บทที่ 863 การต่อสู้ที่ดินแดนเทวะอุดร (3)
ในขณะนี้ ภัยพิบัติกำลังจะเกิดขึ้น และยังใช้วิธีการหยั่งรู้ไม่ได้ หากไม่เป็นเพราะคนทรยศที่แจ้งข่าวไป…
แต่ศาลสวรรค์นั้นใหญ่โตมากจนแม้แต่ทหารสวรรค์ก็ยังสามารถทำเช่นนั้นได้
เวลานี้หลี่ฉางโซ่วเข้าใจถึงที่มาของเหตุการณ์ในวันนี้แล้ว มันเป็นเฉกเช่นเดียวกับข่าวลือที่ปรากฏขึ้นในศาลสวรรค์เมื่อไม่กี่ปีก่อน พวกเผ่าปีศาจถือว่าจุดทำลายศาลสวรรค์ก็คือ แม่ทัพตงมู่…
แม่ทัพตงมู่เป็นเทพผู้ชอบธรรมระดับที่สอง เป็นที่รู้จักกันว่าเป็น ‘หัวหน้าเซียนบุรุษ’
เมื่อเขายืนอยู่ในตำแหน่งนี้ ก็ถือได้ว่าเขาเป็นผู้บังคับบัญชาลำดับที่สองในศาลสวรรค์
หากพวกเผ่าปีศาจบีบบังคับให้แม่ทัพตงมู่กง มันก็จะเป็นการบังคับให้ศาลสวรรค์ก้มศีรษะให้มัน แล้วศาลสวรรค์ก็จะตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ไม่ว่าเขาจะไม่ใส่ใจต่อความจริงที่ว่า แม่ทัพตงมู่จะพยายามอย่างเต็มที่หรือไม่ ก็น่ากังวลว่า แม่ทัพตงมู่จะยอมรับเงื่อนไขของเผ่าปีศาจ และพวกเขาทั้งหมดก็จะต้องปฏิบัติตามความต้องการของเผ่าปีศาจ
หากแม่ทัพตงมู่ถูกใช้เป็นเบี้ยต่อรองของคู่ต่อสู้ ความยิ่งใหญ่แห่งศาลสวรรค์ก็จะสูญสลายไป และศาลสวรรค์ก็จะต้องส่งกองทหารออกไป ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องการก็ตาม
แต่เห็นได้ชัดว่า ต่อให้จะระดมพลจากศาลสวรรค์ในเวลานี้ มันก็ไร้ประโยชน์ ไม่ต้องพูดถึงว่า กองทหารของศาลสวรรค์ส่วนใหญ่ยังเป็นเพียงเซียนเสิ่นเท่านั้น
เมื่อเผชิญหน้ากับพวกปีศาจใหญ่เช่นนี้ คู่ต่อสู้ก็มีทหารและแม่ทัพสวรรค์นับหมื่นคน
มันไม่มีเวลาที่จะระดมพลจากศาลสวรรค์ วังมังกร และสถานที่อื่นๆ เลย!
เขาต้องช่วยท่านอาจารย์และแม่ทัพตงมู่ให้เร็วที่สุด!
ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น?
สิ่งแรกที่หลี่ฉางโซ่วคิดถึง นั่นก็คือ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ทว่าในขณะนี้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่ได้อยู่ในดินแดนเทวะทั้งห้า!
จ้าวกงหมิง เทพธิดาอวิ๋นเซียว…
ตอนนี้ภัยพิบัติอยู่เหนือหัวพวกเขา แล้วเขาควรจะปล่อยให้พวกเขาตกลงไปสู่ภัยพิบัติ และแปดเปื้อนไปด้วยกรรมทั้งที่พวกเขาอาจจะสามารถหลีกเลี่ยงมันได้จริงๆ หรือ?
หากเขาไล่ตามทัน เขาก็ย่อมจะสามารถช่วยอาจารย์และแม่ทัพตงมู่ได้ด้วยตัวเอง
เวทหลบหนี เปิดตัวสุดกำลัง!
ร่างของหลี่ฉางโซ่วส่องแสงสีฟ้าน้ำทะเล พลังเซียนของเขาก็พุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง และเขาก็ทิ้งเส้นชีพจรปฐพีเอาไว้เบื้องหลัง…
ปีศาจ!
ลู่หยา!
สำนักบำเพ็ญเต๋าประจิม!
สงบใจไว้ ตอนนี้ข้าต้องสงบสติอารมณ์
เรื่องที่ท่านอาจารย์ไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับในเหตุการณ์ของแม่ทัพตงมู่นั้น เป็นเหตุบังเอิญล้วนๆ หากฝ่ายตรงข้ามต้องการใช้แม่ทัพตงมู่เป็นเบี้ยต่อรอง พวกเขาก็จะไม่สังหารแม่ทัพตงมู่ทันทีอย่างแน่นอน
ในทำนองเดียวกัน ในขณะนี้ท่านอาจารย์ก็จะปลอดภัยชั่วคราว
หลี่ฉางโซ่วต่อต้านคำสาปแช่ง และยกมือตบหน้าตัวเขาเองเพื่อบังคับให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ได้ และคิดหาวิธีช่วยเหลือต่อไป
แม้ในเวลานี้ เขาจะกังวล แต่เขาก็ยังไม่ลืมปลอมตัวเขาเองให้กลายเป็นรูปลักษณ์ของปรมาจารย์เต๋าน้อยที่เคยใช้เป็นประจำ
ในห้องลับใต้ดินแห่งยอดเขาหยกน้อย ร่างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วได้คุกเข่าลงต่อหน้ารูปเหมือนของจอมปราชญ์ ทว่ารูปเหมือนของจอมปราชญ์กลับไม่มีการตอบสนองใดๆ …
ปรมาจารย์จอมปราชญ์หมายความว่าแม่ทัพตงมู่ต้องเข้าสู่ภัยพิบัติเช่นนั้นหรือ?
หลี่ฉางโซวจะไม่มีวันลืมว่า แม่ทัพตงมู่ได้ถูกลิขิตให้ต้องเผชิญกับภัยพิบัติแห่งความตาย
ไม่เช่นนั้น จะมีเซียนกระบี่ชุนหยางในอนาคตได้อย่างไรกัน?
แต่ภัยพิบัติของแม่ทัพตงมู่ได้ชนกับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ และยังลากท่านอาจารย์ของเขาเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน
ท่านอาจารย์ เขา…
เขาเป็นเพียงเซียนจั๋วที่อาศัยผลท้อเพื่อไปถึงเซียนเสิ่นเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเซียนจั๋วนั้นก็น่าสะพรึงกลัว!
มันย่อมจะดีหากเขาได้มีความสุขเพลิดเพลินไปจนตลอดชีวิตที่ยืนยาวที่เหลือของเขา แล้วเหตุใดเขาจึงต้องแบกรับภาระที่อาจารย์เซียนจั๋วไม่อาจแบกรับได้ไหว…
แม้ในวันนี้ พวกเผ่าปีศาจที่ทรงพลังได้โจมตีเขา อาจารย์ของเขาก็จะยังไม่ตาย!
ด้วยเพราะเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้
บนยอดเขาเฮยฉือ หลังจากไป๋เจ๋อได้รับข้อความ เขาก็ใช้พลังเวทของเขาทันที และเขาก็กลายเป็นลูกมวลแสงสีดำ
จากนั้นเขาก็รีบพุ่งออกไปจากค่ายกลใหญ่แห่งยอดเขาเฮยฉือ และค่ายกลใหญ่พิทักษ์ขุนเขาแห่งสำนักตู้เซียน แล้วไล่ตามไปยังทิศทางที่หลี่ฉางโช่วได้กำหนดเอาไว้…
พลังเวทของเวทหลบหนีของไป๋เจ๋อก็ค่อนข้างจำกัดเช่นกัน
แม้การบินด้วยร่างหลักของเขาจะดูสง่างามกว่า ส่วนใหญ่มันก็เป็นเพียงดูดีเท่านั้น แต่มันไม่เป็นที่พอใจในด้านความเร็วเลย
ในอีกด้านหนึ่งนั้น หลี่ฉางโซ่วก็รีบพุ่งออกมาจากพื้นดินโดยไม่รู้ระยะทาง…
เขาใจสั่นสะท้านขึ้นมาทันที ตอนนี้เขาอยู่ใต้ดินแล้ว และรีบพุ่งไปอยู่ต่อหน้าตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสองตัวที่อยู่ใต้ดินของเขา!
ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วเพ่งจิตจดจ่อ และร่างของเขาก็พุ่งออกมาจากพื้นดิน จากนั้นไม้เฉียนคุนในมือของเขาก็เปล่งแสงวิบวับ และหายไปจากพื้นดินพร้อมด้วยเสียงดังชู่ว แล้วพุ่งเข้าไปในหมอกหนาทึบที่เต็มไปทั่วแผ่นฟ้า…
นี่มันคือ…
หมอกไอพิษแห่งดินแดนเทวะอุดร!
เมื่อไล่ตามไปในระหว่างทางนี้ เขาก็ได้พุ่งเข้าไปถึงด้านในของดินแดนเทวะอุดรโดยไม่คาดคิด
สิ่งที่ทำให้หัวใจของหลี่ฉางโซ่วดำดิ่งลงก็คือ…
ก่อนหน้านี้ เมื่อเขาได้ใช้เวทหลบหนีอย่างเต็มกำลังทั้งหมด สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาก็ไม่สามารถขยายออกไปได้ไกลมากนัก
ในขณะนี้ สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาได้แผ่กระจายออกไป และความจริงแล้ว เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังสะกดข่มนับสิบที่ยังคงอยู่ในหมู่เมฆ พวกมันอยู่ทั้งไกลและใกล้ และอยู่ห่างจากที่นี่ไปหลายพันลี้
เป็นที่ชัดเจนว่า คราวนี้เขาได้บังเอิญปะทะเข้าไปในรังของผู้ทรงพลังแห่งเผ่าปีศาจ
แต่ในเวลานี้ เขาไม่อาจลังเลได้ ชีวิตของแม่ทัพตงมู่ และท่านอาจารย์อยู่ในปากของเสือปีศาจตัวนั้น
บัดนั้นร่างของหลี่ฉางโซ่วก็เคลื่อนไหวแวบวาบไปอย่างรวดเร็วและหันไปเผชิญหน้ากับทางเงาหนาทึบในหมู่เมฆสีเทาเขียวหนาข้างหน้าเขา และเงาใหญ่โตนั้นก็หนาขึ้นเรื่อยๆ
มีเสียงหอนอย่างรวดเร็ว และการระเบิดเสียงดังลั่น!
ทันใดนั้นจักรวาลก็สั่นสะเทือน และหมู่เมฆหมอกก็ล่มสลาย!
ในตอนแรกมีเสียงแค่นเย็นชา จากนั้นก็มีแสงแรงกล้าระเบิดออกมา แล้วกลายเป็นกรงสีดำสนิท และเสียงคำรามของเสือก็ดังลั่นสั่นสะเทือนท้องฟ้า และเมฆหมอกที่แตกกระจายก็ถูกลมกระโชกแรงพัดพาขึ้นไปบนท้องฟ้า!
ในชั่วพริบตา ร่างทั้งสองร่างก็ต่อสู้กันด้วยความเร็วที่รวดเร็วมากอยู่ที่ข้างๆ เสือปีศาจสามหัวสองปีกตัวใหญ่โดยทิ้งภาพติดตาเอาไว้เบื้องหลัง…
ที่ด้านซ้ายของหัวเสือปีศาจได้เกร็งขึ้น และหัวทั้งสองก็พ่นเปลวไฟสีฟ้าน้ำแข็งออกมาเต็มท้องฟ้า
จากนั้นแสงสีทองก็พุ่งออกมาจากดวงตาทั้งสี่ของเสือ แต่ก็ไม่สามารถตามทันร่างที่เคลื่อนไหวแวบวาบไปอย่างรวดเร็วของหลี่ฉางโซ่วได้
………………………………………………………………..