บทที่ 1175 ตอนพิเศษ (61.2)
บทที่ 1175 ตอนพิเศษ (61.2)
“ท่านป้า พวกเรารับคำขอบคุณของท่านไว้แล้ว เรื่องของบ้านท่านยังต้องให้ท่านจัดการ พวกเราทางนี้ไม่ต้องให้ท่านมาพะวงแล้ว”
“ได้ ๆ เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวก่อน”
หลังจากจางซื่อกลับไป หยางชิงซือก็เอ่ยปากขึ้น “ข้าพอคาดเดาได้แล้วว่าเหตุใดนางจึงเป็นเช่นนี้”
“เพราะเหตุใด?”
“เพราะสถานะของสามีเจ้าเปลี่ยนไปแล้วน่ะซี สถานะของเจ้าย่อมสูงส่งขึ้นตามไปด้วย ตามกฎแล้วเจ้าเป็นถึงฮูหยินนายอำเภอ ภายหน้าความเป็นอยู่ของพวกเขาย่อมขึ้นอยู่กับเจ้า”
หลิวจิ่วจู๋กล่าว “ข้าไม่รู้สึกว่าข้าในตอนนี้แตกต่างอะไรกับก่อนหน้า สามีข้าก็เช่นกัน เอาละ ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้แล้ว รีบมาช่วยดูสบู่หอมที่ข้าทำออกมาใหม่เร็วเข้า”
หลิวจิ่วจู๋ยังคงทำการค้าต่อไป
ลู่ฉาวจิ่งเองก็ยังคงผกผันอยู่ในเส้นทางขุนนางต่อไป
ข้างบ้านมีความเคลื่อนไหว ทว่าเนื่องด้วยไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไรอีก นางจึงไม่ใคร่จะสนใจนัก
บางครั้งยังได้ยินจากบ่าวรับใช้ในจวนบอกว่าจางซื่อไถ่ตัวนางโลมหน้าตาสะสวยผู้หนึ่งมาแล้ว นางโลมผู้นั้นเดิมได้ซ่อนเงินส่วนตัวเอาไว้ บัดนี้ถูกจางซื่อไถ่ตัวออกมาเพื่อเป็นการขอบคุณ นางไม่เพียงแต่หาท่านหมอมาเขียนใบสั่งยา แต่ยังซื้อยาที่ดีที่สุดมา โดยจ่ายในส่วนของหวังสือจู้ให้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้จางซื่อรู้สึกดีขึ้น
ส่วนเรื่องของนางโลมผู้นั้นกับหวังสือจู้ หลิวจิ่วจู๋ได้ยินบ่าวรับใช้พูดคุยกันถึงเรื่องราวของพวกเขาระหว่างที่นางกำลังทำสินค้าใหม่
เริ่มแรกที่หวังสือจู้เริ่มหางานทำ เพราะรู้หนังสือเพียงไม่กี่ตัว งานง่าย ๆ เหล่านั้นเดิมทีย่อมตกมาไม่ถึงเขา หากเป็นเพียงคนงานทั่วไปหรือคนฝึกงานก็หาเงินได้ไม่มาก หลังจากสอบถามรอบ ๆ อยู่หลายครั้งก็พบว่าหอเมามายกำลังรับสมัครคนงานระยะยาว ค่าแรงต่อเดือนสูงมาก ดีกว่าทำงานเป็นลูกจ้างทั่วไประยะยาวหรือคนฝึกงานที่อื่น ดังนั้นเขาจึงไปสมัครที่นั่น
เมื่อเขาเข้าไปในหอเมามายแล้วถึงได้รู้ว่าตนเข้าไปในกองไฟกองหนึ่ง
คนงานระยะยาวที่ว่าในความเป็นจริงคือเครื่องมือจัดการกับนางโลมที่หลบหนี
หอเมามายไม่ใช่สถานที่สูงส่งอะไร กว่าครึ่งของแม่นางที่อยู่ที่นี่ถูกคนขายมา อีกครึ่งหนึ่งซื้อมาจากนายหน้าค้าทาส
ไม่มีสตรีดี ๆ ที่ใดยินดีทำการค้าพรรค์นี้ ดังนั้นพวกนางจึงร้องไห้ ก่อเรื่อง แขวนคอตายอยู่เนือง ๆ มีความเป็นไปได้ที่สตรีหัวรั้นประเภทนั้นจะแขวนคอตายแทนที่จะข่มขู่ให้คนกลัว เมื่อพบกับสตรี ‘จัดการยาก’ ประเภทนี้ก็ต้องใช้วิธีการพิเศษบางอย่าง
ในเมื่อหวังสือจู้เข้าไปในหอเมามายแล้ว เขาจึงกลายเป็นหนึ่งใน ‘วิธีการพิเศษ’ ที่ว่า
แม่นางนามหลี่หนิงเซียงผู้นั้นเป็นแม่นางจากสกุลเศรษฐี เนื่องด้วยกิจการของที่บ้านล้มละลาย บิดาของนางตายด้วยน้ำมือโจร หลังจากบิดาของนางเสียชีวิต แม่เลี้ยงจึงขายนางในราคาสูงเพื่อชดใช้หนี้
หลี่หนิงเซียงเข้าใจดี ถึงแม้จะไม่มีบัญชีเหล่านั้น ทว่าเมื่อขาดการปกป้องจากบิดา สถานะที่บ้านของนางก็ยากที่จะรักษาไว้
หลังจากถูกขายให้กับหอเมามายแล้ว หลี่หนิงเซียงไม่ยินยอมรับรองลูกค้า
แม่เล้าพยายามทุกวิถีทาง ทั้งข่มขู่และโน้มน้าวใจ ทว่านางก็ไม่ถูกหลอกล่อ แม่เล้าโมโหจึงมอบตัวนางให้กับหวังสือจู้ โดยต้องการให้หวังสือจู้พรากความบริสุทธิ์ไปจากนาง
หวังสือจู้เดิมคิดจะทำให้ผ่าน ๆ ไป
ทว่าเมื่อเห็นความหยิ่งในศักดิ์ศรีของหลี่หนิงเซียง สุดท้ายเขากลับทนไม่ไหวจึงคิดจะทำให้นางรู้สึกดีขึ้น
แม้นจะคิดคำนวณเป็นพันหมื่นก็นึกไม่ถึงว่าแม่เล้าได้เติมเครื่องปรุง ‘พิเศษ’ ลงในอาหาร ด้วยเหตุนี้หวังสือจู้จึงกลายเป็นสัตว์ร้ายทำภารกิจที่แม่เล้ามอบหมายให้จนสำเร็จ
หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น หวังสือจู้จึงรู้สึกติดค้างต่อหลี่หนิงเซียง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากหลี่หนิงเซียงสูญเสียความบริสุทธิ์ไป ไม่นานนางก็กลายเป็นต้นไม้เขย่าเงินให้กับแม่เล้า
น่าเสียดาย นางไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่องจึงขายได้ในราคาไม่สูง นางจึงกลายเป็นนางโลมที่ใช้ร่างกายดึงดูดลูกค้า ต่างจากนางโลมคนอื่น ๆ ที่มีชื่อเสียงด้านความสง่างาม
หวังสือจู้รู้สึกว่าตนได้ทำร้ายหลี่หนิงเซียงจึงให้ความสนใจนางเป็นพิเศษ
หากนางเจอลูกค้านิสัยไม่ดี เขาจะลอบส่งยาให้นาง
หากนางหิวจนปวดท้อง เขาก็จะแอบเอาอาหารมาให้นาง
ทุกครั้งเขาจะส่งแค่เพียงที่ประตูเท่านั้น จากนั้นค่อยเคาะประตูเตือน ก่อนที่นางจะหาเขาพบ เขาก็หนีไปแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่หนิงเซียงก็หาเขาพบ ทั้งยังนำข้าวของที่เขามอบให้มาคืน
หวังสือจู้เอ่ยปากว่ายินดีที่จะแต่งงานกับนาง
“ได้ยินว่าพวกเขาทั้งสองคบหากันนับตั้งแต่นั้นมา หากเรื่องนั้นไม่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ลับ ๆ ระหว่างทั้งสองคนจนถึงตอนนี้คงไม่มีผู้ใดรู้” บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งเอ่ย “ต้องบอกว่า เพื่อสตรีหอโคมเขียวผู้หนึ่งแล้ว บุรุษผู้นั้นนึกไม่ถึงว่าจะลุ่มหลงเพียงนี้ ในแง่หนึ่งนับว่าเป็นบุรุษที่พึ่งพาได้”
“เช่นนั้นโรคของพวกเขารักษาหายได้จริง ๆ หรือ?”
“คงได้ ข้าเห็นสีหน้าพวกเขาหมู่นี้ดีขึ้นมากแล้ว เพียงแต่…”
“เพียงแต่อะไร?”
“เพียงแต่ชื่อเสียงของทั้งสองคนกลายเป็นอย่างนั้น ภายหน้าไม่รู้จะมีคนอีกกี่มากน้อยดูแคลนเหยียดหยามหากข้าเป็นพวกเขา ข้าคงไปจากที่นี่ ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่งที่ไม่มีผู้ใดรู้จักจะได้เชิดหน้าขึ้นได้”
หลิวจิ่วจู๋จัดเตรียมสบู่หอมเสร็จก็สั่งบ่าวรับใช้ทั้งสองที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน “พอเย็นแล้วให้หั่นเป็นก้อนเล็ก ๆ ต้องหั่นให้สวยงามด้วยเล่า”
“เจ้าค่ะ”
“เรื่องที่พวกเจ้าคุยกันเมื่อครู่นี้ก็ให้จบลงเสียที่นี่ อย่าได้เอ่ยออกไป”
“ฮูหยินวางใจ พวกเราไม่กล้าไปซุบซิบอยู่ข้างนอกแน่นอนเจ้าค่ะ”
ขอเพียงที่ใดมีสตรีย่อมมีเรื่องซุบซิบนินทา หลิวจิ่วจู๋เข้าใจความคิดของพวกนางดี เพราะความเข้าใจนี้เอง ถึงได้เอ่ยปากตักเตือนแทนที่จะลงโทษตรง ๆ
ลู่ฉาวจิ่งกลับมาจากข้างนอกก็เห็นสบู่หอมที่หลิวจิ่วจู๋ทำจึงเอ่ยถาม “เหตุใดหมู่นี้เจ้าทำสิ่งนี้อีกเล่า?”
“สูตรยาสระผมข้ามอบให้บ่าวรับใช้แล้ว มีพวกเขา ข้าจึงไม่ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจไปกับของเหล่านั้นอีกย่อมมีเวลามาทำอย่างอื่น”
หลิวจิ่วจู๋ยื่นสบู่หอมที่ตนทำให้ลู่ฉาวจิ่ง “ท่านลองดูหน่อยว่าเป็นอย่างไร?”
ลู่ฉาวจิ่งได้ใช้มันล้างมือพอดี
“กลิ่นหอมอ่อน ๆ ล้างมือแล้วรู้สึกนุ่มเป็นอย่างยิ่ง แถมยังรู้สึกเย็นเล็กน้อย เพียงแต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ ในเมื่อยาสระผมทำเป็นเนื้อเหลวได้ เหตุใดสบู่หอมกลับทำไม่ได้เล่า?”
หลิวจิ่วจู๋มองลู่ฉาวจิ่งด้วยความประหลาดใจ “ท่านหมายถึงนำสบู่หอมไปทำเป็นเนื้อเหลวหรือ?”
“ไม่ผิด เจ้าลองคิดดูสิว่านั่นจะไม่เหมาะมากหรือ?” ลู่ฉาวจิ่งกล่าว “แถมยังสามารถขายคู่กันได้ หากขายเป็นชุดจะต้องเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่าเดิมอย่างแน่นอน”
“ความคิดนี้ดี” หลิวจิ่วจู๋เข้าไปกอดแขนลู่ฉาวจิ่ง “สามีของข้าฉลาดยิ่งนัก ไม่นานนี้ข้ามักจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ที่แท้ข้าขาดความคิดนี้ไปนี่เอง”
“ข้ามีเรื่องอยากจะให้ฮูหยินช่วย” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “ที่นี่ไม่ใช่ที่พูดคุยกัน ไม่สู้ไปข้างในดีหรือไม่?”
หลิวจิ่วจู๋วางของในมือลงแล้วกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “ท่านพี่มีเรื่องอะไรเพียงแค่บอกข้ามาเถอะ”
ในห้องตำรา ลู่ฉาวจิ่งกล่าวคำขอของตนเองออกมา
หลิวจิ่วจู๋กล่าวอย่างลำบากใจ “ท่านพี่ ข้าคบค้าสมาคมกับผู้อื่นไม่เก่ง ท่านก็บอกเองว่า คนเหล่านั้นล้วนเป็นภรรยาขุนนาง มีความรู้กว้างขวาง หากข้าเข้าสังคมกับพวกนาง เกรงว่าจะทำให้ท่านขายหน้า”