คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 721 ทนไม่ไหว พวกเราก็กินเลี้ยง

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 721 ทนไม่ไหว พวกเราก็กินเลี้ยง

เฉวียนอันมองเห็นฉินหลิวซีกลับมา ชายร่างใหญ่ร้องไห้เสียงดังออกมา

“ท่านเจ้าอาวาสน้อย ท่านรีบมาดูนายน้อยของข้า เขาดูเหมือน ดูเหมือนไม่หายใจแล้ว” เฉวียนอันร้องไห้สะอึกสะอื้น

เขานั่งเฝ้ามาสองชั่วยาม เห็นลมหายใจของเฉวียนจิ่งอ่อนลงเรื่อยๆ แม้แต่หน้าอกยังไม่มีความเคลื่อนไหวแล้ว ใบหน้าไร้สีคน ร่างทั้งร่างราวกับคนตาย

แม้จะรู้เช่นนี้ เขาก็ไม่กล้ายื่นมือไปอังจมูกเขา เขากลัวว่าคนผู้นั้นจะไม่มีลมหายใจอุ่นแล้วจริงๆ

ในตอนที่กำลังทรมาน มองเห็นฉินหลิวซีกลับมา ในที่สุดเขาก็กลั้นเอาไว้ไม่ไหว ระเบิดมันออกมา

ฉินหลิวซีหันไปมองเฉวียนจิ่ง เอ่ย “วางใจ ยมทูตยังรออยู่ข้างนอก ไม่มีคำสั่งของข้า เขาไม่กล้าเข้ามาคล้องเอาวิญญาณหรอก”

เสียงร้องไห้เฉวียนอันพลันชะงัก “…”

อะไรกัน ยมทูตหรือ

สองคนที่หนึ่งคนสวมหมวกสีขาว อีกหนึ่งคนสวมหมวกสีดำ เรียกว่าอู๋ฉังในตำนานน่ะหรือ

“ไม่ใช่คนใส่หมวก เป็นคนที่ปักดอกไม้ เป็นที่จดจำ เจ้าเองก็รู้จัก” ฉินหลิวซีเผยรอยยิ้มออกมา

เฉวียนอัน “?”

ฉินหลิวซีไม่เสียเวลาคุยกับเขาอีก เดินไปอยู่ข้างเตียงเฉวียนจิ่ง หมุนเข็มทองที่อยู่จุดตายแทงลึกลงไปอีก หางเข็มหมุนวนอยู่ในมือของนาง หมุนตามเข็มนาฬิกาบ้างก็ทวนเข็มนาฬิกา ยกขึ้นเบาๆ แทงลงไปเล็กน้อย

ดวงตาของเฉวียนจิ่งเคลื่อนไหวเล็กน้อย

“นายน้อยฟื้นแล้ว” เฉวียนอันยินดี เกือบพุ่งเข้าไป

ฉินหลิวซีสาดน้ำเย็นอ่างหนึ่งเข้ามา “ไม่ต้องดีใจ แสงสายันต์ก่อนตะวันรอน[1]เท่านั้น”

เฉวียนอันแข็งค้าง ท่านเอ่ยอะไรที่มันน่าฟังได้หรือไม่ ต่อให้ฟังแล้วเหมือนเรื่องโกหก อย่างน้อยก็ยังเป็นคำปลอบโยนบ้าง

บางทีอาจเพราะได้ยินคำน่าโมโหของฉินหลิวซี เฉวียนจิ่งเองก็ลืมตาขึ้นมา เพียงแต่ดวงตาคู่นั้นไม่มีราศีปรากฏ ขุ่นมัวมาก แม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้เฉวียนอันดีใจไม่น้อย

ฉินหลิวซีผลักเขาออก มองเฉวียนจิ่ง เอ่ย “เจ้าฟังที่ข้าเอ่ย ข้าจะถอนพิษให้เจ้าแล้ว วิธีเดิมที่เคยบอกกับเจ้า ปลูกกู่ กู่หนอนไหมทองนี้ปลูกไปแล้ว จะกลายเป็นร่างเดียวกันกับเจ้า เจ้าอยู่มันอยู่ เจ้าตายไปมันจะหาทางของมันเอง กู่หนอนไหมทองมีพิษร้ายแรง ตอนที่มันอยู่ในร่างกายของเจ้า จะกำจัดภัยคุกคามทั้งหมด ดังนั้นขั้นตอนอาจทุกข์ทรมานมาก อาจถึงตายได้ เช่นนี้ เจ้ายังยอมปลูกกู่หรือไม่”

เฉวียนจิ่งกะพริบตาลงหนึ่งครั้ง แม้แต่ยมทูตเขาก็มองเห็นแล้ว มีสิ่งใดไม่ยอมกันเล่า

ฉินหลิวซีเห็นเขายินยอมจึงหยิบกล่องกู่ไหมทองออกมา ให้เฉวียนอันนำกริชออกมา ไม่เอ่ยให้มากความกรีดนิ้วกลางของเฉวียนจิ่ง เลือดหยดลงบนกล่องแม่กู่ ซึมเข้าไปผ่านรอยแยก

ด้านในกล่องมีเสียงความเคลื่อนไหวดังออกมา ฉินหลิวซียังใช้เลือดของเขาวาดภาพหนึ่งบนหน้าอกของเขา นำมือของเขามากำกล่องเอาไว้แน่น เอ่ย “ไม่ต้องเอ่ยสิ่งใด ใช้ความจริงใจของเจ้า ใช้ชีวิตของเจ้าสาบานสร้างสัญญาเลือด ร่วมชีวิตกับมัน”

เฉวียนจิ่งมีลมหายใจแต่ไร้กำลัง ทว่าบีบกล่องเอาไว้แน่น หลับตาลงทำการสาบาน

เฉวียนอันยืนมองอยู่ด้านข้างด้วยความตึงเครียด ทันใดนั้นกล่องพลันเปิดออกด้วยพลังมหาศาล หนอนสีทองตัวเล็กขนาดเท่าเล็บลอยออกมาจากกล่อง ตกลงมาอยู่ในมือของเฉวียนจิ่ง

กู่หนอนไหมทอง ร่างกายสีทอง ภายนอกดูไร้พิษสง ทว่าเป็นกู่หนอนที่มีพิษร้ายแรงในใต้หล้า มันยังดูดพิษแมงป่องสีทองทะเลทราย ทำให้ร่างกายเปล่งประกายสีทองมากยิ่งขึ้น

ฉินหลิวซีมองมันมายังแผลเล็กๆ บนนิ้วกลางที่ถูกกรีดนั้นของเฉวียนจิ่งด้วยตัวมันเอง กู่ขนาดเท่าเล็บมือแทรกตัวเข้าไปอย่างง่ายดาย จึงถอนเข็มทองบนร่างกายของเขาออกมา

เฉวียนอันส่งเสียงร้องตกใจ แผลเล็กเพียงนั้น แม่กู่นั่นกลับมุดเข้าไปแล้ว

ฉินหลิวซีราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูน่าเกรงขาม เอ่ยกับเฉวียนจิ่ง “ตอนนี้จะเป็นจะตาย ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับเจ้า อดทนได้ เจ้ารอด อดทนไม่ได้ พวกข้ากินเลี้ยง”

เทียบกับสิ่งที่เรียกว่ายาถอนพิษที่เหล่าเหนียงจื่อผู้มีพิษนำมา แม่กู่ไหมทองนี้ต่างหากถึงจะเป็นยาถอนพิษโหดเหี้ยมอย่างแท้จริง มันจะแสดงอำนาจในร่างกายของเฉวียนจิ่ง มันจะกำจัดทำลายภัยคุกคามทั้งหมดอย่างบ้าคลั่งเต็มกำลัง จนกระทั่งไร้ภัยคุกคาม

ดังนั้นขั้นตอนนั้นจึงทรมานเป็นที่สุด

ลองคิดดู ภายในภาชนะ กู่หนอนไหมทองนี้กำลังต่อสู้กับแมลงพิษตัวอื่น จะไม่ดุเดือดได้หรือ และเฉวียนจิ่งก็คือภาชนะนั้น ภาชนะที่มีเลือดมีเนื้อแบบนั้น

มาแล้ว

ศีรษะของเฉวียนจิ่งแหงนไปด้านหลัง ลำคอมีเส้นเลือดปูดโปน ส่งเสียงร้องทรมานยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ ร่างทั้งร่างดิ้นรนต่อสู้ นิ้วมือของสองมือข่วนออกไปในท่าทางแปลกๆ ยืดออกไปเต็มที่

เฉวียนอันตกใจ อยากเข้าไป ทว่าถูกฉินหลิวซีห้ามเอาไว้

“มันคือการเดิมพัน เขาจำต้องแบกรับมันด้วยตนเอง” ฉินหลิวซีใบหน้าเรียบนิ่ง “นี่เป็นชะตาชีวิตของเขา”

ใช่ การถอนพิษครั้งนี้ เดิมก็เป็นการเดิมพัน

กู่หนอนไหมทองจะต่อสู้สังหารอย่างสุดความสามารถ และเฉวียนจิ่งต้องการได้ชีวิตใหม่ ต้องอาศัยความปรารถนาที่จะมีชีวิตของเขาไปเดิมพันครั้งนี้ให้สำเร็จ อย่างที่เห็นตอนนี้

กู่หนอนไหมทองเข้าสู่เส้นลมปราณไขกระดูก ต่อสู้กับอัคคีเยือกแข็งกร่อนในทุกๆ ที่ที่ผ่าน รุกราน กลืนกิน

และเฉวียนจิ่งน่ะหรือ กลับกระอักเลือดสีดำกระอักแล้วกระอักอีก เลือดหยดลงจากเตียงสู่พื้นติ๋งๆ กลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว

เฉวียนจิ่งรู้สึกว่าแขนขาและกระดูกของเขาถูกเผาด้วยเปลวเพลิงรุนแรง กำลังถูกเลื่อย ถูกบดขยี้ จากนั้นจัดแต่งใหม่

เลือด ไหลทะลักออกมาจากรูทหารทั้งเจ็ดของเขา

เฉวียนอันมองไปยังผิวหนังของเฉวียนจิ่งที่นูนขึ้นเมื่อมีสิ่งเคลื่อนที่ไปมา จากนั้นมองเลือดสีดำ คุกเข่าลงกับพื้น น้ำตาไหลออกมา

ริมฝีปากของเฉวียนจิ่งเขียวคล้ำรวดเร็ว ถูกเขากัดจนเลือดเนื้อยากที่จะแยกออก ฉินหลิวซีเห็นเช่นนั้น จับแก้มของเขาเอาไว้ กำลังเตรียมยัดผ้าเข้าไป เพื่อป้องกันไม่ให้เขากัดลิ้นตนเอง

ไม่รอให้ฉินหลิวซีคลายมือ เขาก็ออกแรงสะบัดนาง กระโดดลงจากเตียง ใช้ศีรษะออกแรงชนเสาปลายเตียง

ฉินหลิวซีหยิบเข็มทองออกมาหนึ่งเล่ม ปักลงไปในจุดไป๋ฮุ่ย[2]ของเขา เฉวียนจิ่งนิ่ง ใบหน้าที่ไม่อาจเรียกได้ว่าหล่อเหลาแล้วบิดเบี้ยวดุร้ายราวกับผีร้าย ส่งเสียงคำรามราวกับสัตว์ดุร้าย

“ฆ่าข้า” ดวงตาของเฉวียนจิ่งแดงก่ำราวกับเปลวเพลิง น้ำตาไหลเป็นเลือดออกมา

ฉินหลิวซีกลับใช้มือเดียวจับเข็มและหมุน ปากเอ่ยบทสวดจู้โหยว[3]ขึ้นมา เสียงทุ้มต่ำกลายเป็นบทสวดออกมาจากปาก “สวรรค์คือหนึ่งชีวิต พื้นดินมีหกส่วน หนึ่งหกรวมกัน มีชีวิตชีวาใสสะอาด…”

นางท่องบทสวดพร้อมทั้ง ประทับคาถาไปยังแท่นดวงจิตของเขา

และเฉวียนจิ่งที่สูญเสียสติราวกับจมอยู่ในความมืด ยื่นมือไม่เห็นห้านิ้ว ไม่รับรู้สิ่งใด เขาพลันคิด อยู่แบบนี้ ความจริงก็ไม่เลว ไม่ต้องลำบากเฝ้าปกป้องอยู่ที่ซีเป่ยเหมือนบิดาและพี่ชายแท้ๆ ไม่ต้องลงสนามรบอีก ไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อบาดเจ็บ ยิ่งไม่ต้องแบกรับภาระยิ่งใหญ่

เขาเหนื่อยมากแล้ว ลำบากเกินไปแล้ว มิสู้นอนไปเช่นนี้

เฉวียนจิ่งปิดตาลง กระทั่งเสียงท่องดังมาถึงแก้วหู

เสียงที่ล่องลอยเข้ามาราวกับดวงอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า แสงอาทิตย์อบอุ่นสาดส่องมาบนร่างกาย ทำให้คนผ่อนคลาย เป็นมงคลและสงบสุข

เขาอยากกอดความอบอุ่นนี้เอาไว้ เฉวียนจิ่งลุกขึ้นยืน มุ่งหน้าไปตามเสียงที่ดังมา กระทั่งมีแสงสว่างเล็กๆ ส่องสว่างขึ้นในความมืด เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ ยื่นมือออกไป เดินเข้าไปในแสงสว่าง

เฉวียนจิ่งลืมตาขึ้น สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือดวงตาดำขลับที่ส่องสว่างเป็นประกาย แฝงไปด้วยรอยยิ้ม

“ยินดีกับเจ้า เจ้าเอาชนะสงครามของเจ้าได้แล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้มตาหยี “นักรบผู้กล้า เจ้าทำให้ยมทูตกลับไปมือเปล่าแล้ว และพวกเราไม่ได้กินเลี้ยง”

เว่ยเสีย ข้ายังไม่ไปนะ อีกอย่างคนเขาหนีรอดจากความตาย เจ้ากลับเสียดายไม่ได้กินเลี้ยง เป็นคนอยู่หรือไม่

เฉวียนจิ่งกะพริบตา หันออกไปมองทางหน้าต่าง แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในช่องหน้าต่าง ฟ้าสว่างแล้ว

[1]แสงสายันต์ก่อนตะวันรอน ความสดใสสุดท้ายก่อนตาย

[2]จุดไป๋ฮุ่ย เป็นจุดที่อยู่สูงสุดในร่างกายอยู่บริเวณศีรษะด้านบนในแนวกึ่ง กลางระหว่างใบหูทั้งสองด้าน

[3]บทสวดจู้โหยว เป็นการรักษาแบบหนึ่งของจีน ผสมผสานระหว่างการแพทย์และคาถา คล้ายๆ การบำบัด

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท