ตอนที่ 718 ไม่มีการรักหยกถนอมบุปผา[1]
หว่านไป๋เดินอย่างรวดเร็วเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเฉวียนจิ่งด้วยความโกรธ แยกเขาและฉินหลิวซีออกจากกัน จ้องนางด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
นางไม่ชอบเจ้าอาวาสน้อยผู้นี้ ต่อให้อีกฝ่ายช่วยเฉวียนจิ่ง นางก็ไม่ชอบ ตอนนี้ได้ยินฉินหลิวซีสาปแช่งว่าเฉวียนจิ่งจะตายเร็ว ความโกรธนี้ยิ่งปะทุขึ้นมา
“ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง” ฉินหลิวซีมองไปยังเส้นเวรกรรมแรงกล้าที่เชื่อมระหว่างนางและเฉวียนจิ่ง หัวเราะเบาๆ เอ่ยกับเฉวียนจิ่ง “สตรีผู้นี้ไยจึงยังอยู่ที่นี่ ข้าเตือนเจ้าให้รีบส่งนางกลับไป”
สีหน้าหว่านไป๋พลันเปลี่ยน “เจ้าหมายความเช่นไร”
เฉวียนจิ่งเองก็ประหลาดใจ
ความสัมพันธ์ของเขากับฉินหลิวซีคือหมอกับคนไข้ ตลอดหลายวันมานี้นางสนใจเพียงอาการป่วยของตน แต่ก็เพียงเท่านั้น สำหรับคนข้างกายตนจะมีผู้ใดหรือเรื่องใด นางไม่สนใจและไม่เคยเอ่ยแม้เพียงประโยคเดียว
แต่ตอนนี้ฉินหลิวซีเอ่ยปากให้ตนส่งหว่านไป๋กลับไป
“หมายความเช่นไรหรือ ความหมายของข้าคือ หากเจ้ายังอยู่ที่นี่ เจ้าจะทำให้เขาตาย” ฉินหลิวซีเอ่ยราบเรียบ
หว่านไป๋กรีดร้อง “เจ้าเหลวไหล ข้าจะทำให้เขาตายได้อย่างไร หลังจากคุณชายเฉวียนถูกพิษ ข้าคิดหาวิธีถอนพิษของเขามาโดยตลอด จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่เคยหยุด การสร้างความแตกแยกของเจ้านี้หมายความเช่นไร กลัวข้าจะแย่งความดีความชอบของเจ้าหรือ”
ฉินหลิวซีมองนางราวกับมองคนสติไม่ดี เอ่ย “เจ้าเล่นละครเยอะไปแล้ว เกิดมาเป็นนักแสดงหรืออย่างไร”
วุ่นวายเสียจริง
“เจ้า” หว่านไป๋โกรธจนหน้าแดง พลิกฝ่ายมือ สัมผัสปลายนิ้ว
ฉินหลิวซียิ้มตาหยี ก้าวเข้ามาจับข้อมือนางเอาไว้ น้ำเสียงเยือกเย็น “เจ้าคิดจะใช้พิษกับข้าหรือ”
“ข้า” หว่านไป๋ลุกลี้ลุกลน สบกับสายตาเยือกเย็นของนาง เม็ดเหงื่อพลันซึมออกมา นางคาดไม่ถึงว่าฉินหลิวซีจะตอบสนองเร็วเพียงนี้
เฉวียนจิ่งลุกขึ้นมา ขมวดคิ้วพลางก้าวเข้ามา เอ่ย “แม่นางหว่าน เจ้าอาวาสน้อยเป็นหมอหลักที่รักษาข้าในตอนนี้ ขอเจ้าให้เกียรติด้วย”
หว่านไป๋ดวงตาแดงด้วยความน้อยใจ เอ่ย “นางเอ่ยปากดูถูกข้าก่อน ข้าจึงอยากสั่งสอนนางเล็กๆ น้อยๆ เพียงผงคันเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ถึงตาย”
“ไม่ได้มีเพียงเจ้าที่ใช้พิษเป็น ข้าช่วยเขาได้ แน่นอนว่าต้องศึกษาเรื่องพิษ อีกทั้งข้าเป็นหมอแห่งเต๋าที่มีฝีมือ เจ้าใช้วิธีนี้กับข้า สมองเจ้าถูกประตูหนีบแล้วหรืออย่างไร” ฉินหลิวซียื่นมือไปวางตรงหน้านาง ปากร่ายคาถา เอ่ย “เจ้าใช้พิษกับข้า ข้าใช้มนต์คาถากับเจ้า ยุติธรรมมากแล้ว รับรู้ถึงความแออัดของโลกสักนิดเถิด”
รักหยกถนอมบุปผา ไม่มีอยู่หรอก
นางมีเพียงความแค้นต้องชำระ
หว่านไป๋นึกว่าฉินหลิวซีจะใช้ผงคันกับตนเอง แต่นางบอกว่าใช้มนต์คาถา หมายความเช่นไร
นางนึกย้อนไปถึงการเจอกันครั้งแรก ฉินหลิวซีใช้มนต์ปิดปากนาง นางพูดไม่ได้ ในใจพลันหวาดกลัวขึ้นมา
สายตามองไป นางรีบร้อนเอ่ยขึ้น “เจ้าใช้มนต์คาถาใด เจ้า…กรี๊ด ผี กรี๊ดดด”
หว่านไป๋กรีดร้องเสียงแหลมมองไปยังผีหน้าขาวบนกิ่งไม้ เอียงคอลงมา คอแขวนอยู่กับผ้าขาว ลิ้นยาวออกมา แกว่งไปมาอยู่ใต้ต้นไม้
ราวกับตกใจที่หว่านไป๋มองเห็นนาง ยิ้มน่ากลัว ดึงลิ้นออกมาม้วนเล่นอยู่ในมือ
หว่านไป๋ “!”
ดวงตากลอกขึ้น ร่างกายอ่อนยวบลงไป เสียงดัง ตึง ขึ้นมา
เฉวียนจิ่ง “?”
เขามองไปยังทิศทางที่หว่านไป๋มองไปเมื่อครู่ จากนั้นหันมามองฉินหลิวซี เอ่ยถาม “ท่านเจ้าอาวาสน้อย นางเป็นอะไรไปหรือ”
“ไม่เป็นไร เพียงเห็นผีเท่านั้น” ฉินหลิวซีเอ่ยสบายๆ “หากคุณชายเฉวียนเป็นห่วง อยากร่วมสัมผัสความรู้สึก ป่วยไปด้วยกัน ข้าก็ทำให้ท่านเห็นได้”
เฉวียนจิ่งก้าวถอยหลังสองก้าว ยื่มเจื่อน “ไม่ ไม่ต้องแล้ว เจ้ารู้ ร่างกายข้าอ่อนแอ ไม่อาจรับความสะเทือนใจเช่นนี้ได้”
เขาให้เฉวียนอันพาหว่านไป๋ออกไป
เฉวียนอันเรียกองครักษ์มาพาตัวนางออกไป เอ่ยถามฉินหลิวซีด้วยความร้อนใจ “ท่านเจ้าอาวาสน้อย ท่านบอกว่าคุณชายของข้าจะตายเพราะหว่านไป๋หมายความเช่นไรหรือขอรับ”
เอาชีวิตเชียวนะ ฉินหลิวซีมาถึง เอ่ยประโยคแรกบอกว่าคุณชายใกล้ตาย ทำให้เขาตกใจจนอกสั่นขวัญหาย จากนั้นหว่านไป๋มา ยังบอกว่าคุณชายจะต้องตายเพราะนาง ยังไม่ถึงหนึ่งเค่อ เขารู้สึกราวกับท้องฟ้าจะถล่มลงมาทีละชุ่น กดมาถึงศีรษะเขาแล้ว
ตอนนี้เขาคร้านจะสนใจว่าหว่านไป๋จะตาย ถามให้เข้าใจก่อนค่อยว่ากัน
“ข้าดูดวงชะตาของเจ้า มีเวลาอีกไม่นาน จึงมาดู เป็นเช่นนั้นจริง ยามนี้ความตายได้มาถึงเจ้าแล้ว เดิมข้ารู้สึกแปลกใจ เพราะเจ้าผ่านการปรับสมดุลมา ยังกินผลหลิงกั่ว ร่างกายจะต้องดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแน่นอน ไม่ควรจากไปเร็วเพียงนั้นถึงจะถูก”
เฉวียนจิ่งพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นจริงๆ ข้ารู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างน้อยไม่รู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนแรงมากนัก”
“เมื่อครู่ข้าเห็นเส้นเวรกรรมของเจ้ากับหว่านไป๋ มีสีดำเทา หากไม่มีอะไรผิดพลาด เจ้าจะต้องตายเพราะนาง” ฉินหลิวซีขมวดคิ้วเอ่ย
ใบหน้าเฉวียนอันซีดลง “เจ้าบอกว่านางอาจสังหารคุณชายหรือ”
“นางแทบอยากเกิดบนร่างกายของคุณชายเจ้าอยู่แล้ว จะสังหารเขาได้อย่างไร” ฉินหลิวซีกลอกตา เอ่ยตามตรงว่าหว่านไป๋มีใจให้กับเฉวียนจิ่ง เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “แต่บางครั้ง ไม่ตั้งใจสังหารก็คือสังหาร ได้ยินว่าตั้งแต่เจ้าโดนพิษมา ล้วนเป็นนางและหมอทหารเซี่ยดูแลเจ้ามาโดยตลอด สิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ แม้พวกเขาไม่ได้ช่วยเจ้าถอนพิษ แต่ไม่ได้ปล่อยให้เจ้าตาย ถือว่าประคองชีวิตไปได้ นับว่ามีความดีความชอบ ด้วยความเชื่อใจนี้ หากนางนำยาใดมาให้เจ้า ใช้ยาไม่ถูก ร่างกายอ่อนแอของเจ้าก็คงรับไม่ไหวแล้ว”
เฉวียนจิ่งเม้มปาก
ฉินหลิวซีเอ่ยไม่ผิด เขาเชื่อใจหมอทหารเซี่ยและหว่านไป๋ อย่างที่นางบอก ทั้งสองยกยาสิ่งใดมาให้เขาดื่ม เขาจะลังเลหรือ
ไม่มีทาง
เขาเชื่อว่าทั้งสองไม่คิดทำร้ายเขา
แต่หากเป็นการสังหารโดยไม่ตั้งใจ เช่นนั้นก็เพราะเขาโชคร้าย
เฉวียนจิ้งยิ้มออกมา เอ่ย “คิดไม่ถึงว่าชีวิตนี้ท่านยมบาลจะให้ความสำคัญ ไม่ว่าอย่างไร ก็คิดจะเอาชีวิตข้าไป”
เฉวียนอันดวงตาแดงก่ำ “นายน้อย…” เขาเช็ดหางตา เอ่ย “ข้าจะส่งนางกลับไป”
เฉวียนจิ่งยกมือขึ้น เอ่ย “ยังไม่ต้อง อย่างไรหว่านไป๋ก็ดูแลข้าที่ร่างกายอ่อนแอมาไม่น้อย ใช้งานเสร็จก็สะบัดทิ้ง ไม่ใช่นิสัยของตระกูลเฉวียน รอนางฟื้นขึ้นมา ข้าจะเอ่ยกับนาง เจ้าไปเตรียมเงินค่ารักษามากสักหน่อย”
เขามองไปทางฉินหลิวซี เอ่ยถาม “ไม่รู้ว่าท่านเจ้าอาวาสน้อยจะบอกข้าได้หรือไม่ ข้ายังเหลือเวลาอีกกี่วัน ข้าส่งนางกลับไป จะหลีกหนีต่อเคราะห์ครั้งนี้ได้หรือไม่”
“เจ้ายังไม่ต้องรู้จะดีกว่า ส่วนจะหลีกหนีได้หรือไม่ ยังบอกไม่ได้ โบราณว่า ยมบาลต้องการให้เจ้าตายเวลาสามเกิง ไม่มีทางทิ้งเจ้าไว้ถึงเวลาห้าเกิง เป็นโชคไม่ใช่ซวย เป็นซวยเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเมื่อชื่อของเจ้าถูกเขียนเอาไว้ในบันทึกชีวิตและความตายนั่นของเขา จะหนีได้หรือไม่ ต้องดูว่าโอกาสที่จะมีชีวิตรอดที่อยู่กับข้าจะทันเวลาหรือไม่” ฉินหลิวซีเอ่ย “ข้าบอกเจ้า เพียงเตือนเจ้าให้ระวังสักนิด อย่าได้กินอะไรไปเรื่อย เจ้ากำลังมีสัญญาณความโชคร้ายติดตัวอยู่”
เฉวียนจิ่งยิ้มขมขื่น ไม่สู้ท่านไม่เอ่ย ไม่บอกเขาก็จะไม่รู้อะไร แน่นอนว่าทำได้
บอกแล้ว กลับรู้สึกว่ามีมีดง้างรออยู่บนศีรษะ ไม่รู้เมื่อใดมันจะหล่นลงมา
คนมักหวาดกลัวต่อดวงชะตาที่รู้แต่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อใด อย่างเช่นความตาย รู้ว่าเทพแห่งความตายได้หยิบเคียวขึ้นมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเขาจะลงมือเมื่อใด ผู้ใดจะอยู่อย่างสงบได้
เฉวียนจิ่งนึกถึงสิ่งนี้ สายตาที่มองไปยังฉินหลิวซีมีความน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะเงินค่ารักษาเขาไม่เพียงพอหรือ นางจึงโหดเหี้ยมกับเขาเพียงนี้ เขาเพิ่มให้อีกได้หรือไม่
[1] รักหยกถนอมบุปผา คือ การรักและปฏิบัติต่อสตรีอย่างกรุณา