บทที่ 1176 ตอนพิเศษ (62.1)
บทที่ 1176 ตอนพิเศษ (62.1)
ลู่ฉาวจิ่งเห็นว่านางไม่เต็มใจจึงไม่ได้บังคับอีก
อันที่จริงแล้วเขาเพียงแค่อยากทราบสถานการณ์ของขุนนางท้องที่แต่ละคน แต่การจะเข้าถึงพวกเขาด้วยตนเองนั้นทำได้ยากยิ่ง อย่างไรเสีย พวกเขาล้วนแต่เป็นคนเก่าแก่ในแวดวงขุนนาง ทางที่ดีที่สุดคือเริ่มเข้าหาจากคนในครอบครัว
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลิวจิ่วจู๋ไม่เต็มใจ เขาย่อมไม่บีบบังคับ
หลังจากผ่านเรื่องนี้ไป ทั้งสองคนก็พูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง
ลู่ฉาวจิ่งแสดงแนวคิดมากมายให้ฟัง หลิวจิ่วจู๋ได้ยินแล้วก็ตระหนักได้ในทันที
“ท่านพี่ ครอบครัวท่านมีกิจการหรือ?”
“ไม่ใช่ครอบครัวข้า หากแต่เป็นแม่ข้า” ลู่ฉาวจิ่งกล่าว “ข้าอยู่กับนางมาตั้งแต่ยังเล็กจึงได้เรียนรู้มาบ้างเล็กน้อย”
“ท่านติดต่อกับครอบครัวท่านแล้วใช่หรือไม่?”
“ติดต่อแล้ว” ลู่ฉาวจิ่งดึงมือหลิวจิ่วจู๋ไปกุม “เจ้ากังวลหรือ?”
“ข้า…”
“ไม่ต้องกังวลไป” ลู่ฉาวจิ่งกล่าว “ข้าอธิบายสถานการณ์ของเราเรียบร้อยแล้ว รอไปถึงเมืองหลวง พวกเราค่อยจัดงานแต่งงานอีกครั้ง”
“นั่นไม่จำเป็นต้องยุ่งยาก” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “ขอเพียงครอบครัวท่านยอมรับข้า จะจัดงานแต่งงานหรือไม่ข้าไม่ได้ใส่ใจ”
“แต่ข้าใส่ใจ”
หยางชิงซือเดินเข้ามาจากข้างนอกแล้วกล่าวขัดจังหวะ “พวกท่านทายสิว่าข้าเพิ่งเจอผู้ใด?”
“ผู้ใด?”
“ป้าจาง” หยางชิงซือชูตะกร้าในมือขึ้น “นางให้ไข่มาหนึ่งตะกร้าเพื่อขอบคุณเจ้าโดยเฉพาะ ข้าเห็นว่านางไม่ได้มีนิสัยชอบเสียดสีเหน็บแนมเหมือนก่อน แม้กระทั่งหน้าตายังดูใจดีมีเมตตาแล้ว”
“อาการของลูกชายนางเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ได้ยินว่าควบคุมได้แล้ว นางบอกว่ารอลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้หายดีจะเลี้ยงอาหารง่าย ๆ เราสักมื้อ จากนั้นพวกเขาก็วางแผนจะไปจากที่นี่”
ทันทีที่ลู่ฉาวจิ่งมาถึงศาลาว่าการอำเภอ จงซู่เกินก็ก้าวเข้ามาทักทายแล้วเหลือบตามองเข้าไปข้างในแวบหนึ่ง แววตาบอกใบ้บางอย่าง
ลู่ฉาวจิ่งพอคาดเดาได้แล้วจึงเอ่ยถาม “หาผู้ซื้อใหม่เจอแล้วหรือยัง?”
จงซู่เกินเอ่ยอย่างให้ความร่วมมือว่า “หาน่ะหาเจอแล้วขอรับ เพียงแต่อีกฝ่ายต้องการดูสินค้าก่อน ข้าบอกว่าเรื่องนี้ไม่อาจตัดสินใจได้ ต้องแจ้งเบื้องบนเสียก่อน… ข้าถึงได้มารายงานใต้เท้า”
“ผู้ซื้อใหม่ต้องการดูสินค้า นี่ขัดกับกฎของเรา ช่างเถิด เปลี่ยนไปหาผู้อื่น!”
“เพียงแต่พวกเขาให้ราคาอย่างงามเลยนะขอรับ อีกทั้งยังต้องการในจำนวนมากด้วย”
“ไม่อาจเสี่ยงได้” ลู่ฉาวจิ่งกล่าว “เรื่องที่เรากำลังทำเกี่ยวพันถึงศีรษะ”
“ต้องบอกกล่าวเรื่องนี้กับท่านนายกองหรือไม่ขอรับ?”
“ท่านนายกองเคยกำชับไว้แล้วว่า หากทำงานร่วมกันครั้งแรกแต่จะดูสินค้าให้ได้ ไม่อาจพาไปหาเขา ข้าเองก็ไม่วางใจ เช่นนี้เสี่ยงเกินไป”
“เช่นนั้นจะปล่อยไปหรือขอรับ?”
“ก็ทำได้เพียงปล่อยไปแล้ว” ลู่ฉาวจิ่งกล่าว
ณ หอเมามาย ท่านนายกองเซี่ยวโอบสาวงามไว้ในอ้อมแขนพลางดื่มสุรา หลังจากฟังรายงานจากลูกน้องก็เอ่ย “ผู้ซื้อที่เขาว่านั่น พวกเจ้าไปตรวจสอบสักหน่อย”
“ตรวจสอบแล้วขอรับ” นายร้อยเฉินกล่าว “เป็นผู้ซื้อจากอาณาจักรเฟิ่งหลินซึ่งเป็นคหบดีทรงอิทธิพลในท้องที่มีชื่อเสียงทีเดียว เพียงแต่… พื้นเพดำมืด มือไม้เทียบกับเราแล้วยังไม่ใสสะอาดเท่า ดังนั้นนอกจากคอยป้องกันไม่ให้เขาฉกฉวยผลประโยชน์ เรื่องอื่นนับว่าใช้ได้ขอรับ ด้วยทุนทรัพย์ของเขา เขาสามารถจ่ายในราคาสูงได้ ส่วนที่ว่าต้องการสินค้าเป็นจำนวนมากนั้น ได้ยินว่าหมู่นี้ความต้องการเครื่องประดับทองของอาณาจักรเฟิ่งหลินเพิ่มขึ้นเป็นอย่างยิ่ง สตรีชนชั้นสูงทั้งหลายต่างก็แย่งชิงเครื่องประดับทองกันขอรับ”
“มากเพียงใด?”
นายร้อยเฉินเหลือบมองสาวงามในอ้อมแขนของนายกองเซี่ยวปราดหนึ่ง
นายกองเซี่ยวก้มลงจูบสตรีคนนั้นแล้วกล่าว “ว่ามาเถอะ อีกประเดี๋ยวข้าจะไถ่ตัวนาง ต่อไปนางก็จะเป็นอนุสิบของข้าแล้ว ไม่มีอะไรฟังไม่ได้”
นายร้อยเฉินเอ่ยตัวเลขหนึ่งออกมา
นายกองเซี่ยวแทบจะพ่นสุราในปากทิ้ง
เขาจ้องนายร้อยเฉินตาเขม็ง “จำนวนมากเพียงนี้ ลู่เจ๋อกลับไม่คิดจะรายงานข้าหรือ?”
“ลู่เจ๋อปฏิบัติตามที่ท่านกำชับไว้ขอรับ อย่างไรเสียคนผู้นี้จู่ ๆ ก็ต้องการสินค้าจำนวนมากถึงเพียงนั้น อีกทั้งยังขอไปที่หน้างานเพื่อดูสินค้าก่อน นี่ขัดแย้งกับกฎของเราขอรับ”
“กฎเป็นของตายแต่คนยังมีชีวิต เงินก้อนโตเพียงนี้ ข้าย่อมให้เกียรติเขา” ดวงตาของนายกองเซี่ยวเปล่งประกายด้วยความโลภ
จำนวนมหาศาลเช่นนี้ หากทำสำเร็จจริง ๆ เช่นนั้นเขาย่อมกินดีอยู่ดีไปทั้งชีวิต สาวงามเช่นนี้ เขาสามารถรับมาได้ทุกคืน เป็นเจ้าบ่าวทุก ๆ ราตรีก็ไม่มีปัญหา
“เพียงแต่คนผู้นั้นดูเหมือนจะติดต่อกับลู่เจ๋อ หากพวกเราบุ่มบ่ามติดต่อเขา แล้วลู่เจ๋อรู้เข้า…”
“ลู่เจ๋อก็เป็นคนของข้า ถึงแม้จะรู้แล้วอย่างไร? ตอนนี้เขาเป็นนายอำเภอ ในมือมีเรื่องมากมายต้องจัดการ ข้าไม่อยากให้เขาต้องพะวงกับเรื่องนี้ ย่อมต้องแบ่งเบาให้เขาบ้าง”
“ขอรับ ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
ศาลาว่าการ ลู่ฉาวจิ่งฟังรายงานจากจงซู่เกิน เขาคาดเดาความคิดของนายกองเซี่ยวได้แล้ว
“ใต้เท้า ท่านจะปะทะกับนายกองทางนั้นซึ่ง ๆ หน้าหรือขอรับ?”
“แน่นอนว่าไม่” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “ข้าบอกแล้วว่าคนผู้นั้นไม่น่าเชื่อถือ นายกองกลับลอบส่งคนไปติดต่อกับเขา กล้ำกลืนความเสียเปรียบแล้วไม่อาจให้เรารับผิดชอบ”
“หากเขารู้ว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นท่าน…”
“ซู่เกิน ทุกอย่างที่ข้าทำมีเพียงเจ้าที่รู้ หากเจ้าคิดจะไปรับรางวัลจากนายกองเซี่ยวทางนั้น เจ้าก็เพียงแค่ต้องไปรายงาน” ลู่ฉาวจิ่งยิ้มน้อย ๆ
จงซู่เกินทำท่าทีฮึดฮัด “เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนอย่างไรกัน? หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงตายไปนานแล้ว นับประสาอะไรกับได้แต่งเมียอย่างในตอนนี้ นอกจากนี้ เจ้าบอกใบ้กับข้าแต่แรกว่าตนเองกับนายกองเซี่ยวไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกัน ข้าถึงได้ติดตามเจ้า หากเจ้ามาจากตะเภาเดียวกันกับพวกเขาจริง ๆ ข้าคงยอมตาย ไม่ยอมมาเป็นลูกน้องเจ้า”
“เอาละ จัดการตามแผน ภายหน้าเจ้าก็จะได้รู้เจตนาของข้าแล้ว” ลู่ฉาวจิ่งกล่าว “เพียงแต่ก่อนหน้านั้น พวกเรามาทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อราษฎรกันเถิด! พื้นที่นี้…”
ลู่ฉาวจิ่งชี้ไปยังตำแหน่งบนแผนที่
จงซู่เกินฟังคำสั่งของลู่ฉาวจิ่งด้วยแววตาชื่นชม
“ไม่ว่าเจ้าจะมาเป็นนายอำเภอด้วยเหตุใด ข้าเชื่อว่าราษฎรที่นี่จะต้องรู้สึกขอบคุณเจ้า”
ลู่ฉาวจิ่งพูดถึงเรื่องที่นำไปใช้ได้จริง นั่นก็คือการสร้างสะพานที่หมู่บ้านสกุลเมิ่ง
ที่นั่นเป็นถิ่นทุรกันดาร หากจะเข้าเมืองชาวบ้านต้องไต่เชือกไปยังอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ
แน่นอนว่า แต่เดิมมีเรือ ทว่าระหว่างน้ำท่วมครั้งล่าสุด เรือทั้งหมดจมลงใต้น้ำแล้ว ต่อมาจึงมีคนย้ายไปจากที่นั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ คนที่มีเงินซื้อเรือก็ย้ายออกไปแล้วเช่นกัน เหลือก็แต่เพียงคนยากจนเท่านั้น
ทันทีที่มีการติดประกาศเรื่องสร้างสะพาน ชาวบ้านต่างพากันดีใจกันยกใหญ่
จำต้องรู้ว่าอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำไม่ได้มีเพียงหมู่บ้านสกุลเมิ่งเท่านั้น แต่ยังมีที่ดินรกร้างอีกมากมาย หากมีสะพานจริง ๆ ที่รกร้างทางนั้นสามารถจัดสรรให้คนเพาะปลูกได้ เช่นนี้ย่อมเป็นผลดีต่อชีวิตของผู้คน
ลู่ฉาวจิ่งกำลังวุ่นอยู่กับการสร้างสะพาน เมื่อเขาว่าง หลิวจิ่วจู๋ก็ส่งของขวัญชิ้นใหญ่ไปให้เขา
“นี่อะไร?” ลู่ฉาวจิ่งมองสมุดบันทึกที่หลิวจิ่วจู๋เป็นคนเขียนด้วยความประหลาดใจ
สมุดบันทึกเล่มนี้จดรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในบ้านของขุนนางท้องที่
หลิวจิ่วจู๋กล่าว “ยาสระผมกับสบู่เหลวอาบน้ำที่ข้าทำไม่นานมานี้ขายดีมากทีเดียว ข้าจึงถือโอกาสนี้ไปเยี่ยมเยือนฮูหยินมาไม่น้อย เมื่อเวลาผ่านไปก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ของแต่ละจวนแล้ว”