คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 719 คำทำนาย ปะทุขึ้น

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 719 คำทำนาย ปะทุขึ้น

ไม่ว่าเฉวียนจิ่งจะหลุดพ้นจากความตายครั้งนี้หรือไม่ ก็ยังต้องใช้ชีวิต เพียงแต่นับตั้งแต่ฉินหลิวซีบอกถึงการตายของเฉวียนจิ่ง วันเวลาที่เขาใช้ในห้องเต๋าของร้านเฟยฉางเต๋าก็นานขึ้น

หนึ่งเพราะความสงบของห้องเต๋าทำให้เขารู้สึกสงบ สองน่ะหรือ ฉินหลิวซีอยู่ที่นี่ รู้สึกวางใจขึ้นมาบ้าง

เพียงแต่เฉวียนจิ่งคิดไม่ถึง ป้องกันอย่างไร ก็ไม่อาจป้องกันความบ้าของหว่านไป๋ได้ นางเป็นแบบที่ฉินหลิวซีบอก ปรุงยาที่เรียกว่าเป็นยาถอนพิษให้ตน อีกทั้งยังร่วมมือกันกับเหนียงจื่อผู้มีพิษอาจารย์ของนาง

หากก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีคำเตือนจากฉินหลิวซีก็ช่างเถิด อย่างไรเหนียงจื่อผู้มีพิษก็เคยช่วยเขา แต่เมื่อฟังคำเตือนของฉินหลิวซีไปแล้ว เมื่อเห็นยาเม็ดนั้น เฉวียนจิ่งบอกได้ว่าขนลุกขนพอง หวาดกลัวไปหมด

“แม่นางหว่าน ข้าบอกแล้วว่าข้ารอวิธีของท่านเจ้าอาวาสน้อยได้ และร่างกายของข้าก็ดีขึ้นมากแล้ว” เฉวียนจิ่งหน้านิ่ง เอ่ย “ข้านึกว่าวันนั้นข้าเอ่ยชัดเจนแล้ว”

หว่านไป๋รู้สึกเจ็บปวด “เจ้าเชื่อคำของนักพรตเต๋าร้ายกาจนั่น ไม่เชื่อข้าอย่างนั้นหรือ คุณชายเฉวียน นับตั้งแต่ท่านถูกพิษมา ข้าและอาจารย์ศึกษาวิธีถอนพิษให้เจ้ามาโดยตลอด มีครั้งใดที่ไม่ใช่ข้าและอาจารย์ดึงเจ้ากลับมาจากประตูผี เจ้าคิดว่าข้าจะทำร้ายเจ้าหรือ”

“ข้าเชื่อเจ้า” เฉวียนจิ่งเอ่ยเสียงทุ้ม “เพียงแต่เรื่องนี้ไม่ต้องรบกวนถึงสองทาง ในเมื่อข้าตัดสินใจรักษาตามวิธีของเจ้าอาวาสน้อย ก็ไม่ต้องเสียยาเม็ดร้อยพิษนี้เปล่าประโยชน์ คิดว่าเหนียงจื่อผู้มีพิษกว่าจะรวบรวมสมุนไพรมาคงไม่ใช่เรื่องง่าย มิสู้เก็บเอาไว้ให้คนที่มีวาสนาเถิด”

เหนียงจื่อผู้มีพิษตวัดสายตามองเขา เอ่ยกับลูกศิษย์ “เสียเวลาพูดมากไปไย หว่านไป๋เจ้าป้อนเขาก็จบแล้ว ใต้หล้านี้คนที่รู้เรื่องพิษ มีผู้ใดถูกขนานนามว่าเหนียงจื่อผู้มีพิษอย่างข้า”

หว่านไป๋ก้าวเข้ามาใกล้ “คุณชายเฉวียน เชื่อข้า สิ่งนี้ช่วยถอนพิษในร่างกายของเจ้าได้จริงๆ เจ้ากินไปเถิด”

เฉวียนจิ่งเม้มริมฝีปาก บ้าเอ๊ย ก่อนหน้านี้เขาเคยดูละครเงาเรื่องหนึ่ง หญิงใจร้ายผู้นั้นยกถ้วยยามายังข้างเตียง เกลี้ยกล่อมบุรุษของนางให้ดื่มยาลงไป เอ่ยว่าอย่างไรนะ

ท่านพี่ ดื่มยาหรือยังเจ้าคะ

ภาพตรงหน้า เหมือนฉากในละครนั้นจริงๆ

ฉินหลิวซีบอกแล้วเขามีลางร้ายเรื่องสตรี คงจะอยู่ตรงนี้แล้วกระมัง

เหนียงจื่อผู้มีพิษหงุดหงิด เคลื่อนไหวรวดเร็ว สกัดจุดเฉวียนจิ่ง เอ่ยกับหว่านไป๋ “ป้อนเขาให้กลืนลงไป”

สายตาดุดันของเฉวียนจิ่งจ้องหว่านไป๋ด้วยความโกรธ “แม่นางหว่าน เจ้าไม่กลัวข้าต้องตายเพราะเจ้าจริงหรือ”

“คุณชายเฉวียน ข้าจะทำร้ายเจ้าได้อย่างไร ข้าทำเพื่อเจ้าทั้งนั้น” หว่านไป๋น้อยอกน้อยใจ “ไยเจ้าจึงไม่เข้าใจ”

เฉวียนจิ่งอดทนเอาไว้ “จะให้ข้ากินก็ได้ เจ้าต้องให้เฉวียนอันไปเชิญท่านเจ้าอาวาสน้อยมาก่อน”

คนบ้าสองคนนี้ เพื่อป้อนยานี้กับเขา ไม่กลัวที่ต้องวางยาคนอื่นเพื่อป้อนยาแก่เขา

เหิมเกริมไปแล้ว

เดิมคิดว่าส่งหว่านไป๋ผู้นี้กลับไปก็หลุดพ้นจากเรื่องร้ายๆ แต่ไม่คิดว่านางจะเป็นบ้า

หว่านไป๋ได้ยินเขาเอ่ยถึงฉินหลิวซีก็โมโหขึ้นมา ยัดเม็ดยาเข้าปากเขาโดยไม่แม้แต่จะคิด ตบหลังเขาให้กลืนลงไป เอ่ย “ข้าไม่เชื่อ นางอายุเพียงสิบกว่าจะมาร้ายกาจกว่าอาจารย์ของข้า เจ้าถูกนักพรตชั่วนี้ล่อลวงแล้ว”

นางนึกถึงเรื่องเห็นผีก่อนหน้านี้ก็โกรธจนคันฟัน นักพรตชั่วช้านั่นไม่เพียงใช้วิชามารชั่วร้ายกับนาง ยังยุยงให้เฉวียนจิ่งไล่นางออกไปด้วย อีกฝ่ายเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่มีเจตนาชั่วร้าย

เฉวียนจิ่งรับรู้ได้ถึงยาเม็ดนั้นเข้ามาในปาก คิดในใจว่าแย่แล้ว เขาคงต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อยจริงๆ คงต้องจบสิ้นอยู่ตรงนี้แล้ว

หว่านไป๋และเหนียงจื่อผู้มีพิษจับจ้องท่าทีตอบสนองของเขา โดยเฉพาะหว่านไป๋ ตึงเครียดยิ่งกว่าเหนียงจื่อผู้มีพิษ เอ่ย “อาจารย์ จะไม่มีปัญหาใช่หรือไม่เจ้าคะ”

“ไม่ เดิมเลือดพิษของเขาข้าตั้งใจป้อนให้แมวตัวหนึ่ง จากนั้นให้กินยาถอนพิษนี้ ก่อนข้ามาแมวตัวนั้นยังกระโดดโลดเต้นได้อยู่เลย” เหนียงจื่อผู้มีพิษเอ่ยด้วยความมั่นอกมั่นใจ

หว่านไป๋พ่นลมหายใจ คลายจุดให้เฉวียนจิ่ง เอ่ย “รอเจ้าหายแล้ว ก็จะรู้ว่าข้ากับอาจารย์ไม่มีทางทำร้ายเจ้า”

เฉวียนจิ่งได้รับอิสระแล้ว คว้าข้อมือของนางเอาไว้ กำลังจะเอ่ยปาก เลือดสีดำก็กระอักออกมาใส่นาง

หว่านไป๋กรีดร้องเสียงดังออกมา

“ไม่เป็นไร” เหนียงจื่อผู้มีพิษยังคงนิ่งสงบ เอ่ย “นี่เป็นเลือดพิษ อาเจียนออกมาแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องดี”

เฉวียนจิ่งทรมานจนยากจะเอ่ยออกมา ให้ตายเถิด ชาติที่แล้วข้าไปขุดหลุมศพพวกเจ้าหรืออย่างไร

เขารู้สึกมวนอยู่ในท้อง กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง

ต่อมาเขารู้สึกว่าอัคคีเยือกแข็งกร่อนกระดูกที่เดิมนอนจำศีลถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา พุ่งตัวไปมาอย่างบ้าคลั่ง

คลื่นความร้อนที่แผดเผาไหลเวียนผ่านแขนขาและกระดูก แพร่กระจายไปยังเส้นลมปราณทั้งหมด กระดูกดูเหมือนจะถูกฉีกออกจากกันและถูกมดนับพันกัด ความเจ็บปวดนั้นเจ็บปวดมากจนทำให้เหงื่อไหลออกมา

เฉวียนจิ่งร้องคำรามอย่างเจ็บปวด สะบัดหว่านไป๋ออก กระอักเลือดออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า

เสียง ตึง ดังขึ้น

เขาล้มลงไปดิ้นทุรนทุรายบนพื้น

หว่านไป๋ตกใจ รีบคุกเข่าลงไป ประคองเขา เอ่ย “ท่านอาจารย์ ท่านรีบมาดู ดูเหมือนไม่ปกตินะเจ้าคะ”

เหนียงจื่อผู้มีพิษขมวดคิ้ว เป็นไปไม่ได้ ยาเม็ดนี้เห็นได้ชัดว่าได้ผล

นางเพิ่งย่อตัวลงไป เฉวียนจิ่งเงยหน้าขึ้นมา นางตกใจเล็กน้อย เห็นดวงตาแดงก่ำของเขา มดสีแดงวิ่งออกมาจากช่องทวารทั้งเจ็ดของเขา ตัวเล็กๆ ราวกับเพิ่งเกิดใหม่

เหนียงจื่อผู้มีพิษนิ่งค้าง ไม่ทันระวัง ถูกมดตัวหนึ่งกัด

และหว่านไป๋ที่กอดประคองเฉวียนจิ่งยิ่งยากจะเลี่ยงได้ ถูกมดสองตัวกัดเข้าที่มืออย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้นางสะบัดเฉวียนจิ่งออก ร้องเสียงดังขึ้น

เวลานี้ฉินหลิวซีเพิ่งจะล้มตัวลงนอน ถูกผีชายหญิงเรียกให้ตื่น ไม่ใช่ใครอื่น ผีผูกคอตายตนนั้นที่ฉินหลิวซีให้เฝ้าอยู่ที่เรือนของเฉวียนจิ่งมารายงานข่าว

เฉวียนจิ่งเกิดเรื่องแล้ว

หว่านไป๋และท่านอาจารย์ผู้นั้นของนางทำให้คนอื่นสลบ จะป้อนยาถอนพิษให้เฉวียนจิ่ง

ฉินหลิวซีชะงัก ยกนิ้วขึ้นมานับคำนวณ แย่แล้ว ผ่านยามจื่อไปก็ยี่สิบห้าแล้ว วันตายของเฉวียนจิ่ง

นางรีบหยิบเข็มทอง จากนั้นขุดปีศาจโสมน้อยขึ้นมาทั้งต้นยัดเขาไว้ในหน้าอก กระโดดขึ้นหลังคา ใช้คาถาย่อระยะทางมุ่งหน้าตรงไปยังเรือนเล็กๆ นั่น รวดเร็วจนเห็นเป็นเพียงเส้นเงา

ทหารยามที่คอยเคาะไม้บอกเวลาเอนตัวพิงกำแพงดื่มเหล้าหนึ่งอึกลงไป มองเห็นเงานั้นก่อนจะขยี้ตา เปิดจุกขวดเหล้าที่เพิ่งปิดออกอีกครั้งด้วยมือที่สั่นหงึกหงัก ดื่มเหล้าลงไปอีกหนึ่งอึก เพิ่งปลายเดือนห้า อีกนานกว่าจะถึงเดือนเจ็ด รุนแรงเพียงนี้แล้วหรือ

เท้าของฉินหลิวซีเร็วไว เห็นผู้คนที่ล้มระเนระนาดเต็มพื้น และเฉวียนอันกระดึ๊บเหมือนหนอนอย่างยากลำบากมุ่งหน้าไปยังห้องของเฉวียนจิ่ง ก่นด่าออกมาอย่างอดไม่ได้ “ให้ตายเถอะ สตรีนางนั้นเป็นบ้าแล้ว”

นางดีดยาเม็ดหนึ่งออกไป จากนั้นจึงทะยานเข้าไปในห้อง

เฉวียนอันมองเห็นนางราวกับเห็นดาวช่วยชีวิต ดวงตาแดงก่ำ หยิบยายัดเข้าปาก รู้สึกมีกำลังคืนมา ลุกโซเซขึ้นมาก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปในห้อง

ด้านในห้องนั้นระเกะระกะยุ่งเหยิงไปหมด

เฉวียนจิ่งนอนแผ่อยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยเลือด โดยมีมดแดงเพลิงหลายตัวกระโดดออกมาจากหูและจมูกของเขา เหนียงจื่อผู้มีพิษและหว่านไป๋ทั้งคู่มีใบหน้าบวมราวกับซาลาเปานึ่ง สีหน้าซีดขาวกำลังนั่งขัดสมาธิมีลมหายใจที่สมดุล สองมือพุพอง ด้านข้างทั้งสองคนมีผงแป้งโรยเป็นวงกลมล้อมเอาไว้

ฉินหลิวซีเดินเข้าไป ครุ่นคิด เปลวไฟร้อนปรากฏขึ้นที่มือของนาง นางกวาดออกไป มดถูกเผาไหม้ทันทีที่มือนางวาดผ่าน

“นายน้อย” เฉวียนอันมองเฉวียนจิ่งที่ดูราวกับมีลมหายใจออกไม่มีลมหายใจเข้า ดวงตาของเขาเบิกโพลง พุ่งตัวเข้าไป

สองนิ้วของฉินหลิวซีกดที่ข้อมือเฉวียนจิ่ง ชีพจรเต้นรัว ดูหน้าอกของเขา หัวใจเต้นแรงจนแทบกระโดดออกมา

นางเดาถูกแล้วจริงๆ พิษอัคคีเยือกแข็งกร่อนได้ปะทุขึ้นทั้งหมดแล้ว

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท