การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย – บทที่ 630-2 ถังเซวี่ยสอบเข้ามหาวิทยาลัย (2)

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

บทที่ 630 ถังเซวี่ยสอบเข้ามหาวิทยาลัย (2)

บทที่ 630 ถังเซวี่ยสอบเข้ามหาวิทยาลัย (2)

ขณะที่พวกเขาพูดคุยกันก็เดินมาถึงห้องครัว เฟิงเยี่ยหานพับแขนเสื้อแล้วบอกว่า “เสี่ยวเซวี่ย เดี๋ยวผมจะทำอาหารให้คุณทาน แต่ว่าคุณต้องรอหน่อยนะ”

ถังเซวี่ยได้ยินก็หันไปถามเฟิงเยี่ยหานด้วยความประหลาดใจ “คุณทำอาหารเป็นแล้วหรือ?”

“อืม ผมไปเรียนมานิดหน่อยน่ะ ต่อไปถ้าคุณอยากทานอะไร ผมก็ทำให้คุณทานได้”

เฟิงเยี่ยหานเรียนทำอาหารเพื่อถังเซวี่ยโดยเฉพาะ แม้รสชาติจะไม่ได้ดีมาก แต่ก็ไม่ได้แย่จนทานไม่ได้ แค่นี้ถังเซวี่ยก็พอใจมากแล้ว เฟิงเยี่ยหานปกติก็ยุ่งมากอยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังหาเวลาไปเรียนทำอาหารเพื่อเธอ

หลังจากที่สองคนทานอาหารเสร็จก็สายมากแล้ว

“เฟิงเยี่ยหาน พวกเรากับพวกพี่กลับไปก่อนอาหารเย็นน่าจะดีกว่านะคะ กลับกันเลยไหม”

“อืม พวกเราไปรอพวกเขาที่ปากทางกันเถอะ”

แม้เฟิงเยี่ยหานอยากจะอยู่ลำพังกับถังเซวี่ยอีกสักหน่อย แต่เขาก็รู้ว่าต้องกลับบ้านตระกูลจิงแล้ว

หลังจากที่ทั้งสี่เจอกัน ก็กลับมายังบ้านเก่าตระกูลจิงพร้อมกัน

คุณนายจิงเห็นว่าพวกเขากลับมาแล้วก็ดีใจมาก “ย่าบอกให้ในครัวเตรียมอาหารจานโปรดของพวกหลานไว้เป็นพิเศษ ย่าเดาถูกด้วยว่าวันนี้พวกหลานจะกลับมาแน่”

“คุณย่า งั้นเย็นนี้พวกเราจะทานให้เยอะ ๆ เลยค่ะ”

ถังซวงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เมื่อถึงเวลาค่ำ ตระกูลจิงก็กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง

แต่เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ทุกคนไปทำงานไปเรียนกันหมด บ้านจึงเงียบลงมาก

ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนไปมหาวิทยาลัยด้วยกัน ส่วนเฟิงเยี่ยหานก็ไปส่งถังเซวี่ยที่โรงเรียน หลังจากนั้นจึงไปทำงานของตน

ตอนนี้คือมัธยมปลายเทอมสุดท้ายของถังเซวี่ยแล้ว ตั้งแต่เปิดเทอม เธอยุ่งมากทุกวัน ทั้งทำข้อสอบทั้งท่องจำเนื้อหาไม่รู้จักจบจักสิ้น แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยพูดว่าเหนื่อยเลยสักครั้ง เธออ่านหนังสือตลอดแม้กระทั่งวันหยุดเสาร์อาทิตย์

เดิมทีเฟิงเยี่ยหานคิดเอาไว้ว่าสุดสัปดาห์นี้จะพาถังเซวี่ยออกไปข้างนอกสักหน่อย สุดท้ายก็ไม่มีเวลาว่างเลย

ถังเซวี่ยมองเฟิงเยี่ยหานด้วยสายตารู้สึกผิดและกล่าวว่า “เฟิงเยี่ยหาน หลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จแล้ว ฉันก็จะมีเวลามากขึ้น พอถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ ฉันจะอยู่กับคุณตลอดเลยดีไหม”

“ได้สิ คุณไปอ่านหนังสือต่อเถอะ ผมจะนั่งเป็นเพื่อนคุณเอง”

เฟิงเยี่ยหานรู้ดีว่าถังเซวี่ยให้ความสำคัญกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยครั้งนี้มากขนาดไหน เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรมาก พอมาที่นี่เป็นครั้งที่สอง เขาก็นำเอกสารที่ต้องจัดการมาด้วย คนหนึ่งอ่านหนังสือ อีกคนหนึ่งก็ดูเอกสาร ดูกลมกลืนกลมเกลียวขึ้นมาทันใด

ตอนแรกถังซวงและโม่เจ๋อหยวนตั้งใจจะมาเรียกพวกเขาให้ออกไป แต่เมื่อเห็นทั้งสองคนกำลังยุ่งอยู่ จึงจากไปทันทีโดยไม่ได้เข้าไปรบกวน

“เทอมนี้ดูท่าเสี่ยวเซวี่ยจะตั้งใจมาก ขนาดเสาร์อาทิตย์ก็ยังไม่ออกจากห้องเลย แถมเธอยังพัฒนาขึ้นมากจริง ๆ ผลการเรียนของเธอดีกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ” ถังซวงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดายขึ้นมาที่ในตอนนั้นเธอไม่ได้ตั้งใจแบบนี้บ้าง

โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าและกล่าวตาม “ใช่ เสี่ยวเซวี่ยตั้งใจมากจริง ๆ สอบเข้ามหาวิทยาลัยครั้งนี้ เธอจะต้องสมหวังแน่นอน”

ถังซวงนับดูก็พบว่าใกล้จะถึงวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยเข้าไปทุกทีแล้ว

“ถ้าไม่นับก็ไม่รู้เลยนะเนี่ย พอมาดูอีกทีก็น่าตกใจเหมือนกัน อีกเดือนกว่าก็จะถึงวันสอบเข้ามหาลัยแล้ว”

“ใช่ เวลาผ่านไปเร็วมากจริง ๆ”

ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนเดินไปคุยไป ตอนแรกพวกเขาตั้งใจว่าจะชวนถังเซวี่ยและเฟิงเยี่ยหานไปทานข้าวร้านอาหารที่เพิ่งเปิดใหม่ แต่เนื่องจากทั้งสองคนกำลังยุ่งกันอยู่ พวกเขาจึงไปกันเองแค่สองคน และหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ก็สั่งอาหารหลายอย่างกลับบ้านโดยเฉพาะ

หลังจากถังเซวี่ยได้ทานอาหารที่ถังซวงนำกลับบ้าน เธอจึงกล่าวอย่างอดไม่ได้ “ขอบคุณนะคะพี่”

“ไม่เป็นไรหรอก แต่ว่าเธอน่ะจัดการเวลาให้มันพอดีหน่อยนะ ค่ำแล้วก็ไม่ต้องอยู่ดึกไปนักล่ะ”

ถังหลานแนะเพิ่ม “ใช่ เสี่ยวเซวี่ย ลูกต้องพักผ่อนบ้างนะ สุขภาพเองก็สำคัญมากเหมือนกันนะ จะเรียนรู้ได้ดีขึ้นก็ต่อเมื่อร่างกายแข็งแรงนะลูก” เธอได้เห็นความตั้งใจของลูกสาวคนรองมาตลอดเทอมนี้ บางครั้งเธอก็รู้สึกสงสารลูก

แม้แต่จิงเจ้อหรงก็ยังบอกถังเซวี่ยให้พักผ่อนมาก ๆ

ถังเซวี่ยได้ยินกลับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พ่อคะแม่คะ พ่อแม่ไม่ต้องเป็นห่วง หนูก็พักผ่อนอยู่ตลอดนะคะ”

พวกเขาไม่ได้กล่าวอะไรอีกเมื่อเห็นสีหน้าสดใสของถังเซวี่ย

เมื่อยิ่งใกล้วันสอบเข้ามหาวิทยาลัยมากขึ้น บรรยากาศในตระกูลจิงก็เริ่มตึงเครียดขึ้นมา อย่างไรก็ตามถังเซวี่ยตั้งใจอ่านหนังสือทุกวัน และพวกเขาก็หวังว่าผลสอบของเธอจะออกมาดี

เมื่อวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาถึง จิงเจ้อหรงไปส่งถังเซวี่ยที่สนามสอบด้วยตัวเอง

ถังเซวี่ยเห็นสีหน้าตั้งมั่นของพ่อก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พ่อ ความจริงให้เฟิงเยี่ยหาน พี่ซวงหรือคนอื่นมาส่งหนูก็ได้ พ่อไม่ต้องอ้อมรถมาส่งหนูเองหรอกค่ะ แบบนี้พ่อจะไปเข้างานสายนะคะ”

จิงเจ้อหรงกลับส่ายหน้าและกล่าวว่า “เสี่ยวเซวี่ย เรื่องสำคัญขนาดนี้ พ่อก็ต้องมาเองสิ ลูกแค่เข้าไปทำข้อสอบโดยไม่ต้องกังวล แค่ทำใจผ่อนคลายก็พอ ไม่ต้องไปคิดมากถึงเรื่องอื่น ”

ถังเซวี่ยสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ค่ะพ่อ หนูเข้าใจแล้วค่ะ”

จิงเจ้อหรงรอจนกระทั่งถังเซวี่ยเดินเข้าไปในสนามสอบจึงหันหลังจากไป

และในการสอบครั้งถัดไป จิงเจ้อหรงรับส่งถังเซวี่ยด้วยตนเองทุกครั้ง จนการสอบสิ้นสุดลง เขาถึงรู้สึกโล่งใจ

ไม่ใช่แค่จิงเจ้อหรง คนตระกูลจิงทุกคนก็โล่งใจไปตาม ๆ กัน ช่วงเวลาสองสามวันมานี้พวกเขาเองก็รู้สึกเป็นกังวล โชคดีที่การสอบสำเร็จลุล่วงแล้ว จากนี้ก็แค่รอผลสอบออกมา และถึงแม้พวกเขาจะสงสัยว่าถังเซวี่ยสอบเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็ไม่อยากจะถามอะไรมาก เพราะกลัวว่าหากถังเซวี่ยสอบได้ไม่ดี เธอจะเสียความรู้สึก

ความจริงแล้วถังเซวี่ยรู้สึกว่าตนทำข้อสอบได้ค่อนข้างดีทีเดียว บนใบหน้าของเธอจึงไม่มีร่องรอยของความห่อเหี่ยวใจปรากฏอยู่เลย แถมเธอยังรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมากด้วย “ในที่สุดก็สอบเสร็จสักที ปิดเทอมหน้า ฉันจะเล่นให้สนุกไปเลย”

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

Status: Ongoing
การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวยเธอตื่นขึ้นมาในร่าง ‘ถังชวง’ เด็กสาวในยุค 70 ที่มีชีวิตแสนลำบากในตระกูลที่กขี่ทั้งเธอ แม่กับน้องสาว… แต่จากนี้เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอจะเป็นเศรษฐีนี่ให้ได้เลย! นิยายแปลเรื่อง การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวย [重返七零之空间小辣]ผู้แต่ง:钰儿เรื่องย่อ: เธอเกิดใหม่มาในร่งของ ถังซวง’ เด็กสาวที่ถูกกใน ยุค 70!! แถมยังต้องมาเจอกับพ่อใจร้ายที่วัน ๆ เาแต่ทุบตี เธอเลยต้องวางแผนให้แม่หย่ากับพ่อเฮงซวยแบบนี้แล้วพาแม่กับน้องสาว ออกไปจากตระกูลปรสิตนี่ และหลังออกจากระกูล เธอก็มุ่งมั่นตั้งใจพาครอบครัวไปสู่เส้นทางเศรษฐีนี่ให้ได้ในสักวัน

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท