ตอนที่ 446 ข่าวการตายของสาวงาม
และที่ทำให้แม่ทัพใหญ่ลั่วตะลึงก็คือ แววตาที่ผิงหนานอ๋องซื่อจื่อมองเขานั้นถึงกับสงบเยือกเย็นมาก ไม่ได้หวาดกลัวอย่างที่เขาคิด ทั้งที่สาเหตุที่องค์รัชทายาทถูกปลดนั้นก็มีความเกี่ยวข้องกับเขาอยู่
จริงๆ แล้ว เว่ยเฟิงไม่ได้เกลียดชังแม่ทัพใหญ่ลั่วเท่าใดนัก
ส่วนลึกในใจเขาเฝ้ารอให้พี่ใหญ่โชคร้ายมานานมากแล้ว ตอนนี้แค่เป็นจริงแล้วเท่านั้นเอง
มองคนขี้เมาที่รู้จักแต่ขังตนเองโวยวายด้วยความเมามายอยู่ในห้องแล้ว เขาก็รู้สึกเพียงสะใจ
จวนผิงหนานอ๋องตกต่ำตามการถูกปลดขององค์รัชทายาท แต่เขาจะต้องการตกต่ำความมั่งคั่งร่ำรวยมหาศาลนั้นไปทำไม กระทั่งปลายเล็บของสตรี เขาก็ยังไม่อยากจะแตะ ชั่วชีวิตนี้ไม่มีทางมีทายาท ขอแค่ตนเองร่ำรวย ไม่ต้องมีชีวิตลำบากก็พอแล้ว
แม่ทัพใหญ่ลั่วเอ่ยปาก “ซื่อจื่อ ไม่ทราบว่าหาท่านหญิงน้อยพบแล้วหรือไม่”
เว่ยเฟิงเดาความหมายในคำถามของแม่ทัพใหญ่ลั่วไม่ออกจึงตอบนิ่งๆ ว่า “ยัง”
แม่ทัพใหญ่ลั่วเผยสีหน้าเสียใจ “ฝ่าบาททรงทุกข์ใจเรื่องการหายตัวไปของท่านหญิงน้อยมาก”
เว่ยเฟิงใจกระตุก จ้องแม่ทัพใหญ่ลั่วตาไม่กะพริบ
วาจาของแม่ทัพใหญ่ลั่วมีความนัย นั่นหมายความว่าอะไรกันแน่
“ซื่อจื่อนำกำลังคนไปตรวจหาบริเวณรอบๆ ให้มากหน่อย รีบหาท่านหญิงน้อยให้พบเถอะ จะได้ไม่ทำให้ฝ่าบาทต้องกลุ้มพระทัยเพราะเหตุนี้” แม่ทัพใหญ่ลั่วสบตากับเว่ยเฟิง น้ำเสียงมีความหมายลึกซึ้ง
เว่ยเฟิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิดอะไรได้รางๆ
แม่ทัพใหญ่ลั่วเห็นอีกฝ่ายท่าทางเหมือนคิดสิ่งใดอยู่ก็วางชาที่เย็นแล้วลงบนโต๊ะ พลางลุกขึ้น “ข้าแซ่ลั่วขออวยพรให้ซื่อจื่อราบรื่นทุกอย่างตรงนี้ ลาก่อน”
แม่ทัพใหญ่ลั่วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งเว่ยเฟิงขมวดคิ้วไตร่ตรองอยู่คนเดียว
เด็กรับใช้ที่รั้งอยู่ด้านนอกไม่เห็นเว่ยเฟิงออกมาสักทีจึงเดินเข้าไปเบาๆ “ซื่อจื่อขอรับ?”
เว่ยเฟิงได้สติ สีหน้าบึ้งตึงกว่าเดิม “กลับจวน”
เด็กรับใช้อึ้ง “ไม่ตามหาท่านหญิงต่อแล้วหรือขอรับ”
“ปากมาก!” เว่ยเฟิงกวาดตามองเด็กรับใช้อยากเย็นชาและเฉียบขาดแวบหนึ่ง แล้วเร่งฝีเท้าเดินออกไป
เพิ่งจะผ่านความลำบากเรื่ององค์รัชทายาทถูกปลดไป ตอนนี้ท่านหญิงน้อยก็หายตัวไปอีก จวนผิงหนานอ๋องในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงที่ไม่มีใครมาจึงยากจะอำพรางความเงียบเหงาได้
เว่ยเฟิงกวาดตามองสิงโตหินเย็นเยียบหน้าประตูใหญ่จวนอ๋องแล้วเดินเข้าไป
“แม่ทัพใหญ่ลั่วกล่าวเช่นนี้หรือ” พระชายาผิงหนานอ๋องซึ่งฝืนร่างกายที่ป่วยอยู่ฟังข่าวที่เว่ยเฟิงนำกลับมาแล้วก็จมเข้าสู่การไตร่ตรอง จากนั้นสีเลือดบนใบหน้าก็เลือนหายไปจนหมดสิ้น
“นี่คือความหมายของฮ่องเต้หรือ” พระชายาผิงหนานอ๋องถามเสียงสั่น จ้องบุตรชายเขม็ง
เว่ยเฟิงพยักหน้าเงียบๆ
มือซึ่งเท้าที่วางแขนตั่งสาวงามของพระชายาผิงหนานอ๋องสั่นไม่หยุด อยากจะดื่มชาข่มความตะลึง แต่กลับถือจอกชาได้ไม่มั่นคง
อาจจะไม่ใช่ความหมายที่นางคิดนั้น…ไม่ จะต้องไม่ใช่ความหมายที่นางคิดแน่นอน
พระชายาผิงหนานอ๋องมองเว่ยเฟิง เอ่ยปากอย่างยากลำบาก “เฟิงเอ๋อร์ เจ้าเห็นเป็นอย่างไร”
สามีเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย บุตรชายคนโตเมาสุราทั้งวัน ถึงตอนนี้พระชายาผิงหนานอ๋องถึงได้สติว่า ทำได้เพียงพึ่งพาบุตรชายคนนี้
สักพักใหญ่ เว่ยเฟิงถึงเค้นออกมาประโยคหนึ่ง “ข้าเดาว่า ความหมายของฝ่าบาทคือ รีบกลบเรื่องการหายตัวไปของน้องสาวโดยเร็ว จะได้ไม่ทำให้ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันอีก”
พระชายาผิงหนานอ๋องนิ่งเงียบฟัง นั่งเหม่อ น้ำตารินไหล
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด นางกระซิบว่า “เฟิงเอ๋อร์ น้องสาวเจ้าไม่อยู่แล้ว ฆาตกรจะต้องเป็นองค์หญิงฉางเล่อแน่นอน”
เว่ยเฟิงออกแรงกำหมัด
เมื่อได้ฟังวาจาซึ่งมีความหมายลึกซึ้งของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เขาก็คาดเดาได้รางๆ เพียงแต่ไม่กล้าเชื่อ
น้องสาวกับองค์หญิงฉางเล่อเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ไม่ใช่หมาแมวที่ไหน องค์หญิงฉางเล่อลงมือได้อย่างไร!
พระชายาผิงหนานอ๋องจัดการอารมณ์เรียบร้อยแล้ว “ฝ่าบาทรู้ว่าคนที่ทำร้ายเหวินเอ๋อร์จนตายคือองค์หญิงฉางเล่อ ดังนั้นจึงอยากจะบอกเป็นนัยให้พวกเรากลบเรื่องการหายตัวไปของเหวินเอ๋อร์ผ่านแม่ทัพใหญ่ลั่ว สิ่งที่พระองค์ทุกข์ใจไม่เคยเป็นการหายตัวของเหวินเอ๋อร์ แต่เป็นชื่อเสียงขององค์หญิงฉางเล่อ…”
เว่ยเฟิงฟังพระชายาผิงหนานอ๋องเอ่ยจนจบเงียบๆ พลางถามว่า “เสด็จแม่ ท่านวางแผนจะทำเช่นไรขอรับ”
พระชายาผิงหนานอ๋องหางตามีน้ำตา ยิ้มเจื่อนๆ “ยังจะทำอันใดได้ หาสาวใช้ที่รูปร่างคล้ายเหวินเอ๋อร์มาคนหนึ่งแล้วบอกว่าหาพบแล้ว ผ่านไปวันสองวันค่อยฆ่าปิดปากสาวใช้นั่นแล้วค่อยแพร่ข่าวเหวินเอ๋อร์แขวนคอตายเพราะทนรับชื่อเสียงที่เสียหายไม่ได้ออกไป…”
นางสูญเสียบุตรสาว แต่กลับทำได้แค่ฝังสาวใช้คนหนึ่งแทนบุตรสาว ส่วนกระดูกของบุตรสาวก็ตามกลับมาไม่ได้ไปตลอดกาล
แค้นจริงๆ แค้นจนแทบอยากจะบดทำลายกระดูกองค์หญิงฉางเล่อแล้วโปรยทิ้งไปทั่ว สาปแช่งนังแพศยานั่นให้ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดไปตลอดกาล
“ไปเถอะ ไปจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อยแต่เนิ่นๆ” พระชายาผิงหนานอ๋องข่มความเกลียดชังมหาศาลเอาไว้แล้วเอ่ยเร่งด้วยท่าทางสงบนิ่ง
เว่ยเฟิงค่อยๆ พยักหน้าแล้วเดินออกไปเงียบๆ
ยามพลบค่ำ ฟ้าค่อยๆ มืดลง แสงโคมไฟงดงามเพิ่งจะสว่างขึ้น
ข่าวใหม่ที่เพิ่งออกมา แพร่กระจายรวดเร็วฉับไวไปทั่วถนนสายหลักและตรอกเล็กซอยน้อย
หาท่านหญิงน้อยแห่งจวนผิงหนานอ๋องเจอแล้ว!
ท่านหญิงน้อยน่าเวทนาจริงๆ ผมยาวสยาย ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าย่ำแย่เพียงใด และไม่รู้ว่าผ่านความทุกข์ทรมานอะไรมา
และที่ทำให้คนกังวลก็คือจวนผิงหนานอ๋องไม่เผยอะไรออกมาแม้แต่ครึ่งคำ รีบพาท่านหญิงน้อยกลับจวนอ๋องอย่างรวดเร็ว นับแต่นั้นประตูบานใหญ่สีแดงก็ปิดสนิท
ข่าวลือมืดฟ้ามัวดินแพร่กระจายไปทั่ว
บ้างก็บอกว่า ท่านหญิงน้อยถูกพ่อค้าค้ามนุษย์ลักพาตัวไปขายถึงแม่น้ำจินสุ่ยและมีคนบอกว่า วันนั้นท่านหญิงน้อยเข้าใจผิด คิดว่าบุรุษผู้นั้นเป็นบัณฑิตจอหงวน ผลคือถูกบุรุษผู้นั้นทำร้าย…
วาจาไม่น่าฟังอะไรล้วนมีหมด ความบริสุทธิ์ของท่านหญิงน้อยถูกทำลาย
คนที่เคยทอดถอนใจว่า บัณฑิตจอหงวนกับท่านหญิงน้อยเป็นคู่สร้างคู่สมกันล้วนทอดสายตาเห็นอกเห็นใจมองไปทางซูเย่า
คนที่สนิทกับซูเย่าเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “อาลักษณ์ซู เกิดเรื่องเช่นนี้กับท่านหญิงน้อย ความจริงแล้วเรื่องการแต่งงานของพวกท่าน…”
ซูเย่าเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ข่าวลือเชื่อไม่ได้ ข้าจะรอวาจาจากจวนอ๋อง”
“หากว่าจวนอ๋องเพิกเฉยไม่ใส่ใจล่ะ”
หากเป็นเมื่อก่อน วาจานี้ย่อมไม่มีใครกล้าเอ่ย แต่ตอนนี้ใครยังกลัวว่าจะล่วงเกินจวนผิงหนานอ๋องอีกกัน
ซูเย่ายิ้ม เอ่ยอย่างจริงจังว่า “เช่นนั้นข้าก็เชื่อว่า ท่านหญิงน้อยบริสุทธิ์ แต่งงานกับนางตามกำหนด”
เมื่อวาจาเหล่านี้แพร่ออกไปก็ดึงดูดคำชมเชยที่ผู้คนนับไม่ถ้วนมีต่อบัณฑิตจอหงวน
ในเรือนเสียนอวิ๋นย่วน หงโต้วบ้วนเปลือกเมล็ดแตงแล้วเบ้ปาก “คุณหนู ซูเย่าผู้นั้นถูกชมเชยอีกแล้วเจ้าค่ะ”
ลั่วเซิงหัวเราะเหอะๆ คร้านจะแสดงความเห็น
โค่วเอ๋อร์ค่อนข้างสนใจหัวข้อสนทนานี้จึงเม้มปาก เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ซูเย่านี่ใช้ได้จริงๆ ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไร ทุกครั้งล้วนถูกชมเชย”
หงโต้วส่งเสียงถุย “ใช้ได้บ้าอะไร ข้าเคยเล่าให้เจ้าฟังแล้ว นั่นน่ะตัวซวย ท่านหญิงน้อยถูกเขาทำร้ายจนตายแน่นอน”
กระทั่งคุณหนูของพวกนางที่เป็นคนมีวาสนาดีก็ยังเกือบจะถูกตัวซวยนั่นทำร้ายจนตาย ท่านหญิงน้อยจะรอดพ้นหรือ
ถุยๆๆ ช่างเป็นตัวซวยจริงๆ
วันถัดไปหลังจากหงโต้วเพิ่งถ่มถุยเสร็จ ข่าวการผูกคอตายของท่านหญิงน้อยแห่งจวนผิงหนานอ๋องก็แพร่ออกมา
เมื่อได้ข่าว หงโต้วก็ตบบ่าโค่วเอ๋อร์อย่างแรง “เป็นเช่นไร ข้าพูดได้ถูกต้องเลยใช่ไหม!”
โค่วเอ๋อร์เจ็บจนร้องเสียงแหลม “หงโต้ว เจ้าจะตีข้าให้ตายจะได้รักษาตำแหน่งสาวใช้อันดับหนึ่งเอาไว้ตลอดกาลใช่ไหม”
ลั่วเซิงเมินเฉยการทะเลาะของสองสาวใช้ สมองปรากฏภาพเด็กหนุ่มที่สง่างามดุจดอกอวี้หลัน
คุณหนูลั่วที่โวยวายจะแต่งให้กับซูเย่านั้นตายไปแล้ว แม่นางเฉียนซึ่งพบกับซูเย่าระหว่างทางจนไล่ตามไปถึงจวนซูก็ตายไปแล้ว ท่านหญิงน้อยเว่ยเหวินที่หมั้นหมายกับซูเย่าเองก็ตายแล้วเช่นกัน
ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
ครั้งนี้องค์หญิงฉางเล่อน่าจะพบกับคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือพอๆ กันแล้ว