ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 432 หายตัวไป

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 432 หายตัวไป

สือเยี่ยนห้อตะบึงกลับจวนไคหยางอ๋องไปรายงานข่าว “นายท่าน นั่นไม่ใช่ข่าวลือเลยสักนิดนะขอรับ คุณหนูลั่วพาบุรุษกลับไปคนหนึ่งจริงๆ กระทั่งชื่อ ข้าน้อยก็รู้ ชื่อว่าหลิงเซียว…”

เว่ยหานฟังด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

“นายท่าน?” เมื่อเห็นเว่ยหานไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง สือเยี่ยนก็เรียกอีกครั้ง

เว่ยหานเหลือบมองเขานิ่งๆ แวบหนึ่ง “ยังมีเรื่องอื่นอีกไหม”

“ไม่มีแล้วขอรับ”

“เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปเถอะ”

สือเยี่ยนสีหน้าท่าทางสะเทือนใจ “นายท่าน เรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะประมาทไม่ได้นะขอรับ…”

เว่ยหานเลิกคิ้ว “หรือจะให้สืออี้กลับไปแทนเจ้า”

สือเยี่ยนวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

เว่ยหานลุกขึ้น เดินไปยังสวนบุปผา

ดอกเบญจมาศสีต่างๆ ในสวนกำลังผลิบานอย่างเงียบงัน

ได้ยินมาว่า ยังมีบุรุษอีกคนหนึ่งคิดจะเข้าใกล้คุณหนูลั่วโดยการมอบดอกเบญจมาศให้คุณหนูลั่ว

นึกถึงข่าวลือที่ได้ยินมาเหล่านั้น เว่ยหานก็หลุบตากวาดมองดอกเบญจมาศแต่ละพุ่ม

หมู่ตานเขียวอ่อนหวานสดใส เบญจมาศดำงามสง่า เยือกเย็น ยังมีสีชมพูแซมเหลือง เขียวและขาวที่งามเพริศพริ้งไม่เป็นสองรองใคร ทำให้คนตัดใจละสายตาไม่ได้

แน่นอนว่าผู้ที่ตัดใจละสายตาไม่ได้นั้นไม่รวมถึงเว่ยหาน

เขาเดินไปข้างพุ่มดอกเบญจมาศที่ผลิบานกันครึกครื้นแล้วหักออกมาหลายกิ่ง ก่อนจะออกจากสวนบุปผาไป

ดอกเบญจมาศสีทองเรืองรองเป็นชนิดที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด และเป็นชนิดที่เขามอบให้ลั่วเซิงปีที่แล้วของช่วงเวลานี้

ขณะอุ้มดอกเบญจมาศเดินย้อนกลับมา เว่ยหานก็คิดว่า หากคุณหนูลั่วไม่พอใจของขวัญชิ้นนี้ และไม่อยากเอาไว้ชม ดีร้ายอย่างไรก็สามารถทำเป็นเนื้อคลุกดอกเบญจมาศเหมือนปีที่แล้วได้

หลังลั่วเซิงออกจากจวนองค์หญิงก็กลับไปพักผ่อนจวนแม่ทัพใหญ่ครู่หนึ่ง ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เรียบร้อยก็เร่งเดินทางไปยังหอสุรา

สำหรับบุรุษที่พากลับมาด้วย ย่อมทิ้งไว้เป็นเพื่อนหมิงจู๋แล้ว

ตอนที่สือเยี่ยนเช็ดโต๊ะก็มองไปทางลั่วเซิงบ่อยๆ จึงถูกหงโต้วฟาดไปฝ่ามือหนึ่ง

“สือซานหั่ว เจ้าแอบมองคุณหนูพวกข้าบ่อยๆ ทำไม”

“ข้า…” สือเยี่ยนกำลังจะเอ่ยก็เห็นเว่ยหานเดินเข้ามาแล้ว

อาภรณ์สีแดง เบญจมาศสีเหลืองช่อหนึ่ง สีสันสดใสยิ่งขับเน้นดวงหน้าเย็นชาให้ขาวผ่อง และเฉยชายิ่งขึ้น

สือเยี่ยนเกือบจะกระโดดขึ้นมา “นายท่าน…”

ฟังเขาอธิบายก่อน!

เว่ยหานเดินผ่านข้างกายสือเยี่ยนไปทางโต๊ะคิดเงินด้วยท่าทางจริงจัง สายตาไม่วอกแวก

“ท่านอ๋องมาแล้ว” ลั่วเซิงทักทายเรียบๆ เหมือนเคย แววตามองผ่านดอกเบญจมาศเหลืองอร่าม มุมปากกระตุกเล็กน้อยอย่างไม่อาจสังเกตเห็นได้

ไคหยางอ๋องต้องการรักษาความเคยชินในการมอบดอกเบญจมาศทุกปีในฤดูใบไม้ร่วงให้นางหรือ

สือเยี่ยนก่ายหน้าผากแล้ว

ตอนที่เขาออกจากจวนอ๋องก็มีลางสังหรณ์ไม่เป็นมงคล และนึกไม่ออกมาตลอด ตอนนี้นึกออกแล้ว ข่าวลือยังบอกอีกว่า บุรุษขององค์หญิงฉางเล่อมอบดอกเบญจมาศให้คุณหนูลั่วด้วย นี่ไม่ใช่ว่าเตือนนายท่านไปแล้วหรือ

แต่มอบดอกเบญจมาศให้ก็ช่างเถอะ แต่ชนิดที่มอบให้ยังพ่ายให้กับบุรุษของผู้อื่นไปอีก ผู้อื่นมอบเบญจมาศดำให้นะ!

ไม่เอาไหนเลย ไม่เอาไหน

สือเยี่ยนท่องในใจนับครั้งไม่ถ้วน จนกระทั่งเห็นลั่วเซิงรับเอาไว้ ถึงได้โล่งใจ

“ยังจะทำเป็นเนื้อคลุกดอกเบญจมาศไหม” ลั่วเซิงถาม

เว่ยหานลังเลครู่หนึ่งแล้วหยั่งเชิง “ไม่สู้จัดใส่แจกัน ข้าเห็นว่าโต๊ะคิดเงินโล่งมาก“

ผู้ดูแลหญิงที่เท้าโต๊ะคิดเงินลูบลูกคิดโลหะข้างมือ ลูบสมุดบัญชีกองโตและลูบดอกไม้ประดับศีรษะข้างจอนผม

ของเยอะขนาดนี้ โล่งตรงไหนกัน

“หงโต้ว จัดดอกเบญจมาศใส่แจกัน”

หงโต้วเดินเข้ามา รับดอกเบญจมาศไปอย่างคล่องแคล่ว

ตอนนี้เองมีเสียงโห่ร้องดังลอยมาจากด้านหลัง

เว่ยหานมองผ้าม่านลายไม้ไผ่ที่ปิดกั้นสายตา พลางถามลั่วเซิง “วันนี้ลั่วเฉินไม่ไปสถานศึกษาหรือ”

“วันนี้เขาพักผ่อนจึงวิ่งมาเก็บลูกพลับด้วยกันกับเสี่ยวชี”

เก็บ…ลูก…พลับ…หรือ

เว่ยหานขมวดคิ้ว

วันนี้เก็บผลบนต้นพลับที่เขาดูกับคุณหนูลั่วหลายครั้งหรือ

ตอนมาร่ำสุราเมื่อวาน คุณหนูลั่วถึงกับไม่บอกเขาสักคำ

เมื่อคิดเช่นนี้ เว่ยหานก็อดมองลั่วเซิงแวบหนึ่งไม่ได้

ลั่วเซิงเมินความรู้สึกน้อยใจของใครบางคนแล้วเอ่ยยิ้มๆ “ในเมื่อท่านอ๋องมาแล้ว จะไปเก็บลูกพลับมาลองชิมดูไหมเจ้าคะ ต้นพลับกลางลานต้นนั้นเป็นลูกพลับหวาน สามารถกินได้เลย”

เว่ยหานพยักหน้าอย่างไม่ลังเล

เมื่อเห็นสองคนไปลานด้านหลังแล้ว หงโต้วก็บิดหูสือเยี่ยน “สือซานหั่ว เจ้าไปแอบส่งข่าวใช่หรือไม่”

สือเยี่ยนร้อนตัว ฉีกยิ้มแห้ง “เจ็บ เจ็บ พี่หงโต้วรีบปล่อยมือเร็วเข้า!”

หงโต้วถลึงตา “ว่าแล้วเชียวว่าไม่ได้เดาผิด สือซานหั่ว เจ้ากินดื่มอยู่ที่หอสุราทั้งวัน ทำงานก็ไม่เหนื่อย มีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก็แอบไปส่งข่าว นี่ไม่ใช่ว่ากินบนเรือนขี้บนหลังคา ขายผลประโยชน์นาย เพื่อความมั่งคั่งร่ำรวยหรือ”

ผู้ดูแลหญิงที่เฝ้าอยู่หลังโต๊ะคิดเงินอยากเตือนว่า ขายผลประโยชน์นาย เพื่อความมั่งคั่งร่ำรวยไม่ได้ใช้เช่นนี้ แต่ดูจากท่าทางดุร้ายของสาวใช้จึงทำได้แค่นิ่งเงียบช่างมัน

สือซานหั่วรีบร้องขออภัย “ข้าผิดไปแล้ว หลังจากนี้รับประกันว่าจะไม่กินบนเรือน ขี้บนหลังคาอีก พี่ใหญ่หงโต้วรีบปล่อยมือเถอะ”

กว่าครู่หนึ่งหลังจากนั้น สือเยี่ยนที่เช็ดโต๊ะอย่างขยันขันแข็ง ถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา เขากินบนเรือน ขี้บนหลังคาที่ไหนกัน เห็นอยู่ชัดๆ ว่า เขาเป็นคนของนายท่าน!

กลางลานกำลังคึกคัก

เสี่ยวชียืนเขย่งเท้าเก็บลูกพลับอยู่บนม้านั่ง ฟู่เสวี่ยรับลูกพลับมาใส่ตะกร้าอย่างมีความสุข ลั่วเฉินมองดูแล้วเฉยชา แต่ประกายลิงโลดในแววตายังคงเปิดเผยอารมณ์ดีของเขาในตอนนี้

สวี่ซีไม่อยู่ที่นี่ หลายวันก่อนหน้านี้เข้าไปฝึกในหน่วยองครักษ์แล้ว

ต้าไป๋เดินเอื่อยเฉื่อยอย่างเบื่อหน่าย ตอนที่ฟู่เสวี่ยร้องไชโยก็ร้องแกว๊กๆ ร่วมด้วยสองครั้ง

“พี่เสี่ยวชี เก็บลูกนั้น ลูกนั้นใหญ่มาก!”

เว่ยหานมองลูกพลับที่ห้อยบนกิ่งไม้แล้วมองตะกร้าไม้ไผ่ที่เต็มแล้วพลันเลิกคิ้ว

เก็บไปไม่น้อยเลย

เขาก้าวเท้ายาวๆ เข้าไป กระโดดคราวเดียวไปเก็บลูกพลับลูกใหญ่บนกิ่งไม้ลูกนั้นลงมา

“เก่งกาจมาก!” ฟู่เสวี่ยเบิกตากว้าง

เสี่ยวชีมองระดับความสูง ดวงหน้าเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา

“เก็บเยอะไป กินไม่ไหว” เว่ยหานเอ่ยนิ่งๆ

ฟู่เสวี่ยหัวเราะเหอๆ “ไม่หรอกขอรับ พี่เสี่ยวชีบอกว่า ลูกพลับที่กินไม่หมด ยังสามารถนำไปทำลูกพลับแห้งได้”

เว่ยหาน “…”

เด็กหนุ่มหลายคนคิดจะเก็บลูกพลับทั้งต้นมาทำลูกพลับแห้งหรือ

เว่ยหานยกมือขยี้ศีรษะฟู่เสวี่ย เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ทุกสิ่งล้วนต้องมีความพอเหมาะพอควร ละโมบแล้วจะไม่สูงนะ”

ฟู่เสวี่ยเบิกตากว้างขึ้นหลายส่วน ปฏิกิริยาแรกคือไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางเคร่งขรึม ทั้งจริงจังของผู้เป็นถึงท่านอ๋องก็จำเป็นต้องเชื่อแล้ว

“คุณชายลั่ว พี่เสี่ยวชี ไม่สู้พวกเราไปล้างลูกพลับกันเถอะขอรับ”

เด็กหนุ่มสามคนถือลูกพลับไปข้างบ่อน้ำ

ต้าไป๋บินขึ้นมาอย่างต้องการจิกลูกพลับในมือเว่ยหานไป แต่กลับคว้าน้ำเหลวจึงรีบร้องแกว๊กๆ จากไป

เว่ยหานยื่นลูกพลับให้ลั่วเซิง “คุณหนูลั่วต้องการชิมไหม”

ลั่วเซิงรับลูกพลับมา หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดแล้วยื่นกลับไป “ท่านอ๋องกินเถอะ ข้าอยากกินก็สามารถเก็บได้ตลอดเวลา”

เว่ยหานเอ่ยขอบคุณ กัดลูกพลับไปคำหนึ่ง ความรู้สึกอิจฉาที่สะสมอยู่ในใจเล็กน้อยถูกความหวานปานน้ำผึ้งของลูกพลับโจมตีจนแตกกระจายไป

“คุณหนู…” โค่วเอ๋อร์เร่งฝีเท้าเดินเข้ามาจากประตูหลัง เมื่อเห็นเว่ยหานก็อึ้งก่อนแล้วกลับสู่ท่าทางปกติอย่างรวดเร็ว

การที่ไคหยางอ๋องมาหาคุณหนูนั้นเป็นเรื่องปกติ

โค่วเอ๋อร์เดินไปตรงหน้าลั่วเซิง ขณะกำลังคิดว่าจะรายงานต่อหน้าไคหยางอ๋องหรือไม่ ก็ได้ยินเว่ยหานเอ่ย “คุณหนูลั่ว ข้าไปล้างมือก่อน”

ลั่วเซิงถอนสายตามาจากเงาร่างสีแดงที่เดินไปข้างบ่อน้ำ พลางถามโค่วเอ๋อร์ “ข้างนอกมีเรื่องอะไรหรือ”

โค่วเอ๋อร์พยักหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ กระซิบเอ่ยว่า “คุณหนู ข้างนอกกำลังมีข่าวลือเรื่องท่านหญิงน้อยแห่งจวนผิงหนานอ๋องหายตัวไปเจ้าค่ะ”

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท