฏิเสธเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบอกว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดล่ะ?
เซี่ยไห่รู้สึกทรมานใจเล็กน้อย
เขาไม่รู้ว่าจะโทรหาเพื่อน ๆ ดีหรือไม่?
สุดท้ายแล้วหลังจากคิดเรื่องนี้อยู่หลายรอบ เขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงโทรหาเฉินเจียเหอเป็นคนแรก
เพราะเขารู้ว่าวันนี้เฉินเจียเหอจะต้องทำงานล่วงเวลา
เขาต้องอยู่ที่บริษัทแน่นอน
ดังนั้นเซี่ยไห่จึงโทรไปที่เบอร์บริษัทของเขา
“นี่ ฉันเอง”
จู่ ๆ เฉินเจียเหอก็ได้รับโทรศัพท์จากเซี่ยไห่กลางดึก เขาจึงตกใจมาก “เกิดอะไรขึ้น? เซี่ยเซี่ยเป็นอะไร?”
เซี่ยไห่รีบโพล่งออกไป “ไม่ใช่ ๆ จะเกิดอะไรขึ้นกับเซี่ยเซี่ยได้ล่ะ? หล่อนกำลังนอนสบายอยู่ที่บ้าน”
เมื่อเฉินเจียเหอได้ยิน เขาก็ตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ถ้าอย่างนั้นนายไม่สบายกลางดึกเหรอ?”
“ฉันว่าง เลยจะโทรคุยกับนายไม่ได้เหรอ?”
“ฉันไม่ว่าง เรากำลังศึกษาภาพพิมพ์เขียวอยู่… แค่นี้นะ”
เมื่อเฉินเจียเหอได้ยินว่าเซี่ยไห่เหงาและอ้างว้างกลางดึกเลยอยากพูดคุยกับเขา เขาจึงวางสายอย่างไม่ลังเลล
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โอ๊ย พี่เหอใจร้าย ฟังเพื่อนเม้ามอยก่อนสักหน่อยสิ เพื่อนอุตส่าห์สละโสดได้
ไหหม่า(海馬)
……………………………………