ตอนที่ 442 พระทัยจักรพรรดิ
เด็กหนุ่มที่เหมือนบัณฑิตจอหงวนอย่างกับแกะเป็นคนที่องค์หญิงฉางเล่อมอบให้คุณหนูลั่วหรือ
เมื่อวาจานี้หลุดออกมา คนที่มุงดูอยู่ก็ยิ่งครึกครื้นกว่าเดิม
เว่ยเฟิงสีหน้าเปลี่ยน จ้องลั่วเซิงเขม็ง “องค์หญิงฉางเล่อมอบให้ท่านหรือ”
ลั่วเซิงแย้มยิ้ม “หากซื่อจื่อไม่เชื่อ เช่นนั้นก็สามารถส่งคนไปถามที่จวนองค์หญิงได้ ข้าเพิ่งมาจากจวนองค์หญิง ยังไม่ทันกลับไปจวนแม่ทัพใหญ่เลย”
เว่ยเฟิงออกแรงกำหมัด สีหน้าอึมครึมยิ่ง
องค์หญิงฉางเล่อเป็นแก้วตาดวงใจของเสด็จลุง ดึงนางเข้ามาเกี่ยวข้องนั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว
หลินเถิงเอ่ย “กลับศาลาว่าการก่อนค่อยว่ากันเถอะ”
เว่ยเฟิงพยักหน้านิ่งขรึม
คนมุงดูมากมายขนาดนี้ คงไม่อาจเหิมเกริมวิพากษ์วิจารณ์องค์หญิงฉางเล่อได้
“ข้าไม่ไปแล้ว ในหอสุรายังมีสหายรอข้าอยู่” ลั่วเซิงปฏิเสธอย่างหนักแน่น
ท่ามกลางกลุ่มคน เว่ยหานที่กำลังเดินเข้ามาได้ยินวาจานี้ก็ชะงักเท้า โค้งมุมปากขึ้น
เขานึกว่าคุณหนูลั่วจะลืมไปแล้วเสียอีก
เว่ยเฟิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “คุณหนูลั่ว ท่านอย่าทำเกินไปนัก”
ลั่วเซิงโต้กลับอย่างไม่เกรงใจ “ซื่อจื่อ ท่านอย่าได้ไร้เหตุผล คนนั้น องค์หญิงฉางเล่อเป็นผู้มอบให้ หากมีปัญหา เช่นนั้นพวกท่านก็ไปถามองค์หญิงฉางเล่อ เกี่ยวข้องอันใดกับข้าด้วย”
เว่ยเฟิงถูกถามจนนิ่งไป
ลั่วเซิงมองไปทางหลินเถิง “ใต้เท้าหลินคิดว่าอย่างไร”
หลินเถิงค่อยๆ เอ่ยว่า “หากเป็นจริงเฉกเช่นที่คุณหนูลั่วกล่าวมา ก็ไม่เกี่ยวข้องกับคุณหนูลั่วจริงๆ”
ลั่วเซิงยิ้ม “ยังคงเป็นใต้เท้าหลินที่เข้าใจในเหตุผล เช่นนั้นไม่ส่งทุกท่านแล้ว หอสุรายังมีสหายรออยู่”
เว่ยเฟิงยิ้มเยาะ “ไม่สู้คุณหนูลั่วหาข้ออ้างที่ดีกว่านี้สักหน่อย…”
“ข้ออ้างอะไร” เสียงเย็นชาสายหนึ่งลอยมา
ลั่วเซิงได้ยินเสียงก็มองไปแล้วโค้งมุมปาก “ท่านอ๋องมาได้อย่างไร”
เว่ยหานเดินเข้ามา เอ่ยยิ้มๆ “รอนานแล้ว ก็ไม่เห็นเจ้ากลับมาสักที” เอ่ยแล้วก็ส่งสายตาไปทางเว่ยเฟิงแวบหนึ่ง พลางถามเรียบๆ ว่า “เมื่อครู่เจ้าพูดว่าข้ออ้างอะไร”
เว่ยเฟิงตะลึงอ้าปากค้าง
ต่อหน้าธารกำนัล เสด็จอาไคหยางบอกกับทุกคนว่า เขาก็คือสหายที่รอคุณหนูลั่วอยู่คนนั้นอย่างไม่ปิดบังแม้แต่น้อย?
เว่ยหานคร้านจะมองเว่ยเฟิงอีกจึงเอ่ยกับลั่วเซิงว่า “คุณหนูลั่ว ไปเถอะ”
“อืม”
“คุณหนูลั่ว ให้ข้ารับใช้ผู้นี้ของท่าน…ตามข้ากลับไปที่ศาลาว่าการได้หรือไม่“ หลินเถิงชี้ไปที่เฟยหยางพลางถาม
ลั่วเซิงส่ายหน้า ”นั่นไม่ได้ เขาเป็นคนที่องค์หญิงมอบให้ข้า หากองค์หญิงรู้เข้าจะตำหนิข้าได้ ใต้เท้าหลินอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย“
หลินเถิงนิ่งเงียบแวบหนึ่งแล้วพยักหน้า ”เช่นนั้นไม่รบกวนคุณหนูลั่วแล้ว แต่เดี๋ยวอาจจะไปรบกวนบ่อยหน่อย“
เมื่อเห็นหลินเถิงและคนอื่นๆ จากไปแล้ว ลั่วเซิงกับเว่ยหานก็เดินเคียงไหล่ไปยังทิศทางของหอสุรา ทิ้งคนมุงดูกลุ่มหนึ่งที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องความสัมพันธ์ของคุณหนูลั่วกับไคหยางอ๋องอย่างคึกคักเอาไว้
สำหรับการหายตัวไปของท่านหญิงน้อย…แค่กๆ นี่เป็นเรื่องซุบซิบเมื่อวานนี้ ไม่แปลกใหม่แล้ว
ภายในศาลาว่าการกรมยุติธรรม เสนาบดีจ้าวฟังรายงานของหลินเถิง ดื่มชาไปหลายคำติดต่อกัน แล้วก็ไม่พูดอะไร
หลินเถิงรู้ว่านิสัยอ้อมค้อมเดิมๆ ของชายชรากำเริบอีกแล้วจึงรอเงียบๆ
เว่ยเฟิงกลับรอไม่ไหว เอ่ยเร่งว่า “เสนาบดีจ้าว ท่านเอ่ยสักประโยคสิ”
เสนาบดีจ้าวเหลือบตาขึ้น ครู่หนึ่งก็ถอนหายใจ “ยากจะจัดการแล้ว ว่ากันตามหลักการ กรมยุติธรรมไม่มีคุณสมบัติสอดมือเข้าไปยุ่งในเรื่องของเชื้อพระวงศ์“
ทำไมถึงได้ตรวจสอบไปถึงองค์หญิงฉางเล่อได้นะ
“ซื่อจื่อ ท่านกับองค์หญิงฉางเล่อเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ไม่สู้ไปถามตรงๆ?“
เว่ยเฟิงแอบสูดหายใจลึก ข่มความหุนหันที่อยากจะด่าคนเอาไว้ พลางกัดฟันเอ่ยว่า ”องค์หญิงฐานะสูงศักดิ์ ข้าอยากเจอก็ได้เจอเสียที่ไหนกัน“
บุตรหลานตระกูลเว่ยไม่รู้ว่ามีเท่าใด แต่บุตรสาวของเสด็จลุงนั้นมีเพียงคนเดียว
“นี่คือเรื่องภายในครอบครัวของตระกูลโอรสสวรรค์…” เสนาบดีจ้าวลูบเคราครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเห็นสีหน้าเว่ยเฟิงทะมึนขึ้นเรื่อยๆ ก็ถอนหายใจ ถามว่า “ซื่อจื่อสงสัยองค์หญิงฉางเล่อจริงๆ หรือ”
เว่ยเฟิงกำลังจะเอ่ยถึงเด็กหนุ่มที่เหมือนซูเย่าคนนั้น แต่เมื่อมองใบหน้าเหมือนจิ้งจอกเฒ่าแล้ว หัวใจพลันหนักอึ้ง
เสนาบดีจ้าวเตือนได้ถูกต้อง เขาจะดึงองค์หญิงฉางเล่อกับเรื่องน้องสาวหายตัวไปมาเชื่อมโยงกันได้อย่างไร หากเรื่องลอยไปเข้าพระกรรณเสด็จลุง จะเป็นผลดีกับจวนผิงหนานอ๋องได้อย่างไร
เว่ยเฟิงยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นตะลึง เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผาก
เสนาบดีจ้าวเห็นท่าทางเว่ยเฟิงเหมือนจะคิดได้แล้วก็เกลี้ยกล่อมว่า “ซื่อจื่อพาคนไปตามหาอีกครั้งเยอะหน่อยเถอะ หลินเถิงก็สืบต่อไป ไม่แน่ว่าจะสามารถหาท่านหญิงกลับมาได้ในไม่ช้า”
“ขอบคุณเสนาบดีจ้าวที่เตือน ข้าจะพาคนไปหาอีกรอบ” เว่ยเฟิงรีบร้อนจากไป
เสนาบดีจ้าวดื่มชาคำหนึ่ง เอ่ยลากเสียงยาว “หลินเถิงเอ๋ย ตรวจสอบที่ตรอกตาแมวดีแล้วรึยัง บันทึกไว้แล้วใช่ไหม”
“ทางด้านองค์หญิงฉางเล่อ…“
เสนาบดีจ้าววางจอกชาลง พลางเอ่ยเสียงเคร่งขรึม ”หลินเถิงเอ๋ย เจ้าเป็นคนหนุ่มในศาลาว่าการกรมยุติธรรมของพวกเราที่หน้าตาดีที่สุดแล้ว“
หลินเถิงเหลือบตาขึ้นมองอย่างงุนงง
เสนาบดีจ้าวยิ้ม ”หากเจ้าไปจวนองค์หญิงแล้วถูกองค์หญิงฉางเล่อถูกใจขึ้นมา…“
หลินเถิงสีหน้าพลันแข็งค้าง
เสนาบดีจ้าวลุกขึ้น ตบบ่าหลินเถิงแรงๆ ครั้งหนึ่ง ”ใต้หล้าต้องมีคนหน้าตาคล้ายกันอยู่แล้ว จะคิดว่าองค์หญิงฉางเล่อมีความเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของท่านหญิงน้อยเพราะนายบำเรอคนหนึ่งได้อย่างไร ผู้อื่นเป็นครอบครัวเดียวกันนะ“
มีบางวาจาที่ถึงพวกเขาไม่เอ่ยก็ต้องมีคนเอ่ย ถึงตอนนั้นจะสืบหรือไม่สืบและสืบอย่างไร ก็ต้องดูความคิดของเบื้องบนแล้ว
เป็นเฉกเช่นที่เสนาบดีจ้าวคาดการณ์เอาไว้ ข่าวลือเรื่องการหายตัวไปของท่านหญิงน้อยแห่งจวนผิงหนานอ๋องมีความเกี่ยวข้องกับองค์หญิงฉางเล่อนั้นแพร่ไปทั่วอย่างรวดเร็ว
เรื่องเกี่ยวข้องกับองค์หญิง ข่าวจึงลอยไปเข้าพระกรรณของจักรพรรดิหย่งอันในไม่ช้า
จักรพรรดิหย่งอันฟังรายงานจากโจวซานด้วยสีพระพักตร์ไร้ความรู้สึก
“ขุนนางจ้าว หาท่านหญิงน้อยเจอรึยัง”
“ทูลฝ่าบาท ยังหาท่านหญิงน้อยไม่พบพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิหย่งอันตรัสเรียบๆ “รีบหาท่านหญิงน้อยให้เจอ ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว จะได้ไม่วิจารณ์องค์หญิง“
“กระหม่อมน้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีจ้าวรับคำ ใบหน้าเผยความลำบากใจเล็กน้อย
“ทำไมหรือ” จักรพรรดิหย่งอันเหลือบมองอย่างลึกล้ำแวบหนึ่ง
เสนาบดีจ้าวยิ้มแห้ง “ตอนนี้หลินเถิง ผู้ใต้บังคับบัญชาของกระหม่อมกำลังสืบสวนเรื่องการหายตัวไปของท่านหญิงน้อยพ่ะย่ะค่ะ เจ้าเด็กนั่นดื้อดึงไปหน่อย หากได้ยินพระราชโองการสืบสวนคดีแล้ววิ่งไปที่จวนองค์หญิง…”
จักรพรรดิหย่งอันตรัสด้วยน้ำเสียงไร้คลื่นความรู้สึก “ไปก็ถูกแล้ว จะได้คืนความบริสุทธิ์ให้องค์หญิงได้พอดี”
ไปแล้ว จะตัดสินว่าฉางเล่อเป็นคนลักพาตัวท่านหญิงน้อยแห่งจวนผิงหนานอ๋องไปเช่นนั้นหรือ
จักรพรรดิหย่งอันเหลือบมองเสนาบดีจ้าวอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง
เสนาบดีจ้าวไม่มีความสามารถมากมายอะไร แต่ด้านนี้ยังคงทำให้เขาหมดห่วงได้
รอจนเสนาบดีจ้าวจากไปแล้ว จักรพรรดิหย่งอันก็ตรัสเสียงนิ่ง ”เรียกตัวลั่วฉือเข้ามา“
ไม่นานนักแม่ทัพใหญ่ลั่วก็เดินเข้ามาถวายความเคารพ
”ไปตรวจสอบเรื่องของท่านหญิงน้อยและระวังทางกรมยุติธรรมด้วย“
แม่ทัพใหญ่ลั่วรับคำสั่งแล้วถอยออกไป
ภายในห้องทรงพระอักษรเงียบสงบ จักรพรรดิหย่งอันหลับพระเนตรพักผ่อนครู่หนึ่งแล้วลืมพระเนตรเอ่ยว่า ”ไปดูสิว่ากุ้ยเฟยกำลังทำอะไร“
”พ่ะย่ะค่ะ“ โจวซานค้อมกายถอยออกไป เมื่อเดินไปถึงข้างนอกก็ถอนหายใจแผ่วเบา
เมื่อได้รู้ข่าวว่าจักรพรรดิหย่งอันทรงเข้าร่วมด้วย ลั่วเซิงก็ยิ้ม
ก็เหมือนกับที่จักรพรรดิหย่งอันยืมมือจวนผิงหนานอ๋องกำจัดจวนเจิ้นหนานอ๋องทิ้งอย่างชอบด้วยเหตุผล ยามที่การมีตัวตนของจวนผิงหนานอ๋องคุกคามถึงชื่อเสียงขององค์หญิงฉางเล่อ จักรพรรดิหย่งอันจะทรงทำเช่นไรกันนะ
หากบอกว่า ตอนแรกที่สอดมือเข้าไปนั้น อยากจะเห็นว่ามีโอกาสโจมตีจวนผิงหนานอ๋องหรือไม่นั้น หลังจากได้เจอเฟยหยางที่จวนองค์หญิง นางก็มั่นใจแล้วว่าองค์หญิงฉางเล่อมีความเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเว่ยเหวินถึงแปดส่วน
บนโลกใบนี้ ไหนเลยจะมีเรื่องบังเอิญมากมายขนาดนั้นกัน