บทที่ 880 สัญญาณ (2)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

“พวก​เจ้ามาถึงที่นี่​ เพื่อ​หลบหนี​จาก​คู่แค้น​กระมัง​” หญิงสาว​ผม​สีส้มมอง​สภาพ​ทุลักทุเล​ของ​ทั้ง​สี่คน​ ดวงตา​ฉายแวว​เข้าใจ​

พวก​บัน​ไซไม่ได้​ตอบ​ เพียงแค่​นิ่งเงียบ​เท่านั้น​ เมื่อ​ไม่มีสหาย​สนิท​อยู่​ด้วย​ เขา​ก็​ไม่รู้​ว่า​ควร​ตอบ​อะไร​อยู่​ชั่วขณะ​

นิ่ง​ไปสักพัก​ หญิงสาว​ผม​สีส้มก็​กล่าว​ขึ้น​อีกครั้ง​

“ใน​เมื่อ​ต้องการ​ตามหา​ซูอิง​ ก็​หมายความว่า​ต้องการ​ขอยืม​ความสามารถ​ของ​เผ่า​เรา​ หา​ที่​คุ้มครอง​ เพื่อ​ช่วยเหลือ​พวก​เจ้า” นาง​มอง​ร่าง​โชกเลือด​ของ​ทั้ง​สี่คน​ ด้วย​สภาพ​สะบักสะบอม​อด​ทำให้​นาง​นึกถึง​สภาพ​น่าเวทนา​ใน​เผ่า​ไม่ได้​

“น่าเสียดาย​…”

“อย่างนั้น​หรอก​หรือ​…เช่นนั้น​…รบกวน​แล้ว​…” บัน​ไซยิ้มเฝื่อน​ ก่อน​จะกล่าว​อย่าง​เศร้าใจ​

เขา​ดู​ท้อแท้​ผิดหวัง​ บางที​หญิงสาว​ชื่อ​ซูอิง​ผู้​นั้น​เหมือน​จะมีตำแหน่ง​ใน​ใจเขา​ไม่ธรรมดา​

“พวกเรา​ไปเถอะ​” เขา​หันไป​กล่าว​กับ​สามคน​ที่​เหลือ​

คน​ที่​เหลือ​ก็​จนปัญญา​เช่นกัน​ อุตส่าห์​มาถึงที่นี่​ ก็​ยัง​เจอ​เหตุการณ์​ประจวบเหมาะ​แบบนี้​อีก​ ทั้ง​สี่รีบ​เก็บ​ข้าวของ​ เตรียม​จากไป​ เพียงแต่​พวกเขา​เหลือ​อาหาร​ไม่มาก​แล้ว​ อาหาร​และ​น้ำดื่ม​ที่​เหลือ​เพียงพอ​สำหรับ​คน​คนเดียว​ถูก​ห่อ​อย่าง​ระมัดระวัง​และ​เก็บ​ไว้​โดย​ทัวห​ลัน​ การ​กิน​อาหาร​ป่าส่งเดช​ใน​พื้นที่​ของ​ดาวเคราะห์​ดวง​อื่น​ เป็นเรื่อง​อันตราย​ถึงขีดสุด​ ดังนั้น​หาก​ไม่เคย​ลอง​มาก่อน​ ก็​ไม่อาจ​แตะต้อง​สิ่งใด​ที่อยู่​โดยรอบ​ได้​

หญิงสาว​ผม​สีส้มมองดู​ทั้ง​สี่ค่อยๆ​ จากไป​ สายตา​จับจ้อง​บน​ร่าง​บัน​ไซ นาง​จำได้​ว่า​ซูอิง​เคย​บอ​กว่า​ตน​ชอบ​เด็กชาย​ต่างถิ่น​คน​หนึ่ง​…บางที​อาจจะ​เป็น​คน​ผู้​นี้​

นาง​นิ่งเงียบ​ไปครู่หนึ่ง​ ก่อน​จะเอ่ยปาก​ในที่สุด​

“ใน​เมื่อ​เป็น​สหาย​ของ​ซูอิง​ อย่างนั้น​พวก​เจ้าก็​มาด้วยกัน​เถอะ​ แต่​พวก​เจ้าต้อง​ตระหนัก​ให้​ดี​ว่า​ สำนัก​ของ​เผ่า​เรา​กำลัง​เผชิญ​ภัยพิบัติ​ ถ้ากลัว​จะโดน​ลูกหลง​ไปด้วย​ พวก​เจ้าไม่ต้อง​มาก็ได้​”

“ช่างเถอะ​ พวกเรา​เพียงแค่​อยาก​จะอาศัย​ความสามารถ​ของ​พวก​ท่าน​ ตามหา​ที่​ซ่อนตัว​เร้นลับ​สัก​แห่ง​ อย่าง​อื่น​ไม่ลำบาก​หรอก​ พวกเรา​กำลัง​ถูก​ไล่ล่า​ รังแต่​จะสร้าง​ปัญหา​ให้​แก่​พวก​ท่าน​เปล่าๆ​” บัน​ไซเอ่ย​เสียง​เคร่งขรึม​

“ปัญหา​อะไร​ นอก​เสีย​จาก​ความตาย​ แทนที่​พวก​เจ้าจะไปซ่อนตัว​ไกลๆ​ สู้มาหลบ​ใน​เผ่า​เรา​ย่อม​ดีกว่า​ หยุด​พร่ำเพ้อ​ได้​แล้ว​ ใน​เมื่อ​เป็น​สหาย​ของ​ซูอิง​ ก็​มาเถอะ​ แต่​พวก​เจ้าต้อง​เตรียมตัว​ให้​ดี​ เผ่า​เรา​อาจจะ​เผชิญ​ภัยพิบัติ​ได้​ตลอดเวลา​ ถ้าพวก​เจ้าไม่กลัว​ตาย​ก็​จงมา”

บัน​ไซอึ้ง​ไป แม้น้ำเสียง​ของ​อีก​ฝ่าย​ดู​หงุดหงิด​ แต่​เห็นได้ชัด​ว่า​คิด​ช่วยเหลือ​พวกเขา​อย่าง​แท้จริง​

เขา​ลังเล​เล็กน้อย​ ก่อน​จะถูกห​ลี่​ซุ่น​ซีดุน​หลัง​ก็​รีบ​เอ่ย​

“ไม่เป็นไร​! พวกเรา​ยินดี​! ขอบคุณ​มาก​! ท่าน​เป็น​คนดี​ทีเดียว​!?”

ยัง​มีปัญหา​อะไร​ที่​แย่​ไปกว่า​พวกเขา​ใน​ตอนนี้​อีก​ เขา​วางแผน​อยู่​เพียง​สักพัก​แล้ว​ค่อย​จากไป​ ไม่อยาก​ทำให้​เผ่า​ของ​สหาย​พลอย​โดน​ลูกหลง​ไปด้วย​

หญิงสาว​ไม่พูด​อะไร​อีก​ ใน​เมื่อ​บอก​แล้ว​ว่า​มีปัญหา​ อีก​ฝ่าย​ยัง​ไม่กลัว​ รอ​จนได้​เจอ​ปัญหา​อย่าง​แท้จริง​ ก็​ไม่ใช่ความรับผิดชอบ​ของ​พวก​นาง​แล้ว​

“ตาม​ข้า​มาเถอะ​” หญิงสาว​ผม​สีส้มหันหลัง​ นำ​คน​มุ่งหน้า​ไปยัง​ส่วนลึก​ของป่า​

“ขอ​พูด​อีก​สัก​ประโยค​ ข้า​ชื่อ​โจว​เฉิงเย​วี่ย​ พวก​เจ้าเรียก​ข้า​ว่า​เยวี่ยกวง[​1]ก็ได้​”

บัน​ไซรีบ​พยักหน้า​

สตรี​คนอื่น​เหมือน​จะไม่เห็นด้วย​กับ​การตัดสินใจ​ของ​โจว​เฉิงเยวี่ย​มาก​นัก​ แต่​ดูเหมือน​พวก​นาง​เป็น​คน​เด็ดเดี่ยว​มุ่งมั่น​ บ่น​แค่​กระปอดกระแปด​เท่านั้น​ พอ​เห็น​ว่า​เกลี้ย​กล​อม​โจว​เฉิงเยวี่ย​ไม่ได้​ ก็​ไม่พูด​อะไร​อีก​

ทุกคน​เดิน​อยู่​ใน​ป่าสิบ​นาที​ ไม่นาน​ก็​มาถึงหน้า​ประตู​ซุ้มหิน​ทรง​รี​แห่ง​หนึ่ง​

ประตู​หิน​ตั้ง​ตระหง่าน​อย่าง​โดดเดี่ยว​อยู่​บน​ที่ว่าง​ เหมือนกับ​ประตู​ใหญ่​จาก​ถ้ำสัก​แห่ง​ที่​ถูก​คน​ขุด​แล้ว​ขน​มาวาง​ไว้​ตรงนี้​

“เดิน​เข้าไป​” โจว​เฉิงเยวี่ย​เข้า​ประตู​หิน​เป็น​คน​แรก​

สิ่งที่​น่าประหลาด​ก็​คือ​ นาง​ทะลุ​เข้า​ประตู​หิน​แท้ๆ​ แต่กลับ​เหมือน​เดิน​เข้าไป​ใน​มิติ​แปลกหน้า​ หาย​ไปโดยสิ้นเชิง​

สตรี​ที่​เหลือ​ตามหลัง​นาง​ไปติดๆ​ บัน​ไซฉุด​ดึง​ทัวห​ลัน​ปาเฮ่อ​ ทง​เซิง กับ​ห​ลี่​ซุ่น​ซีตาม​เข้าไป​ ทั้ง​สี่เดิน​เข้า​ประตู​หิน​ ก่อน​จะหาย​ไปจาก​ที่ว่าง​ใน​พริบตา​

โลก​เทพ​นอกรีต​

ลู่​เซิ่งมอง​ประตู​ใหญ่​สีเทา​ตรงหน้า​ มือถือ​แกน​หลัก​แห่ง​ความโกลาหล​ที่​หด​เล็ก​ลง​ครึ่งหนึ่ง​พร้อม​ขมวดคิ้ว​

ยังคง​หาไม่​เจอ​ เขา​ปล่อย​ร่าง​แยก​ที่​ตน​ควบคุม​ได้​ทั้งหมด​ออก​ไปแล้ว​ แต่ว่า​โลก​พลังงาน​สูงที่​หา​ได้​ใน​บริเวณ​รอบข้าง​กลับ​ไม่มีใบ​ใด​ที่​เป็น​โลก​มาร​สวรรค์​เลย​

“ดูเหมือน​จะเหลือ​แค่​วิธี​เดียว​แล้ว​…” ลู่​เซิ่งหันไป​มองโลก​สีฟ้าคราม​

โลก​เทพ​นอกรีต​ใบ​นี้​มอบ​ความทรงจำ​ให้​แก่​เขา​ไม่น้อย​ เทียบ​กับ​โลก​ใบ​อื่น​ โลก​ใบ​นี้​ได้​มอบ​ภาพ​ประทับใจ​ให้​เขา​ล้ำลึก​ถึงขีดสุด​ ตอนนี้​พอ​ใกล้​จะจากไป​ ก็​อาลัยอาวรณ์​อยู่​บ้าง​

“ใน​เมื่อ​เป็น​แบบนี้​…” เขา​สั่งความคิด​

ทันใดนั้น​ยักษ์​ดำ​ทั้งหมด​บน​โลก​พา​กัน​เกิด​จิต​ที่​ยิ่งใหญ่​หาก​แต่​พร่ามัว​ขึ้น​จาก​ส่วนลึก​ของ​จิตใจ​

พวกเขา​ที่​เดิมที​กำลัง​ทำกิจกรรม​ต่างๆ​ หยุด​การเคลื่อนไหว​ใน​มือ​ทั้งหมด​ พา​กัน​ผุด​ลุกขึ้น​ มุ่งหน้า​ไปยัง​ทาง​มหาวิทยาลัย​มิสกา​

ณ ที่​แห่ง​นั้น​ ทาง​เชื่อม​สู่โลก​รูป​จิต​ที่​ถูก​ปิด​ลง​ชั่วคราว​ ค่อยๆ​ เปิด​ขึ้น​อีกครั้ง​ ยักษ์​ดำ​ที่อยู่​ใกล้​บางส่วน​มุด​เข้าไป​ กลับ​ถึงโลก​รูป​จิต​เป็น​พวก​แรก​

นี่​คือ​การอัญเชิญ​ของ​นาย​ท่าน​ แน่นอน​ว่า​พวกเขา​ไม่กลับ​ไปก็ได้​ แต่​หา​กลู่​เซิ่งปิดทาง​เชื่อม​ประตู​ใหญ่​เมื่อไร​ พวกเขา​จะถูก​ตัด​การ​เชื่อมต่อ​โดยอัตโนมัติ​ เป็นเหตุให้​สูญเสียชีวิต​ของ​ร่าง​นี้​ไปทันที​ เนื่องจาก​แกน​หลัก​จิตวิญญาณ​ยังอยู่​ใน​โลก​รูป​จิต​

นี่​เทียบ​เท่ากับ​กลับคืน​สู่ที่​สถิต​จิตวิญญาณ​ทางอ้อม​

ยักษ์​ดำ​หลาย​แสน​ตัว​ได้​กัด​กิน​โลก​ในเวลานี้​จน​แทบ​ขึ้น​สวรรค์​ เสบียง​ของ​ทวีปยุโรป​ถูก​พวกเขา​กินเกลี้ยง​ใน​คืน​เดียว​

จากนั้น​ทวีป​แห่ง​อื่น​ก็​พา​กัน​มาสนับสนุน​ แต่​ไม่ได้​มอบ​เสบียง​ทั้งหมด​ให้​พวกเขา​ เพราะ​คนอื่นๆ​ ก็​ต้อง​กินข้าว​เช่นเดียวกัน​

ดังนั้น​ ใน​สถานการณ์​ที่​ราคา​อาหาร​เพิ่ม​สูงขึ้น​ ทุกคน​ต่าง​เริ่ม​หวาดกลัว​ และ​เริ่ม​เดินขบวน​ต่อต้าน​

การ​ที่​ลู่​เซิ่งเรียก​พวก​มัน​กลับ​ไปในเวลานี้​ เรียก​ได้​ว่า​เป็นเวลา​ที่​เหมาะสม​แล้ว​

การ​ล่าถอย​ของ​ยักษ์​ดำ​จบ​ลง​ใน​เวลา​สอง​วัน​

ตอนที่​ยักษ์​ดำ​ตัว​สุดท้าย​หาย​เข้าไป​ใน​ค่าย​กล​จุติ​ ลู่​เซิ่งก็​หมุนตัว​มาพร้อมกับ​พุ่ง​เข้า​กระแส​วังวน​ของ​มิติ​เวลา​สีเทา​

ร่าง​ของ​เขา​พุ่ง​เข้าไป​ใน​โคลน​สีดำ​ที่​เหนียวเหนอะ​ แล้ว​หาย​ไปใน​พริบตา​

พริบตา​ที่​เขา​เข้าไป​ใน​กระแส​วังวน​มิติ​เวลา​ ประตู​ข้าม​มิติ​ก็​แตก​ออก​เป็น​เสี่ยง​ๆ พร้อม​กับระเบิด​ขึ้น​กลายเป็น​แสงเพลิง​สีแดงฉาน​

ค่าย​กล​จำนวนมาก​บน​ผิว​ดาวเคราะห์​เริ่ม​กลายเป็น​ฝุ่นผง​ ลบ​ร่องรอย​ที่​เหลืออยู่​ทั้งหมด​ทิ้ง​ไป

กระแส​วังวน​มิติ​เวลา​สีเทา​เหมือนกับ​โคลน​ที่​มีพลัง​กระแทก​รุนแรง​ถึงขีดสุด​หลาย​สาย​ ผสม​ไปผ​ด้วย​เศษมิติ​เวลา​ชิ้น​เล็ก​ๆ

เศษเหล่านี้​เป็น​ชิ้น​ส่วนที่เหลือ​อยู่​ของ​โลก​ที่​พังทลาย​

ชิ้นส่วน​ทุก​ชิ้น​มีพลัง​กระแทก​หลาย​หมื่น​ตัน​ และ​ความหนาแน่น​สูงสุดขีด​ ผสม​อยู่​ใน​กระแส​วังวน​ กระทบกระแทก​กัน​อย่าง​รุนแรง​ เพียงแค่​แตะ​ร่าง​ที่​มีพลัง​อ่อน​แอก็ถูก​ทำลาย​ได้​แล้ว​

แต่​ลู่​เซิ่งใน​ตอนนี้​เป็น​ข้อยกเว้น​

เขา​แหวกว่าย​ไปยัง​ทิศทาง​ที่​มีโลก​พลังงาน​สูงมาก​ที่สุด​ สนาม​พลัง​ไร้​รูปร่าง​ระดับ​อนธการ​วนเวียน​รอบตัว​เขา​ สนาม​พลัง​พวก​นี้​ใช้คุณสมบัติ​ปฐมพลัง​ของ​เขา​ใน​การปรากฏ​

ชิ้นส่วน​โลก​ที่​เข้าใกล้​เขา​ทั้งหมด​ถูก​กระแทก​อย่าง​รุนแรง​จน​กระจาย​ออก​ไปสอง​ฟาก​ แล้ว​ไหล​ไปยัง​เบื้องหลัง​

ชิ้นส่วน​ที่​มีขนาดใหญ่​บางส่วน​ถูก​ชน​จน​หด​เล็ก​กว่า​เดิม​ ส่วน​ชิ้นส่วน​เล็ก​ๆ ถูก​ชน​จน​แตกสลาย​ ลุกไหม้​ด้วย​ไฟสีดำ​ก่อน​กลาย​เป็นผง​

ใน​กระแส​วังวน​สีดำ​ ลู่​เซิ่งในเวลานี้​ยิ่ง​เหมือนกับ​ปลา​ฉลาม​ยักษ์​สีแดง​อม​ดำ​ตัว​หนึ่ง​

รอบ​ๆ คือ​เส้นทาง​บิดเบี้ยว​สีรุ้ง​ เส้นทาง​แบบนี้​มองดู​เหมือนกับ​ธาร​น้ำ​ใหญ่​อัน​เชี่ยวกราก​

เกิด​เสียงดัง​พรึ่บ​ ลู่​เซิ่งโผล่​หัว​ขึ้น​จาก​น้ำ​ มอง​ขึ้นไป​ยัง​เบื้องบน​

นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​เขา​โผล่​หัวออก​มาจาก​ใน​กระแส​วังวน​มิติ​เวลา​ แล้ว​มอง​ไปยัง​ตำแหน่ง​ด้าน​บนสุด​

เหนือ​กระแส​วังวน​ทั้งหมด​คือ​ผนัง​ทรง​ซุ้มโค้ง​ด้านใน​สีรุ้ง​ เขา​เหมือนกับ​ว่า​ยวน​อยู่​ใน​ทาง​เชื่อม​ทรงกลม​เส้น​หนึ่ง​

สอง​ฟาก​ข้าง​ของ​เส้นทาง​คือ​ผนัง​ด้านใน​บิดเบี้ยว​ที่​เปลี่ยนแปลง​สีสัน​ไปเรื่อยๆ​ บน​ผนัง​ด้านใน​เหล่านี้​มีจุด​เล็ก​ๆ นับไม่ถ้วน​แยก​ออก​ราวกับ​ดวงตา​

ร่อง​แยก​ทุก​เส้น​คือ​ทางเข้า​โลก​ใบ​หนึ่ง​

ร่อง​แยก​บาง​เส้น​ปรากฏ​เป็น​แสงสีรุ้ง​ บ้าง​ก็​ดำ​สนิท​

ตาม​ข้อสรุป​ของ​ลู่​เซิ่ง ยิ่ง​ใน​ร่อง​แยก​สว่าง​และ​ลึก​มาก​เท่าไร​ ระดับ​พลังงาน​ของ​โลก​ก็​ยิ่ง​สูงเท่านั้น​

ขณะ​ว่าย​ทวนกระแส​ไปเรื่อยๆ​ เขา​ก็​แหวกว่าย​ไปถึงทางแยก​ใน​ลักษณะ​สอง​ง่ามแห่ง​หนึ่ง​โดยไม่รู้ตัว​

สอง​ฟาก​คือ​สายน้ำ​ใหม่​

ลู่​เซิ่งหยุด​ลง​ ตอนนี้​เขา​แหวกว่าย​ใน​กระแส​วังวน​ของ​มิติ​เวลา​ได้​อย่าง​อิสระ​โดย​สมบูรณ์​ ไม่ต้อง​กลัว​การ​กัดกร่อน​และ​กระทบกระแทก​ของ​ที่นี่​อีก​

แต่​ว่าการ​อยู่​ที่นี่​ไม่อาจ​หา​พลังงาน​มาชดเชย​ได้​ ดังนั้น​แม้จะเป็น​เขา​ ก็​อยู่​ใน​กระบวนการ​สูญเสีย​พลัง​อย่าง​ต่อเนื่อง​เช่นกัน​ เพียงแต่ว่า​เปลี่ยน​จาก​ระยะเวลา​สั้น​ๆ เหมือน​เมื่อ​ก่อนหน้า​ กลาย​มาเป็น​ประคับประคอง​หลาย​วัน​หลาย​คืน​โดย​ไม่มีปัญหา​

ที่นี่​ไม่มีการ​ไหล​ของ​เวลา​ ลู่​เซิ่งใช้เวลา​ที่​ไหลเวียน​บน​ร่าง​ตัวเอง​มาคำนวณ​ระยะทาง​

เขา​ลังเล​อยู่​สอง​สามนาที​ จึงเลือก​สายน้ำ​ทางขวา​

สำหรับ​เขา​แล้ว​ กระแส​วังวน​ของ​มิติ​เวลา​ยังคง​เป็น​อาณาเขต​ลี้ลับ​พิศวง​

ทว่า​ตอนที่​เขา​กำลังจะ​ว่าย​ไปยัง​สายน้ำ​ทางขวา​ ก็​พลัน​เห็น​บน​ผนัง​ด้านใน​ของ​ทางแยก​ด้าน​หน้าที่​มีรู​อยู่​รู​หนึ่ง​

รู​ที่​เหมือน​ขุด​ออกมา​บน​ผนัง​ด้านใน​ทาง​เชื่อม​สีรุ้ง​บิดเบี้ยว​

ด้านใน​รู​ไม่มีร่อง​แยก​ของ​โลก​ใบ​ใด​ ส่วนลึก​เหมือน​ปรากฏ​แสงชมพู​หลาย​สาย​เลือนราง​

“ที่นี่​คือ​แหล่งกำเนิด​ระหว่าง​โลก​ทั้งหมด​…รู​ของ​ที่นี่​…ด้านใน​มีอะไร​กัน​แน่​” ลู่​เซิ่งรู้สึก​หวาดกลัว​

เขา​หมุนตัว​ไปมองดู​ผนัง​ด้านใน​ที่อยู่​ใกล้​ตัวเอง​ที่สุด​ ก่อน​จะตวัด​มือ​ฟาด​ใส่ทันที​

ฉัวะ!​

พลัง​ยิ่งใหญ่​สาย​หนึ่ง​ผลักดัน​กระแส​วังวน​มิติ​เวลา​ กลายเป็น​คลื่น​สีเทา​เส้น​หนึ่ง​ฟัน​ใส่ผนัง​ด้านใน​อย่าง​หนักหน่วง​

เปรี้ยง​!

ผนัง​ไร้​การ​บุบสลาย​แม้แต่น้อย​

ลู่​เซิ่งตกใจ​ การ​โจมตี​เมื่อ​ครู่​ เขา​ได้​ใช้พลัง​อย่าง​น้อย​แปด​ส่วน​ของ​ร่าง​หลัก​ แต่​เมื่อ​โดน​ผนัง​ด้านใน​กลับ​ไม่เกิด​อะไร​ขึ้น​เลย​สัก​นิดเดียว​

เช่นนั้น​ผู้ใด​เป็น​คน​เจาะรู​นั้น​กัน​ หรือ​เกิดขึ้น​เอง​ตาม​ธรรมชาติ​

ถ้าหาก​เป็น​การเจาะ​โดย​คน​ อย่างนั้น​คน​ที่​เจาะต้อง​มีพลัง​แข็งแกร่ง​ขนาด​ไหน​

เขา​มอง​ส่วนลึก​ของ​รู​ผนัง​ ตรงนั้น​มีแสงสีชมพู​กั้น​ขวาง​ไว้​ ทำให้​มอง​อะไร​ไม่เห็น​

เพียงแต่​แสงนั้น​ให้​ความรู้สึก​อ่อนโยน​ ปลอดภัย​ และ​ปลอดโปร่ง​เบาบาง​ ถ้านักเดินทาง​สิ้นไร้​เรี่ยวแรง​ได้​พบ​เจอ​ นี่​จะต้อง​เป็น​แสงอัน​ยั่วยวน​ที่​ล่อลวง​ผู้คน​ได้ดี​ที่สุด​แน่​

ไม่มีพลัง​พิเศษ​วาด​งูเติม​ขา​ เพียงแต่​กระจาย​ความร้อน​อบอุ่น​ออกมา​ ชวน​ให้​รู้สึก​ปลอดภัย​เท่านั้น​

นี่​เป็น​ความยั่วยวน​อย่างยิ่ง​สำหรับ​ผู้​เข้มแข็ง​ระดับสูง​ที่​มัก​ขี้สงสัย​

ลู่​เซิ่งมองดู​รู​นี้​อย่าง​ล้ำลึก​ ก่อน​จะว่าย​ออก​ไปทาง​ด้าน​ขวา​

บัน​ไซติดตาม​อยู่​หลัง​โจว​เฉิงเย​วี่ย​ ทั้ง​สี่เดิน​อยู่​ระหว่าง​บ้าน​เห็ด​ขนาด​ยักษ์​กลุ่ม​หนึ่ง​ ภายใต้​การ​ห้อมล้อม​ของ​เหล่า​สตรี​

บ้าน​ทุก​หลัง​คือ​เห็ด​ยักษ์​หลังคา​สีน้ำตาล​ก้าน​สีขาว​ บน​ก้าน​เห็ด​เจาะประตู​หน้าต่าง​ ด้านใน​มีเงาคน​วูบ​ไหว​ แสดงให้เห็น​ว่า​มีคน​อาศัย​อยู่​ด้านใน​จริงๆ​

เป็น​หมู่บ้าน​ที่​ไม่ใหญ่​มาก​นัก​ ใน​หมู่บ้าน​มีสตรี​วัยเยาว์​ผิวขาว​หน้า​งามเดิน​ไปมาเป็นระยะ​ ต่าง​สวม​เกราะ​อ่อน​แนบเนื้อ​และ​พกอาวุธ​แหลมคม​ไว้​กับ​ตัว​ทั้งสิ้น​

ความ​เข้มข้น​ของ​พลังงาน​ที่​กะพริบ​บน​ร่าง​คน​เหล่านี้​ถึงขั้น​ทำให้​พวก​ห​ลี่​ซุ่น​ซีลอบ​ตื่นตระหนก​ ระดับ​แบบนี้​ หาก​ไม่ใช่เจ้าแห่ง​อาวุธ​ไม่มีทาง​ไปถึงได้​

“ตอนแรก​อยาก​จะดู​ว่า​เรา​สามารถ​ช่วย​พวก​นาง​แก้ไขปัญหา​ได้​ไหม​ แต่​จาก​ที่​เห็น​ใน​ตอนนี้​ พวก​นาง​มีพลัง​ไม่ด้อย​ไปกว่า​พวกเรา​เลย​ ใน​หมู่บ้าน​แบบนี้​ จะต้อง​มียอด​ฝีมือ​ที่​แกร่ง​กว่า​เจ้าแห่ง​อาวุธ​อยู่​อีก​อย่าง​แน่นอน​ แต่​ที่​แบบนี้​กลับ​เจอ​ปัญหา​เนี่ย​นะ​…” ห​ลี่​ซุ่น​ซีกล่าว​อย่าง​จนใจ​

……………………………………….

[1] เยวี่ยกวง​ ภาษาจีน​หมายถึง​แสงจันทร์​

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Status: Ongoing

โปรแกรมปรับแต่งเกมในโลกเดิมกลายเป็นความสามารถพิเศษในหัวเขา และเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยภูตผีมารปีศาจนี้ ผู้ใดขวางเขา มันผู้นั้นเป็นมารปีศาจ เมื่อเป็นมารปีศาจ ก็ต้องตาย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท