สามีข้าคือขุนนางใหญ่ – บทที่ 804 หลงอีผู้แข็งแกร่ง

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 804 หลงอีผู้แข็งแกร่ง

หลงอีวางร่างของกู้เจียวให้อยู่ในท่าปกติราวกับกำลังจับตุ๊กตา ซ้ำยังใช้มือตบเบาๆ บริเวณผมที่ชี้ฟูออกมาให้เรียบแปล้ด้วย

“หลงอี เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” กู้เจียวถาม

แน่นอนว่าหลงอีไม่ตอบ

ช่างเถอะ เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้ต้องกำจัดวิญญาณทมิฬแสนกวนใจนี่ออกไปก่อน

กู้เจียวชี้นิ้วแล้วสั่งหลงอี “หลงอี เขกกะโหลกเจ้านั่นซะ!”

ในเมื่อนางสู้ไม่ไหว ก็ให้หลงอีสู้แทนแล้วกัน!

วิญญาณทมิฬคาดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนเร็วขนาดนี้ แต่มาคิดๆ ดูอีกที เจ้าหนุ่มนั่นก็หน้าด้านเป็นเดิมทุน ไม่เช่นนั้นคงไม่โดนมันหลอกซ้ำหลอกซ้อน แต่จะว่าไปแล้ว เจ้าคนที่เพิ่งปรากฏตัวนี้เป็นใครกันอีกเนี่ย

หลงอีผู้ซึ่งอยู่ในเครื่องแบบจอมยุทธ์พร้อมหน้ากากผี นอกจากกู้เจียว เซียวเหิงและองค์หญิงซิ่นหยางแล้ว ก็ไม่เคยมีใครได้เห็นหน้าค่าตาเขาอีก

ทว่ารังสีที่แผ่ออกมาจากหลงอีนั้นทำให้วิญญาณทมิฬรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

เขาหรี่ตาลง พลางนึก

นี่มันอะไรกัน

หรือว่า อีกฝ่ายจะเป็นทหารหน่วยกล้าตายเหมือนกันรึ

หลงอีไม่ขยับแม้แต่นิด

เขาเอียงศีรษะและมองกู้เจียวอย่างสงสัย จากนั้นยื่นมือออกแล้วบีบเข้าไปที่พวงแก้มของนาง

กู้เจียวตกใจจนอ้าปากค้าง “จ้า (เจ้า) จา (จะ) ทา (ทำ) อารา (อะไร) น่ะ”

หลงอีจ้องเขม็งไปที่ลำคอของกู้เจียว

คราวนี้กู้เจียวเริ่มเข้าใจแล้ว หลงอีไม่เคยได้ยินเสียงที่ดัดเป็นเสียงชายหนุ่มของนางมาก่อนนี่เอง

เพื่อไม่ให้ตัวตนของนางถูกเปิดเผยที่แคว้นเยี่ยน

เขาคงคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับคอของนาง

หลงอีหันมองซ้ายมองขวา จนแก้มของกู้เจียวเริ่มไร้ความรู้สึก ปากก็หุบไม่ลง “ข้า ม่า(ไม่) ปา(เป็น)อารา (อะไร) จ่า (จัด) กา (การ) จ้า (เจ้า) น่า (นั่น) ก่า (ก่อน)”

ให้เกียรติศัตรูเจ้าบ้างก็ดีนะ

นั่นวิญญาณทมิฬเชียวนะ นักฆ่ามือฉมังแห่งหกแคว้น

รังสีอำมหิตออกจะแรงกล้าขนาดนี้ เจ้าไม่เห็นศัตรูอยู่ในสายตาบ้างเลยเรอะ

“เจ้าเป็นใคร” วิญญาณทมิฬถามหลงอี

กู้เจียววางมือของหลงอีลง ก่อนเข้าจะหันไปทางอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เย็นชา

กู้เจียวโผล่หัวมาจากทางด้านหลังหลงอี ก่อนจะตะโกนตอบกลับไปว่า “พ่อเจ้าไงล่ะ!”

วิญญาณทมิฬ “…”

เขาไม่สนใจคำพูดของเด็กน้อย ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของหลงอีอีกครั้ง “ไยข้าถึงรู้สึกคุ้นเคยเช่นนี้ ราวกับเคยเจอกันที่ไหนสักแห่งมาก่อน แต่ในเมื่อเจ้าไม่ตอบข้า ข้าขอเป็นผู้หาคำตอบเองก็แล้วกัน!”

เอ่ยจบ วิญญาณทมิฬก็พุ่งฝ่ามือใส่หลงอีทันที

ทหารหลงอิ่งจากแคว้นเจาพกดาบยาวกันทุกคน หลงอีก็เช่นกัน

มือข้างหนึ่งของหลงอีขยับขึ้นทันทีพร้อมกับชักดาบแล้วกระโดดขึ้นฟ้า จากนั้นโต้กำลังภายในของอีกฝ่ายกลับด้วยท่าหลังมือ ก่อนจะกลับลงมายืนที่เดิมแล้วปักดาบที่อยู่ในปลอกลงบนพื้นหิน ยืนนิ่งเป็นเกราะกำบังให้กู้เจียว

ราวกับเขาได้สร้างอาณาเขตเป็นที่เรียบร้อย ผู้ใดรุกล้ำเท่ากับตายสถานเดียว!

วิญญาณทมิฬมองไปที่ดาบยาวและปลอกดาบที่ปักเข้าไปในพื้นหินโดยตรง เขารู้สึกแปลกใจที่ปลอกดาบทื่อๆ นั้นสามรถปักลงไปบนพื้นได้

ต้องใช้แรงอย่างมหาศาลจึงจะทำเช่นนั้นได้

เขาหรี่ตาลงพร้อมกับเอ่ยท้าหลงอี “มาดูกันว่าเจ้าจะเก่งขนาดไหน!”

ขณะเดียวกัน เจ้าเฮยเฟิงก็วิ่งเข้ามาหากู้เจียว ก่อนจะดมกลิ่นสำรวจ

“ข้าไม่ได้บาดเจ็บเลย” กู้เจียวเอ่ยพร้อมกับลูบหัวของเจ้าเฮยเฟิง ถึงแม้ขาขวาจะพลิกนิดหน่อยก็เถอะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

หนึ่งคนและหนึ่งม้ามองดูการต่อสู้อย่างเงียบๆ

ปรมาจารย์ที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องมีการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนและพร่ำเพื่อ โดยเฉพาะผู้ที่มักได้รับมอบหมายภารกิจให้ฆ่าคน ทุกการเคลื่อนไหวนั้นเรียบง่ายและซื่อตรง เข้าถึงจุดสำคัญโดยตรง

หลงอีถนัดใช้หมัด ขณะที่วิญญาณทมิฬถนัดฝ่ามือ หลงอีเล็งหมัดไปที่หน้าอกของอีกฝ่าย แน่นอนว่าลำพังแรงของหลงอีสามารถทำให้หัวใจของอีกฝ่ายหยุดทำงานได้ทันที

ทว่าวิญญาณทมิฬไม่ยอมให้หลงอีได้ใจไปง่ายๆ เขายกฝ่ามือขึ้นเพื่อป้องกันหมัดของหลงอี

แต่เขาประเมินแรงของหลงอีต่ำไป แรงของหลงอีทำเอาเขาเขาถอยหลังไปเกือบหลายสิบก้าว จนพื้นรองเท้าของเขาเสียดสีกับพื้นถนนจนแทบจะลุกเป็นไฟ

วิญญาณทมิฬจำต้องล่าถอยไปที่ทางเข้าตรอก ก่อนจะพยายามใช้กำลังภายในถีบตัวให้ลอยขึ้นข้ามหัวอีกฝ่ายและหวังจะโจมตีจากทางด้านหลัง

หลงอีหันไปปล่อยหมัดอย่างรวดเร็ว!

จนร่างของวิญญาณทมิฬกระเด็นออกไป!

กู้เจียว “โอ้โห!”

ขณะที่ร่างของวิญญาณทมิฬเกือบชนเข้ากับกำแพง เขาก็รีบใช้มือคว้าเสาชายคาไว้ ม้วนตลบอยู่หลายครั้งเพื่อต้านแรงอันมหาศาล

ก่อนที่ร่างของเขาจะร่อนลงไปบนหลังคาอย่างมั่นคง

เขาหรี่ตามองหลงอีด้วยสายตาเหลือเชื่อ

แม้เมื่อครู่นี้เขาจะใช้กำลังของเขาแทบไม่ถึงร้อยละห้าสิบของกำลังทั้งหมดที่มี แต่การต่อสู้ทุกครั้งที่ผ่านมาเขาใช้กำลังเพียงแค่ร้อยละสามสิบเท่านั้น

นี่เป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปีที่มีคนสามารถชกเขาจนกระเด็นออกไปได้ขนาดนี้

“เจ้าเป็นใครกันแน่” เขาถามด้วยน้ำเสียงอาฆาต

ยิ่งได้ประลองฝีมือด้วยกันเท่าไหร่ วิญญาณทมิฬก็ยิ่งสนใจหลงอีมากขึ้นเท่านั้น

ในฐานะปรมาจารย์ นอกเหนือจากการพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังต้องศึกษาคู่ต่อสู้ที่แตกต่างกันด้วย

หลงอีไม่ตอบคำถามของเขา

ในแคว้นทั้งหก มีเพียงแค่ทหารหลงอิ่งของแคว้นเจาเท่านั้นที่ถูกฝึกให้ห้ามพูด ทหารหน่วยกล้าตายที่อื่นไม่มีลักษณะพิเศษเช่นนี้

ดังนั้นวิญญาณทมิฬจึงมองว่าที่อีกฝ่ายไม่ตอบคงเพราะเหนื่อยหน่ายที่จะสนใจ

และรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเสียมารยาทอยู่

กู้เจียวที่กำลังนั่งอยู่บนหลังม้าก็เงยหน้าขึ้นไปมองวิญญาณทมิฬที่อยู่บนหลังคา พร้อมกับลั่นเสียงหัวเราะดังๆ “นี่ เจ้าวิญญาณทมิฬอะไรนั่น ไม่สู้ต่อแล้วเรอะ คงกลัวสินะ ลงมาขอขมาพ่อเจ้าดีๆ เถอะ แล้วยอมแพ้เสีย แล้วข้าจะพิจารณาให้เจ้าจากไปอย่างสบาย!”

วิญญาณทมิฬแสยะใส่กู้เจียว “เจ้าหนุ่ม พูดจาสามหาวดีนี่ ข้าใช้พลังไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ คิดหรือว่าสหายของเจ้าจะสู้คนอย่างข้าได้น่ะ”

กู้เจียวเลิกคิ้ว “คนอย่างเจ้ารึ หึ ตัวเล็กแค่นี้แต่ปากเก่งไม่เบาเลยนะ”

นี่เป็นประโยคที่วิญญาณทมิฬเพิ่งเหน็บแนวกู้เจียวไปหมาดๆ

ถึงคราวกู้เจียวเอาคืนบ้าง

“เจ้าหนุ่ม อย่าได้ใจไปนัก หลังจากจัดการกับเขาเสร็จแล้ว ข้าจะมาจัดการเจ้าต่อ!” วิญญาณทมิฬกล่าว

กู้เจียวหันไปขอความช่วยเหลือจากหลงอี “ฮือ หลงอี เจ้านั่นมันขู่ข้า”

วิญญาณทมิฬ “…”

ดวงตาของหลงอีฉายแววเย็นเยียบ เขากระทืบพื้นด้วยส้นเท้า แล้วรีบพุ่งไปหาวิญญาณทมิฬบนหลังคา!

คราวนี้ วิญญาณทมิฬจะไม่ออมแรงแบบครั้งก่อนอีกแล้ว เขาดึงพลังของตัวเองออกมาจนเกือบสุด

พวกเขาทั้งสองต่อสู้จากหลังคาสู่ตรอก และจากตรอกขึ้นไปบนหลังคา

โชคดีที่นี่เป็นถนนสายเก่าที่ไม่มีคนอยู่อาศัยมาเป็นเวลานาน ไม่เช่นนั้น การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้อาจทำให้ชาวบ้านแตกตื่นได้

ยิ่งต่อสู้มากเท่าไร วิญญาณทมิฬก็ยิ่งรู้สึกแปลกมากขึ้นเท่านั้น เหตุใดถึงคุ้นเคยขนาดนี้นะ

หรือว่า พวกเขาเคยประลองฝีมือกันมาก่อน

แต่เหตุใดเขาถึงจำคนคนนี้ไม่ได้เลยล่ะ

กู้เจียวเฝ้าดูการต่อสู้อย่างระมัดระวัง “…สูสีกันน่าดู แต่หลงอีแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด ลมหายใจของเขาค่อนข้างมั่นคงมาก ขณะที่จังหวะหายใจของวิญญาณทมิฬนั้นไม่นิ่ง สมกับเป็นหลงอีจริงๆ…”

และเป็นอีกครั้งที่วิญญาณทมิฬโดนหมัดของหลงอี แต่หลงอีเองก็โดนฝ่ามือของอีกฝ่ายเล่นงานครึ่งหนึ่งเช่นกัน ที่บอกว่าครึ่งหนึ่งนั่นเป็นเพราะหลงอีกระโดดหลบได้

แต่การเผชิญหน้าครั้งนี้ไม่ได้ไร้ผลเสียทีเดียว

ทันใดนั้น แขนเสื้อของหลงอีเกิดขาดจนมีอะไรบางอย่างสีดำเล็กๆ ตกลงมา

“นี่มัน…” วิญญาณทมิฬรีบคว้าสิ่งนั้นขึ้นมาแล้วเพ่งพินิจด้วยสีหน้าตกตะลึง

หลงอีรีบเตะหลังมือของเขาแล้วกระแทกแหวนหยกขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะคว้าแล้วใส่กลับเข้าไปในแขนของเขาตามเดิม

วิญญาณทมิฬเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่ากระดูกมือของเขาหักจากการถูกหลงอีเตะ ความสนใจของเขาอยู่ที่แหวนนั้นเพียงสิ่งเดียว “แหวนหยกนี้ เจ้าได้มาจากไหน เจ้าของแหวนนี้อยู่ที่ใด”

คำตอบที่ได้รับจากหลงอีคือหมัดหนักๆ หนึ่งชุด

วิญญาณทมิฬมองหลงอีอย่างจดจ่อ ก่อนตัดสินใจอย่างกล้าหาญโดยการรับลูกหมัดของหลงอีเข้าอย่างจัง

เขายื่นมืออกไปเพื่อถอดหน้ากากของหลงอีออกในขณะที่สะบักของเขาเกือบจะแตก

ทันใดนั้น ลมหายใจของเขาก็พลันหยุดนิ่งเมื่อได้เจอกับใบหน้าคุ้นเคยแต่ดูโตขึ้นกว่าในความทรงจำของเขาไปมาก

ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ ก่อนที่ร่างของเขาจะล้มลง

“ปะ เป็นไปได้อย่างไร…”

เขาคือ พิฆาตเวหา!

เป็นไปไม่ได้…

เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

พิฆาตเวหาหายตัวไปเมื่อยี่สิบปีก่อน จากที่เขาได้ยินมา พิฆาตเวหาอาจตายแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางที่ข่าวจะเงียบเป็นเวลานานขนาดนี้

แต่ถ้าเขาผู้นี้ไม่ใช่พิฆาตเวหา เหตุใดถึงมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกันเพียงนี้

ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือความละอ่อนเยาว์วัยบนใบหน้า

มิน่าเขาถึงได้รู้สึกคุ้นเคยในตอนแรก

พิฆาตเวหา!

พิฆาตเวหากลับมาแล้ว!

แต่เหตุใดเขาถึงไปอยู่กับพวกแคว้นเจาได้

และเหตุใด นัยน์ตาของพิฆาตเวหาจึงไม่มีแววของความบ้าคลั่งและรังสีอำมหิตเฉกเช่นอดีต

ทันใดนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวเขา

‘ถ้าเจ้าเห็นชายหนุ่มที่มีดวงตาสีแดงเลือดคู่หนึ่ง ระลึกไว้ว่าคนคนนั้นก็คือพิฆาตเวหา เขาไม่มีความเป็นมนุษย์และไม่มีจุดอ่อน สัญชาตญาณเดียวที่เขามี คือการฆ่าคน!’

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม!

จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้เจียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล

แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เซียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ

เพราะบุญคุณเซียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ

แต่เพราะ ‘ฝันบอกเหตุ’ ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนใหม่ได้รู้ว่าเซียวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในอนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก

เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ายทั้งหลายเพื่อประคองเขาขึ้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท