ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 263 เรื่องของชีวิต และความตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 263 เรื่องของชีวิต และความตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา

บทที่ 263 เรื่องของชีวิต และความตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา

เมื่อถูกถาม อีกาสุริยันจึงลังเลใจ หากให้ผู่ตานช่วยดูดซับ ภายในร่างกายของเด็กหนุ่มคนนี้จะต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของปีศาจอย่างแน่นอน ไม่สามารถช่วยเหลือได้…

“พูดมา”

ผู่ตานที่รอคำตอบไม่ไหว จึงถามด้วยความไม่พอใจ

“นี่เจ้าพูดกับผู้มีพระคุณแบบนี้หรือ?”

อีกาสุริยันน้อยส่งเสียงไม่พอใจ แล้วกลายเป็นแสงสีแดงมุดเข้าไปในตันเถียนของหลิงเยว่ทันที

เพราะหลิงเยว่ส่งหินหงส์ไฟมาให้ อีกาสุริยันจึงไม่เลือกที่จะบอกความจริงและวิธีการดูดซับพลังปีศาจให้ผู่ตาน หากเป็นคนอื่นกล้าพูดกับนางแบบนี้ อีกฝ่ายคงกลายเป็นเถ้าถ่านไปนานแล้ว!

“นี่… จะทำยังไงดี?”

อีกาสุริยันน้อยหนีไปแล้ว หากหลิงเยว่ระเบิดร่างที่นี่ มันจะไม่ใช่… ติงหลิวหลิ่วร้อนใจยิ่งนัก แต่นางไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน เลยไม่รู้จะทำอย่างไร!

วิธีกำจัดพลังปีศาจในโลกมนุษย์มีเพียงโอสถชำระมารหรือโอสถเลี่ยงมารเท่านั้น แต่พวกเขาไม่มีความสามารถที่จะผลิตอย่างแรกได้ ส่วนโอสถเลี่ยงมารที่ป้อนเข้าปากหลิงเยว่ไปไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้ว แต่นางก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ

“อย่าร้อนใจไป ในเมื่ออสูรรับใช้ของศิษย์น้องกลับเข้าไปในตันเถียนของนางแล้ว ก็น่าจะหมายความว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงชั่วคราวใช่ไหม?”

ว่านอวี้เฟิงพูดอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก แต่เขารู้สึกว่าศิษย์น้องห้าต้องสามารถผ่านพ้นอันตรายไปได้แน่นอน!

“แล้วสองคนนี้ล่ะ?”

สามคนที่ตื่นอยู่มองตามมือของผู่ตานไปที่โม่จวินเจ๋อและอวี้เจิน

“แปลกนัก พลังปีศาจในร่างของโม่จวินเจ๋อ…”

ว่านอวี้เฟิงตกใจที่พบว่าพลังปีศาจในร่างของชายคนนี้หายไปอย่างสิ้นเชิง สุราปราบมารมีประสิทธิภาพดีขนาดนี้เลยหรือ?

อวี้เจินก็ถูกพลังปีศาจเข้าสิงเช่นกัน แต่อาการของนางกลับเบากว่าโม่จวินเจ๋อมาก ทั้งที่ดื่มสุราปราบมารในปริมาณเท่ากัน แต่สีหน้าของคนแรกดูดีขึ้นเพียงเล็กน้อย และพลังมารในร่างกายก็หายไปอย่างเชื่องช้า ช้ากว่าคนหลังมาก

หรือว่าศิษย์พี่ของพวกเขาจะมีที่มาไม่ธรรมดา?

ไม่อย่างนั้นจะอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้อย่างไร?

ว่านอวี้เฟิงมองไปที่หลิงเยว่ และโม่จวินเจ๋อ จากนั้นสายตาก็จับจ้องไปที่ผู่ตาน

ความลับของทั้งสามคนช่างน่าสงสัยยิ่งนัก

ผู่ตานที่ถูกจ้องมองไม่สะทกสะท้าน “ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการออกไปจากที่นี่ ไปตามหาดอกไม้โลหิตปีศาจ”

“ดอกไม้โลหิตปีศาจ?”

โม่จวินเจ๋อฝืนลืมตาข้างหนึ่งขึ้นมา ลู่เป่ยเหยียนรีบประคองเขาลุกขึ้น “เจ้ารู้จักหรือ?”

“น่าจะเป็นดอกไม้ที่อยู่ข้าง ๆ หัวหน้าตะขาบมรกตนั่นแหละ”

ติงหลิวหลิ่วและว่านอวี้เฟิงก็นึกขึ้นได้ว่า ข้าง ๆ หัวหน้าตะขาบมรกตมีดอกไม้อยู่

“นั่นไม่ใช่อวี้หลันฮวาสีทองหรอกหรือ? ทำไมเป็นดอกไม้โลหิตปีศาจล่ะ?”

ทุกคนแม้ในใจจะเต็มไปด้วยคำถาม แต่ก็ตัดสินใจออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน

แต่ท้องพระโรงที่มองเห็นได้ทั่วถึงนี้ กลับไม่มีทางออกเลย

“ทางออกน่าจะอยู่ชั้นบนสุด?”

ว่านอวี้เฟิงที่แบกอวี้เจินอยู่เงยหน้าขึ้น ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ชั้นห้า ขอแค่ขึ้นไปถึงชั้นหกได้ก็น่าจะออกไปได้แล้ว!

“ตรงนั้นมีประตู!”

ติงหลิวหลิ่วตะโกนด้วยความตื่นเต้น ผู้บำเพ็ญที่บาดเจ็บได้ยินเช่นกัน พวกเขาก็ไม่สนใจบาดแผล รีบคลานลุกขึ้นมา

มีประตูจริง ๆ!

ผู้ป่วยพยุงกันเดินโซเซไปยังประตูหิน

แต่ในพริบตา ประตูหินแยกออกเป็นห้าบาน ตั้งเป็นรูปพัด นอกจากจะแกะสลักอสูรที่ดูเหมือนมีชีวิตแล้ว เหนือหัวอสูรยังปรากฏตัวอักษรปีศาจสีแดงฉาน

มาอีกแล้วเหรอ?

ผู้บำเพ็ญทั้งหลายสิ้นหวัง

พวกเขาเลือกผิดในชั้นสี่ จึงตกลงไปในถ้ำปีศาจหมื่นเนตรอย่างโชคร้าย หลังจากหนีออกมาได้อย่างยากลำบาก ยังจะต้องไปตายอีกหรือ?

“มีใครรู้จักตัวอักษรปีศาจบ้างไหม ออกมาตอบหน่อย!”

มีผู้บำเพ็ญคนหนึ่งตะโกน

“ตัวอักษรนี้น่าจะเป็นตัวอักษรปีศาจชั้นสูงโบราณ แตกต่างจากตัวอักษรปีศาจทั่วไป… อย่างมาก”

มีคนพูด แต่พูดแล้วเหมือนไม่ได้พูด พวกเขายังคงต้องเข้าประตูหินโดยสุ่ม จะรอดหรือตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา

บางทีอาจไม่มีโชคให้พูดถึงเลย ดูเหมือนว่าวิหารปีศาจนี้ไม่ต้องการปล่อยพวกเขาออกไป

“ข้าบอกเจ้าได้ว่าข้างบนเขียนว่าอะไร”

โครงกระดูกโผล่ออกมาจากที่ไหนไม่รู้ ในอ้อมแขนยังอุ้มผู้บำเพ็ญที่ถูกมันกัดจนหน้าตาผิดรูป

ผู้บำเพ็ญที่ถูกฉีกทึ้งเนื้อหนังจนเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย ยากลำบากยกมือที่ขาดไปครึ่งหนึ่งขึ้น อ้อนวอนว่า “ช่วย… ข้าด้วย”

ภาพที่เห็นช่างน่าสะพรึงกลัวและทำให้ผู้คนไม่อยากมอง

พวกเขาเองยังรอดตัวไม่ได้ จะไปช่วยผู้อื่นได้อย่างไร?

พวกผู้บำเพ็ญต่างกลัวว่าจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไปที่ถูกกลืนกินทั้งเป็น จึงรีบหยิบโล่ป้องกันออกมา กำอาวุธประจำกายไว้ในมือ จ้องมองโครงกระดูกอย่างระแวดระวัง

“ข้าขอบอกพวกเจ้าว่า ประตูทั้งห้าบานล้วนเป็นประตูมรณะ”

“มนุษย์ที่เข้ามาในสถานที่บูชาปีศาจคงไม่ได้คิดหรอกนะว่าจะออกไปได้?”

“ฮ่า ๆ ๆ ดูพวกเจ้าสิ ช่างไร้เดียงสาเสียจริง…”

เสียงสามเสียงที่แตกต่างกันดังมาจากทิศทางต่าง ๆ พวกมันและโครงกระดูกยืนอยู่ตามมุมทั้งสี่ของสี่เหลี่ยมจัตุรัส

ผู่ตานที่จำโครงกระดูกได้ อยากพาสหายหลบซ่อนไปยังที่ใดสักแห่ง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของโม่จวินเจ๋อ ไม่มีอะไรจะทำดันเอาสุราปราบมารไปเลี้ยงโครงกระดูกทำไม!

ร่างคนทั้งสี่ ทำให้ติงหลิวหลิ่ว ลู่เป่ยเหยียน และว่านอวี้เฟิงนึกถึงโลงศพสี่ใบที่พวกเขาเจอพร้อมกัน

ทุกคนพยายามพาผู้บาดเจ็บบนหลังเข้าใกล้ประตูหินอย่างเงียบ ๆ

“พวกเจ้าจะไปไหนกัน?”

โครงกระดูกวูบเขามาขวางทางเจ็ดคนทันที ดวงตาที่ว่างเปล่าลุกโชนเป็นเปลวไฟสีดำเมื่อเห็นโม่จวินเจ๋อ มันยื่นมือที่เปื้อนเลือดออกมา เล็บทั้งห้ากลายเป็นใบมีดคม พลันกระชากไปที่คอของเขา

ลู่เป่ยเหยียนที่แบกโม่จวินเจ๋ออยู่ตอบสนองได้ไวมาก รีบย่อตัวลงหลบการโจมตีได้อย่างหวุดหวิด

โครงกระดูกขยับอีกครั้ง ผู่ตานจัดการมอบสุราปราบมารให้มันไปหนึ่งไห

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น โครงกระดูกที่เพิ่งมีเนื้อเน่าขึ้นมาได้ไม่กี่ชิ้นจากการกินคนก็ไม่มีเนื้ออีกแล้ว ควันสีดำกำลังพุ่งออกมาจากกระดูกของมันอย่างรวดเร็ว

ฉ่า… กลิ่นเหม็นลอยขึ้นฟ้า

นี่มันอะไรกัน?!

ผู้บำเพ็ญที่มุงดูต่างพากันประหลาดใจ หากพวกเขามีของแบบนี้ด้วย การจัดการกับพวกมันคงไม่ใช่เรื่องยาก!

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมทางทำให้เงาดำทั้งสามไม่ได้ขยับตัวอย่างชะล่าใจ คนเหล่านั้นต่างถือไหสุราคนละใบแล้วเขย่า คนหนึ่งในนั้นยังเทสุราออกมาเล็กน้อยทาที่ตัวเอง

เมื่อจำได้ว่านั่นคือสุราปราบมาร ผู้บำเพ็ญเมืองฝู่ซางรู้สึกเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก พวกเขาอยากได้แค่ถ้วยเล็ก ๆ สักถ้วยยังต้องต่อคิวรอเลย ตอนนี้กลับถูกทำลายไปอย่างน่าเสียดาย!

“นั่น… หลิงเยว่หรือ?”

ที่นี่แทบทุกคนเคยเห็นภาพวาดของหลิงเยว่มาก่อน เดิมทีที่เธอนอนหมอบอยู่หลังผู่ตาน เผยให้เห็นแค่ครึ่งหน้า พวกเขาไม่ได้สนใจจะเดาว่าเป็นใคร แต่เมื่อสุราปราบมารปรากฏขึ้น ก็ยากที่จะไม่นึกถึงคนที่ทำให้เมืองฝู่ซางปั่นป่วนจนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ ผู้ที่ผลิตสุราปราบมารอย่างหลิงเยว่

ก็มีแต่ตัวเธอเองเท่านั้นที่จะใช้สุราปราบมารได้อย่างฟุ่มเฟือยเช่นนี้ และมีแต่ผู้ที่เป็นสหายของเธอเท่านั้นที่จะทำลายสุราปราบมารได้อย่างน่าเสียดายเช่นกัน

ความคิดแรกของผู้บำเพ็ญเมืองฝู่ซาง ไม่ใช่การรวมตัวกันจับหลิงเยว่ไปรับรางวัลจากหอจี้ซื่อ แต่กลับอยากจะเป็นสหายของนาง!

หากได้เป็นสหายของนาง ก็จะสามารถเล่นสาดสุราปราบมารได้!

แค่คิดก็ตื่นเต้นจนทนไม่ไหวแล้ว!

ทีมเจ็ดคนที่เผชิญหน้ากับสายตาอิจฉาหลายสิบคู่ “?”

ทำไมถึงมองพวกข้าแบบนี้?

หรือว่าอิจฉาที่พวกข้าถูกปีศาจจ้องเล่นงาน?

ติงหลิวหลิ่วทาสุราปราบมารลงบนจุดสำคัญ ไม่ลืมที่จะทาให้อวี้เจินและหลิงเยว่ด้วย แต่เมื่อสุราสัมผัสกับผิวของหลิงเยว่ มันกลับระเหยหายไปในทันที ราวกับไม่ได้ผลอะไรเลย!

ติงหลิวหลิ่วไม่ยอมแพ้ นางเปิดปากหลิงเยว่ แล้วเทสุราลงไป

ไอดำที่คาดไว้ไม่ปรากฏขึ้น ทั้ง ๆ ที่… โครงกระดูกที่ถูกสุราปราบมารราดทั่วร่างนั้นยังล้มลงกับพื้น กรีดร้องอย่างน่าสยดสยอง

“อย่าเปลืองเลย นกตัวนั้นบอกแล้วไงว่าของนี่ใช้กับศิษย์น้องไม่ได้ผล!”

ว่านอวี้เฟิงห้ามติงหลิวหลิ่ว ทำพฤติกรรมสิ้นเปลืองนัก พวกเขามีสุราอยู่เพียงไหเดียว ซึ่งเป็นของสำคัญในการจัดการกับปีศาจ ถ้าใช้จนหมดเกลี้ยง คงได้แต่รอความตายเท่านั้น!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท