ตอนที่ 248 จิตใจหวั่นไหว
การขอร้องของไต้เจ๋อเหนือความคาดหมายของซินโย่ว แต่พอมาคิด นี่คือเรื่องที่เขาน่าจะกระทำ
ชายหนุ่มที่เคยเสวนากับนางหลายครั้งผู้นี้ มีนิสัยเหิมเกริมแบบคุณชายเสเพลทั่วไป มีเพียงนิสัยของตัวเขาเองแท้จริงที่บริสุทธิ์
‘บันทึกตะวันตก’ มีสิบเล่มจริง ตอนแรกชิ่งอ๋องต้องการหาเรื่องนาง เอ่ยขอต้นฉบับอีกแปดเล่มที่ยังไม่ออกวางขาย ต้นฉบับแปดเล่มถูกไต้เจ๋อนำกลับมาคืนถึงมือนาง
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเงียบรอ ซินโย่วพยักหน้าเล็กน้อย “ได้”
นางเล่าเรื่องตั้งแต่เล่มสามคร่าวๆ จนกระทั่งตอนจบ “…สุดท้ายพวกเขาผ่านด่านยากลำบากมาแปดสิบเอ็ดด่าน ก็ได้พบกับพระยูไล ได้เป็นเทพแท้จริง ห่วงทองคำบนศีรษะซุนหงอคงก็ได้รับการปลดออก”
“ห่วงทองคำบนศีรษะได้รับการปลดออก ดีจริง…” ไต้เจ๋อพึมพำ “จุดจบเช่นนี้ดีจริง…”
ซินโย่วนิ่งเงียบฟัง ในใจยากทนรับไหว
องครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งเข้ามาเอ่ยเตือน “ได้เวลาออกเดินทางแล้ว”
ไต้เจ๋อมององครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินทีหนึ่งก่อนมองไปทางซินโย่ว “คุณหนูโค่ว เช่นนั้นข้าไปละ”
ซินโย่วสบตากับเขา แววตาเปิดเผยยิ่ง “คุณชายไต้ เดินทางโดยสวัสดิภาพ”
นางไม่มีความรู้สึกผิดต่อไต้เจ๋อ จวนกู้ชางป๋อต้องตกในสภาพเช่นนี้ ก็เพียงเพราะเหตุวันนี้มาจากผลวันวานเท่านั้น
ทหารประจำคุกเข้ามาเปิดประตูคุก องครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายนำไต้เจ๋อใส่กุญแจมือ นำตัวออกไป
ไต้เจ๋อเป็นบุคคลสำคัญที่ถูกเนรเทศชุดนี้ เจ้าหน้าที่ที่คุมตัวเขาไปย่อมมิใช่เจ้าหน้าที่ทั่วไป แต่เป็นกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน
ไต้เจ๋อเดินออกมา ก็มองออกไปไกลทีหนึ่ง ก่อนจะหายลับไปที่หัวโค้ง
ซินโย่วเดินออกมา ก็เห็นเฮ่อชิงเซียวยืนอยู่ใต้ต้นไม้
ทั้งสองคนไม่ได้พบกันหลายวัน ยามทั้งสองประสานสายตากัน เฮ่อชิงเซียวก็ก้าวเข้ามา
“คุณหนูโค่วสุขภาพฟื้นคืนดังเดิมแล้วหรือ”
“ดีขึ้นพอสมควรแล้วเจ้าค่ะ” ซินโย่วมองเฮ่อชิงเซียวอย่างละเอียดทีหนึ่ง
เขาผอมกว่าตอนก่อนไปจากเมืองหลวงเล็กน้อย
แต่ในสายตาเฮ่อชิงเซียว นางซูบผอมกว่าเมื่อก่อนมาก
“ข้าได้ยินว่า คุณหนูโค่วกลับไปอยู่จวนรองเจ้ากรมแล้ว” เฮ่อชิงเซียวพูดไปก็เดินไปอีกทาง
หลังจากเขากลับมาเมืองหลวง ด้วยสถานะและคดีทำให้ไม่อาจมาพบคุณหนูโค่วได้ แต่คอยใส่ใจความเคลื่อนไหวของนางเสมอ
ซินโย่วยกชายกระโปรงตามไป “อืม กลับไปจวนรองเจ้ากรมแล้ว”
ด้านหน้ามีศาลารับลม รอบข้างเปิดโล่ง เป็นสถานที่เหมาะแก่การพูดคุย
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในศาลาลงนั่งตรงข้ามกัน ทหารองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งนำน้ำชาเข้ามาแล้วก็เดินออกไปยืนไกลๆ
เซียวเหลิ่งสือถูกโบยและปลดจากตำแหน่ง สร้างบารมีให้สำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือไม่น้อย สยบบรรดาคนที่ไม่พอใจเฮ่อชิงเซียว ตอนนี้เฮ่อชิงเซียวกุมอำนาจในสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือยิ่งเข้มแข็งกว่าเดิม ไม่ต้องเป็นห่วงว่าการพบปะกันของทั้งสองคนจะแพร่ออกไป
สายลมแผ่วเบาพัดเข้ามาในศาลา พัดเสื้อของทั้งสองให้พลิ้วสะบัด
เฮ่อชิงเซียวใช้น้ำชาแทนสุรา ยกแก้วชาขึ้นเอ่ยว่า “ขออภัย ทำให้คุณหนูโค่วได้รับบาดเจ็บ”
ซินโย่วยิ้มกล่าวว่า “ใต้เท้าเฮ่อไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ไม่เกี่ยวกับท่านเจ้าค่ะ”
“แม้คุณหนูโค่วรู้สึกว่าไม่เกี่ยวกับข้า แต่ข้ากลับไม่อาจคิดเช่นนี้ เซียวเหลิ่งสือไม่ถูกกับข้ามาตลอด เขาพลันมารับหน้าที่ดูแลสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ ลงทัณฑ์คุณหนูโค่วก็เพราะรีบเร่งสร้างความชอบ คิดอยากครองตำแหน่งข้า…” มองดูแววตานิ่งสงบของสาวน้อย เฮ่อชิงเซียวก็พลันพูดต่อไปไม่ออก
ความเสียใจ นึกตำหนิตนเองและความปวดใจของเขา จะว่าไปก็เป็นเพราะเขาไม่ควบคุมจิตใจตนเอง เกิดความรู้สึกที่ไม่ควรเกิด
เกินความผูกพันที่มีต่อสหาย
ความรู้สึกไม่คุ้นเคยนี้ แต่ไรมาเขาไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวมาก่อน ทำให้เขาไม่รู้ควรทำเช่นไร
“หากใต้เท้าเฮ่อรู้สึกขอโทษ วันหน้าก็เลี้ยงอาหารข้าก็แล้วกัน ข้าอยากกินเป็ดหนังกรอบจิ้มน้ำซีอิ๊วหวานในเมืองหลวงมีหรือไม่” ซินโย่วไม่อยากให้เฮ่อชิงเซียวนรู้สึกผิดในใจ จึงยิ้มถามเขา
ใต้เท้าเฮ่อไม่มีเงินไปใช้จ่ายยามว่างที่ร้านอาหารใหญ่ ยามนี้ถูกถามจนพูดไม่ออก
หลังจากเก้กังครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยด้วยท่าทีสงบนิ่งว่า “น้ากุ้ยทำเป็ดหนังกรอบอร่อยกว่าร้านข้างนอก ไว้กลับไปข้าให้น้ากุ้ยทำ เชิญคุณหนูโค่วไปชิม”
“ได้สิ”
เฮ่อชิงเซียวมองดูสาวน้อยอ่อนโยนสงบนิ่งก็ถามว่า “คุณหนูโค่วกลับไปอยู่จวนรองเจ้ากรม มีแผนการอย่างไรต่อหรือ”
ซินโย่วหลุบตาลง สายตาจ้องมองในแก้ว
ใบชาสีเขียวมรกตคลี่ใบอยู่กลางน้ำ มีบางยอดห่อใบ บางยอดคลี่ใบ
จวนกู้ชางป๋อพลันดังฟ้าถล่มดินทลาย พระสนมซูเฟยได้รับพระราชทานความตาย ชิ่งอ๋องถูกปลดเป็นสามัญชนและกักตัวไว้ ผลเช่นนี้ทำให้ความเจ็บปวดของนางนับตั้งแต่มารดาประสบเหตุที่ไม่เคยหยุดเจ็บปวดก็พลันสงบลงมาก
ท่านแม่ไม่อาจกลับคืนมาอีกแล้ว จากนี้ไปคนผู้นั้นจัดการกับเรื่องงานศพของท่านแม่ด้วยตนเองอย่างไร สำหรับนางแล้วก็ล้วนไร้ความหมาย
บางทีนางเองก็เลือกไปจากเมืองหลวง?
“แค่เหนื่อยเล็กน้อย อยากพักผ่อนสักครู่” เพราะในใจเริ่มหวั่นไหว ซินโย่วจึงได้ตอบเช่นนี้
มองออกว่าซินโย่วคิดปิดบัง เฮ่อชิงเซียวก็ไม่คิดถามต่อ แต่หลังจากลังเลเล็กน้อยก็เลือกที่จะบอกข่าวที่เขาได้มากับนาง “โจวหนิงเยวี่ยบุตรสาวโจวทง นางจี้ซื่อพี่สาวโจวทงและบุตรสาวจี้ไฉ่หลัน ก็พลอยได้รับผลกระทบจากโจวทงถูกส่งไปเป็นทาสหลวง…”
ซินโย่วสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
หลายวันนี้ความสนใจนางอยู่ที่ว่าคนผู้นั้นจะจัดการลงโทษพระสนมซูเฟยสองแม่ลูกกับจวนกู้ชางป๋ออย่างไร คิดไม่ถึงว่าโจวหนิงเยวี่ยที่กลายเป็นเด็กกำพร้าไปแล้วยังพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย
โจวหนิงเยวี่ยอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ครึ่งปีมานี้พวกนางไม่ค่อยได้พบกัน แต่ได้พบกับจี้ไฉ่หลันอยู่บ้าง ได้ยินเรื่องโจวหนิงเยวี่ยจากคำบอกของจี้ไฉ่หลัน
“ตอนนี้พวกนางเป็นอย่างไรบ้าง”
“เจ้าหน้าที่ทางการไปอย่างกะทันหัน พวกนางไม่ทันได้ทำอันใดก็ถูกนำตัวไปแล้ว ตอนนี้ยังไม่ถึงส่งไปเป็นทาสหลวง ถูกนำไปกักตัวไปรวมกันรอการจัดการต่อไป”
ซินโย่วจึงได้โล่งใจ
บรรดาผู้หญิงในครอบครัวขุนนางที่ถูกส่งไปเป็นทาสหลวง เพราะผู้ชายทำผิด บางคนทนรับไม่ไหว ปลิดชีวิตตนเองตายไปก็ไม่น้อย ฟังจากใต้เท้าเฮ่อ เรื่องนี้เหมือนพอมีทางเปลี่ยนแปลงได้ ขอเพียงคนยังอยู่ก็พอ
ดังคาดเฮ่อชิงเซียวเอ่ยว่า “พวกนางมีความผิดไม่หนักมาก แม้ไม่อาจคืนสู่สภาพสามัญชนดังเดิม แต่จัดการสักหน่อยก็รับมาเป็นทาสในเรือนได้…”
ทาสในเรือนแม้เป็นบ่าวรับใช้ แต่กลับดีกว่าต้องเข้าไปอยู่สำนักสังคีตสร้างความบันเทิงเหล่านั้นมากนัก บ่าวในจวนแม้เป็นเพียงบ่าวรับใช้ แต่ก็ดีกว่าเข้าไปอยู่ในสำนักการสังคีตมากนัก
ซินโย่วไม่ลังเล ย่อกายคำนับเฮ่อชิงเซียวทีหนึ่ง “ขอใต้เท้าเฮ่อช่วยข้าจัดการสักหน่อย ซื้อพวกนางเป็นทาสในเรือน”
เฮ่อชิงเซียวย่อมรับปาก ลุกขึ้นไปส่ง “คุณหนูโค่ว ผอมลงไม่น้อย ควรกลับไปพักผ่อนให้ดีสักระยะหนึ่งก่อน”
พอซินโย่วออกไปแล้ว เฮ่อชิงเซียวก็กลับจวนฉางเล่อโหวก่อน
“ท่านโหว เหตุใดกลับมายามนี้เจ้าคะ” เห็นเฮ่อชิงเซียว น้ากุ้ยก็รู้สึกแปลกใจระคนตกใจ
ตั้งแต่กลับเมืองหลวงมา ท่านโหวก็ยุ่งมาก จนกระทั่งคดีจบลงจึงดีขึ้นหน่อย แต่กลับมาแต่หัววันเช่นนี้นับว่าเป็นครั้งแรก
เฮ่อชิงเซียวมองน้ากุ้ยทีหนึ่ง “น้ากุ้ยร้องไห้หรือ”
เดิมน้ากุ้ยปิดบังได้ดีมาก แต่พอถูกเฮ่อชิงเซียวถามเช่นนี้ น้ำตาก็ร่วงรินออกมา
ตอนนี้เมืองหลวงไม่มีคนไม่รู้ว่าฮองเฮาที่หายสาบสูญไปหลายปีถูกกู้ชางป๋อสังหาร น้ากุ้ยเองก็ย่อมรู้
ฮองเฮาตายแล้ว น้องสาวนางตายแล้ว บรรดาคนที่สนิทกับนางลึกซึ้งล้วนตายหมดแล้ว
พอคิดถึงเรื่องพวกนี้ ก็รู้สึกปวดใจดังถูกค้อนทุบ
“ในความคิดบ่าว ฮองเฮาเป็นดังเทพเซียน เหตุใดจึงได้…”
“น้ากุ้ยโปรดระงับความเศร้า” เฮ่อชิงเซียวปลอบใจน้ำเสียงอ่อนโยน
น้ากุ้ยเช็ดน้ำตา ยิ้มให้เฮ่อชิงเซียว กล่าวว่า “ดูข้าสิ พูดเรื่องพวกนี้กับท่านโหวทำไมกัน ท่านโหวกลับมามีธุระหรือ”
ตอนนี้รู้สึกว่าให้น้ากุ้ยมีงานทำเป็นเรื่องดีกว่า เฮ่อชิงเซียวถามขึ้นว่า “น้ากุ้ยทำเป็ดหนังกรอบเป็นไหม”
“เป็ดหนังกรอบ?” น้ากุ้ยไม่คิดว่าเฮ่อชิงเซียวจะถามเช่นนี้ “บ่าวทำไม่เป็นเจ้าค่ะ”