ตอนที่ 249 มีเงื่อนงำ
เฮ่อชิงเซียวนิ่งอึ้งไปทันที
ไม่มีอาหารเลิศรสที่น้ากุ้ยทำไม่เป็น แต่ทำเป็ดหนังกรอบไม่เป็น?
น้ากุ้ยไม่ค่อยได้เห็นอาการเก็บสีหน้าไม่อยู่ของเฮ่อชิงเซียวมากนัก แต่ไรมาเด็กคนนี้ไม่เคยละโมบเรื่องการกิน การที่นางทำเป็ดหนังกรอบไม่เป็น จำเป็นต้องเคร่งเครียดเพียงนี้หรือ…
น้ากุ้ยพลันคาดเดาขึ้นมาได้ในบัดดล หรือว่าคุณหนูโค่วชอบกินเป็ดหนังกรอบ!
“บ่าวทำเป็ดเป็นหลายแบบ คิดว่าเป็ดหนังกรอบก็คงไม่ยาก ท่านโหววางใจ ไว้บ่าวจะลองไปชิมร้านที่ทำเป็ดหนังกรอบอร่อยดู ย่อมต้องทำได้อร่อยกว่าร้านข้างนอกเป็นแน่”
“เช่นนั้นก็รบกวนน้ากุ้ยแล้ว” เฮ่อชิงเซียวโล่งอก
หากเขาคุยโวกับคุณหนูโค่วครั้งแรกก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า เช่นนั้นก็คงไม่รู้จะต้องทำอย่างไรต่อแล้ว
กลับถึงที่ทำการ เฮ่อชิงเซียวให้ลูกน้องที่ไปไถ่ตัวพวกโจวหนิงเยวี่ยเข้ามารายงาน
“ใต้เท้า เกิดเหตุนิดหน่อย”
“เกิดเหตุอันใด”
“โจวซื่อพี่สาวโจวทงอยู่ๆ เกิดเสียสติขึ้นมา สำลักเสมหะติดคอตาย”
เฮ่อชิงเซียวสีหน้านิ่งเรียบไร้ความรู้สึก “โจวหนิงเยวี่ยกับจี้ไฉ่หลันล่ะ”
“นางทั้งสองคนยังสบายดีอยู่ ข้าน้อยจัดการเรียบร้อยแล้ว” เอ่ยถึงตรงนี้ ลูกน้องก็ลังเลเล็กน้อย “มีเรื่องหนึ่งต้องรายงานใต้เท้า”
“ว่ามา”
“เจ้าหน้าที่ดูแลสำนักการสังคีตบอกว่า วันนี้มีคนต้องการซื้อโจวหนิงเยวี่ยกับจี้ไฉ่หลัน”
“ผู้ใด?” เฮ่อชิงเซียวขมวดคิ้วไม่รู้ตัว
คนที่ยังไม่ได้ถูกส่งเข้าไปในทาสหลวง มีชื่อในรายชื่อ ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านซื้อตัว หากเป็นจวนขุนนางซื้อตัวไปก็ย่อมลงบันทึกไว้เรียบร้อย และคอยติดตามเป็นระยะ ป้องกันมิตรสหายที่สนิทกับขุนนางที่ทำผิดมาซื้อตัวไป เพราะเห็นอยู่ว่าเป็นทาส แต่กลับมีชีวิตดังสตรีสูงศักดิ์ ก็จะทำให้ความน่ายำเกรงของการลงโทษลดทอนลง
“จู่ซื่อ[1]ท่านหนึ่งจากกรมขุนนาง แซ่ถง…”
งานสายสืบเป็นงานถนัดของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน เฮ่อชิงเซียวฟังลูกน้องรายงานจบ ก็รู้เรื่องราวเกี่ยวกับสภาพครอบครัวและสถานะในแวดวงขุนนางของจู่ซื่อแซ่ถงผู้นี้
เฮ่อชิงเซียวเริ่มรู้สึกผิดปกติ
ฝ่ายหญิงในตระกูลถูกส่งไปสำนักการสังคีต ส่วนใหญ่ทำความผิดมหันต์ ผู้ที่ยินยอมไถ่ตัวหญิงเหล่านี้ออกไป ปกติก็ต้องเป็นคนที่สนิทกันมาก คนส่วนใหญ่เกรงว่าจะนำภัยมาสู่ตัว แทบจะหลบให้ไกล
ปกติโจวทงปฏิบัติหน้าที่นอกเมืองหลวง เพิ่งได้ย้ายกลับมาเมืองหลวงไม่นานก็ตาย จะไปมีสายสัมพันธ์กับจู่ซื่อกรมขุนนางที่มิใช่ญาติมิตรถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
“สืบความสัมพันธ์เบื้องลึกของถงจู่ซื่อกับโจวทง”
เฮ่อชิงเซียวสั่งการลงไป ทำงานเสร็จก็กลับจวนฉางเล่อโหว ค่ำนั้นก็ได้กินอาหารที่น้ากุ้ยทดลองทำ …เป็ดหนังกรอบ
“นี่คือที่ซื้อมาจากข้างนอก นี่คือของที่บ่าวลองทำ ท่านโหวลองชิมดู”
เฮ่อชิงเซียวชิมไปอย่างละคำ ของที่ซื้อมาจากข้างนอก เขากินแล้วก็เอร็ดอร่อยอยู่ แต่เป็ดหนังกรอบที่น้ากุ้ยทำหนังกรอบยิ่งกว่า เนื้อนุ่มยิ่งกว่า หอมเสียจนไม่อยากวางตะเกียบ
“น้ากุ้ยทำได้อร่อยกว่า” เฮ่อชิงเซียวเอ่ยชมจากใจ
เมื่อได้ใช้เวลากับสิ่งที่ตนชอบและถนัด อารมณ์น้ากุ้ยก็ดีขึ้นมาก ได้ยินเฮ่อชิงเซียวเอ่ยชมก็อดยิ้มไม่ได้ กล่าวว่า “น้ำจิ้มหวานนี้ยังต้องปรับปรุงอีกสักหน่อย น้ำจิ้มหวานข้างนอกมีแต่เปรี้ยวหวาน รสชาติยังไม่เข้มข้นพอ”
“ลำบากน้ากุ้ยแล้ว”
วันต่อมาซินโย่วได้รับจดหมายที่เฮ่อชิงเซียวให้คนนำมาส่ง ก็พาเสี่ยวเหลียนออกไป
ทั้งสองคนนัดพบกันที่ร้านน้ำชาแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือ
“พี่สาวโจวทงตายแล้ว?” ได้ยินข่าวการตายของมารดาจี้ไฉ่หลัน ปฏิกิริยาแรกของซินโย่วก็คือมีเงื่อนงำ
ในความทรงจำนาง มารดาจี้ไฉ่หลันเป็นผู้หญิงที่แข็งแรงมาก
“เสมหะติดคอ ได้ยินคนที่เฝ้าเล่าว่า ก่อนนางเกิดเรื่องกำลังคลุ้มคลั่งต่อหน้าบุตรสาวและหลานสาว”
ในใจซินโย่วกระตุกวาบ ถามขึ้นว่า “คลุ้มคลั่งใส่คุณหนูจี้และคุณหนูโจว หรือว่าเพียงแค่คุณหนูโจวผู้เดียว?”
หรือว่ามารดาจี้ไฉ่หลันรู้ความจริงเรื่องการตายของน้องชาย
“ไม่ได้เล่าละเอียด” เฮ่อชิงเซียวเอ่ยถึงจูซื่อถง “ไม่รู้ว่าคนผู้นี้มีความสัมพันธ์อย่างไรกับโจวทง จึงได้มาไถ่ถอนตัวบุตรสาวเขา”
ซินโย่วเองก็รู้สึกแปลกใจ
เหมียวซู่ซู่มารดาโจวหนิงเยวี่ยเคยบอกนางว่า โจวทงขายข่าวท่านแม่ให้กู้ชางป๋อ ได้เงินมาก้อนโต
หากวาจานี้เป็นจริง เช่นนั้นความสัมพันธ์โจวทงกับจวนกู้ชางป๋อเป็นเพียงแค่ผลประโยชน์ ถงจู่ซื่อผู้นี้น่าจะไม่ใช่คนสนิทของจวนกู้ชางป๋อ
ความจริงหากมองจากองค์ชายรองชิ่งอ๋องเป็นศูนย์กลาง หลังจากชิ่งอ๋องถูกปลดเป็นสามัญชน ก็ควรสูญสิ้นอิทธิพลหมดสิ้น หาทางเอาตนเองรอด ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะมาสนใจผู้อื่น
ซินโย่วพลันนึกถึงจดหมายรุ่งริ่งฉบับนั้นที่ได้มาจากในห้องหนังสือตระกูลโจว
ข่าวสารในจดหมายมีค่าก็เพียงแต่ท่อนลงท้าย จากชื่อที่ลงท้ายไว้ คนเขียนจดหมายฉบับนั้นมีความสัมพันธ์กับโจวทงไม่ธรรมดา
“ใต้เท้าเฮ่อ ข้าอยากขอให้ท่านตรวจสอบคนผู้หนึ่ง”
“ผู้ใด”
“ตงเซิง อาจเป็นชื่อจริงของเขาหรือก็อาจเป็นชื่อเล่น”
เฮ่อชิงเซียวตอบตามจริง “หากมีแค่ชื่อเช่นนี้ คงยากจะหาพบ”
ซินโย่วพยักหน้า “ข้าทราบเจ้าค่ะ”
ดังนั้นผ่านมานานเพียงนี้ นางจึงได้แต่เก็บจดหมายขาดๆ ฉบับนั้นไว้ จดจำชื่อ ‘ตงเซิง’ ไว้อย่างแม่นยำ
แต่หลังจากล้มชิ่งอ๋องลงแล้ว พลันปรากฏคนที่อาจจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโจวทง นางก็อดมีความหวังขึ้นมาไม่ได้ คงต้องลองสืบดูสักหน่อย
“ใต้เท้าเฮ่อลองสืบจากถงจู่ซื่อ ดูบรรดาคนที่สนิทกับเขา ว่ามีคนชื่อตงเซิงหรือไม่ หากไม่มี…”
เฮ่อชิงเซียวรอให้ซินโย่วพูดจบ
“หากไม่มีก็แล้วไป”
“ได้ กลับไปแล้วข้าจะให้ลูกน้องสืบดู คุณหนูโค่วจะไปเยี่ยมคุณหนูโจวสองพี่น้องหรือไม่”
บางทีอาจเพราะเหมียวซู่ซู่สังหารโจวทง แม้ว่าการตายของฮองเฮาซินเกี่ยวข้องกับสองสามีภรรยาคู่นี้อย่างไม่อาจปฏิเสธ แต่ซินโย่วกลับไม่โมโหไปถึงเด็กสาวกำพร้าเช่นโจวหนิงเยวี่ย
นางรับปากเหมียวซู่ซู่ไว้แล้ว ว่าจะดูแลโจวหนิงเยวี่ยภายใต้ความสามารถของนาง
ซินโย่วได้พบกับโจวหนิงเยวี่ยและจี้ไฉ่หลันที่เรือนพักแสนธรรมดาแห่งหนึ่ง
“พี่โค่ว/น้องโค่ว…” พอเห็นซินโย่ว โจวหนิงเยวี่ยกับจี้ไฉ่หลันเผยความประหลาดใจระคนยินดีพร้อมกัน
สองพี่น้องดูแล้วอิดโรยมาก โจวหนิงเยวี่ยผอมจนสองแก้มตอบ เสื้อผ้าหลวมโพรก จี้ไฉ่หลันดวงตาบวมราวกับผลเหอเถา[2] เห็นชัดว่ายังคงเศร้าโศกกับการจากไปของมารดาอยู่
“น้องโค่ว ได้ยินว่าเจ้าให้คนมาไถ่ตัวพวกเราออกมาหรือ” จี้ไฉ่หลันคว้ามือซินโย่วไว้พร้อมกับน้ำตาไหลริน
ท่านแม่ตายแล้ว ท่านพ่อและพี่ชายก็ถูกลงโทษจำคุก ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อใด หากไม่ใช่คุณหนูโค่วให้คนมาช่วยเหลือ เกรงว่านางก็คงหาหนทางติดตามท่านแม่ไปแล้ว
จี้ไฉ่หลันย่อเข่าลงกล่าวขอบคุณซินโย่ว
ซินโย่วรีบประคองนางขึ้น “พี่จี้อย่าได้ทำเช่นนี้ พวกเราเป็นสหายกัน พี่กับน้องโจวลำบาก ข้าจะนิ่งดูดายได้อย่างไร”
ได้ยินซินโย่วเอ่ยถึงโจวหนิงเยวี่ย จี้ไฉ่หลันก็เหลือบมองนางทีหนึ่งด้วยสัญชาตญาณ แต่ไม่นานก็ถอนสายตากลับ
ซินโย่วเหลือบตาขึ้นเล็กน้อย
จี้ไฉ่หลันปฏิบัติต่อโจวหนิงเยวี่ยดังน้องสาวแท้ๆ มาตลอด ยามนี้ดูท่าระหว่างทั้งสองคนเกิดรอยร้าวขึ้นแล้ว
แม้โจวหนิงเยวี่ยไม่พูดจามาก แต่พึ่งพาซินโย่วอย่างน่าประหลาด ถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “พี่โค่ว วันหน้าพวกเราจะติดตามพี่ได้หรือไม่”
“ความจริงข้าไม่มีคุณสมบัติไถ่ตัวทาสจากสำนักการสังคีต แต่อาศัยชื่อท่านลุงข้าพาพวกเจ้าออกไปก่อน พวกเจ้าอยู่ที่นี่ให้สบายใจกันก่อน รอให้คลื่นลมสงบ อาจไปทำงานที่ร้านหนังสือหรือช่วยงานที่ร้านอื่นๆ ของข้าก็ได้”
วาจานี้ทำให้ทั้งสองคนวางใจได้อย่างแท้จริง
คุยกันไปอีกครู่หนึ่ง ซินโย่วก็มองไปทางโจวหนิงเยวี่ย
“น้องโจว ข้ามีเรื่องอยากคุยกับเจ้าหน่อย”
[1] ตำแหน่งขุนนางระดับหก ชั้นหนึ่งในกรม มีหน้าที่จดบันทึกทั่วไป
[2] เหอเถา คือ วอลนัท