ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 599 ข้อตกลงสามข้อ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 599 ข้อตกลงสามข้อ

ตอนที่ 599 ข้อตกลงสามข้อ

เย่ไป๋เห็นเซี่ยอวี่ออกมาจากห้องน้ำแล้ว จึงลุกขึ้นและเดินไปอยู่ข้าง ๆ หล่อน

เขามองหล่อนด้วยสายตาอ่อนโยนแล้วถามว่า “วันนี้คุยงานราบรื่นดีไหมครับ?”

เซี่ยอวี่ตอบกลับ “ราบรื่นดีเลยล่ะ”

“พ่อผมบอกว่าเขาอยากให้คุณแวะมาที่บ้านสักวัน เห็นว่าอยากคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องหนังสือของเขา”

ทันใดนั้นดวงตาของเซี่ยอวี่ก็สว่างขึ้นเมื่อได้ยินอย่างนั้น ใบหน้านวลละออเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้นในแบบฉบับของคนรักหนังสือ “ไอดอลของฉันอยากคุยเรื่องบทบาทกับฉันงั้นเหรอ?”

เย่ไป๋ยิ้มและพยักหน้า “ใช่”

หล่อนตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเล “ได้ ถ้าฉันว่างเมื่อไหร่จะบอก คุณนัดวันมาได้เลย”

ทั้งครอบครัวนั่งล้อมวงกินข้าว ใบหน้าของเซี่ยไห่เต็มไปด้วยความสุข เขานั่งลงข้างลินดา จากนั้นก็ทำท่าทางเหมือนไม่อาจอดกลั้นในสิ่งที่ต้องการจะพูดได้

เมื่อหลิวกุ้ยอิงยกชามาเสิร์ฟแล้ว ทุกคนก็นั่งลงอย่างเรียบร้อย คุณแม่เซี่ยให้สัญญาณกับเซี่ยไห่ว่า “พูดในสิ่งที่ลูกอยากจะพูดเถอะ แม่คิดว่าลูกน่าจะอดรนทนไม่ไหวแล้ว”

ความจริงแล้วทุกคนต่างรู้เรื่องดีแก่ใจ

“อะแฮ่ม ขอพื้นที่ให้ผมได้พูดอะไรกับทุกคนสักหน่อย”

เซี่ยไห่ยืนขึ้น มองหน้าทุกคนด้วยสีหน้าจริงจังราวกับว่ากำลังจะจัดประชุม

แต่ดวงตากลับแพรวพราวไปด้วยรอยยิ้ม เหมือนสิ่งที่เขาจะพูดไม่ใช่เรื่องตึงเครียดอะไร

“ถ้าอย่างนั้น ลูกมีอะไรจะเล่าพวกเราฟังบ้างล่ะ”

ทั้งครอบครัวมองดูเขาแล้วรอฟังคำพูดต่อไป

เซี่ยไห่เหลือบมองหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง ทำท่าทางราวสงวนท่าที “ผมมีแฟนแล้วครับ”

“จริงเหรอ?” คุณแม่เซี่ยผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ “เสี่ยวไห่ นี่จริงจังหรือเปล่า? ลูกกำลังออกเดตกับใครสักคนอยู่จริง ๆ เหรอ?”

ว่าแล้วนางก็จ้องมองไปที่ลินดา

แน่นอนว่าการคาดเดาของพวกเขาถูกต้อง

แม้จะรู้อยู่แล้วว่าคนคนนั้นคือลินดา แต่คุณแม่เซี่ยก็ไม่กล้าแสดงออกชัดเจนจนเกินไป เพราะกลัวว่าจะเดาพลาด

“หล่อนเป็นใคร?” คุณแม่เซี่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้ ยังคงต้องเล่นตามน้ำต่อไป

“แม่ เป็นลินดาคนดีคนเดิมเองครับ” เซี่ยไห่ไม่สนใจว่าลินดาอยากเปิดตัวหรือไม่ เขาจับมือหล่อนแล้วดึงให้ลุกขึ้นยืนตาม “ผมอยากจะประกาศกับทุกคนในที่นี้ว่า ลินดากับผมตัดสินใจเริ่มต้นความสัมพันธ์กันอย่างเป็นทางการแล้ว หล่อนจะกลายเป็นแฟนของผมตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และจะกลายเป็นสมาชิกครอบครัวของพวกคุณด้วย จากนี้ไปเชิญเรียกหล่อนว่าอะไรก็ตามที่ทุกคนสะดวกใจได้เลย”

“งั้นผมต้องเรียกป้าลินดาว่าอะไรฮะ?” หู่จือมองไปที่หลินเซี่ยแล้วถาม

เฉินเจียเหอบอกว่า “เรียกว่าคุณยายรองไงล่ะ”

ลินดา “!!!”

ทำไมถึงได้หยาบคายอย่างนี้ล่ะ?

“หู่จือ ไม่ได้ เธอเรียกตามแบบเดิมไปก่อนเถอะ”

หู่จือมองไปที่หลินเซี่ยด้วยสายตาสับสน

หลินเซี่ยลูบหัวเขาแล้วกระซิบบอก “ต่อจากนี้ไปให้เรียกหล่อนแบบที่ตารองบอกนะ”

หลังจากที่เซี่ยไห่แนะนำความสัมพันธ์ของเขากับลินดาอย่างเป็นทางการ คุณแม่เซี่ยก็ร้องไห้อย่างมีความสุขว่า “เซี่ยไห่ ในที่สุดลูกก็รู้แจ้ง เต็มใจที่จะเผชิญหน้ากับหัวใจของตัวเอง แม่รู้ว่าลูกหลงรักลินดามานานแล้ว ไม่ช้าก็เร็วสักวันจะต้องแสดงความกล้าหาญ เผชิญหน้ากับความรู้สึกตัวเองอย่างตรงไปตรงมา”

“หลงรักเหรอ?” หลินเซี่ยยิ้ม “อารองคงแอบชอบพี่ลินดามานานแล้วสินะคะ?”

“ใช่แล้ว อาของหลานไม่ได้บอกหรอกหรือว่าอารองเขาแอบรักลินดามาหลายปีแล้ว?”

เมื่อลินดาได้ยินสิ่งที่คุณแม่เซี่ยพูด ใบหน้าของหล่อนก็แดงก่ำ หัวใจพลันเต้นแรงขึ้นมา จากนั้นก็แอบมองเซี่ยไห่อย่างลับ ๆ

เขาหลงรักหล่อนมานานแล้วจริง ๆ เหรอ?

“แม่ ลืมเรื่องในอดีตไปเถอะ ถึงยังไงตอนนี้ลินดาก็กลายเป็นแฟนของผมแล้ว และจะเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่ในอนาคต ฝากทุกคนได้โปรดดูแลหล่อนอย่างดี อย่าได้รังแกหล่อน”

“ใครจะกล้ารังแกหล่อนกันล่ะ? พวกเรามีแต่จะรักใคร่เอ็นดูและปกป้องหล่อนต่างหาก”

ก่อนหน้านี้เซี่ยไห่ทำได้แค่เฝ้าดูคนอื่นป้อนอาหารสุนัข ทั้งยังไปเป็นก้างขวางคอของใครต่อใคร วันนี้ในที่สุดเขาก็สละโสดได้ เขาจึงเริ่มแสดงความรักกับหล่อนเพื่อเป็นการแก้แค้น

หลังจากประกาศความสัมพันธ์แล้ว เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกินข้าวเลย เอาแต่ตักกับข้าวให้ลินดาอยู่เนือง ๆ

กระทั่งมีอาหารเหลืออยู่ในชามของหล่อน และลินดาบอกว่ากินไม่หมด เขาจึงหยิบบางส่วนจากชามของลินดาใส่ลงในชามของเขาเอง ไม่เว้นแม้แต่สิ่งที่ลินดากัดกินไปส่วนหนึ่ง

ทุกคนในปัจจุบันต่างตกตะลึงกับการเคลื่อนไหวอันยิ่งใหญ่ของเขา

ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเซี่ยไห่อาจจะมีความสุขมากกับชีวิตโสดของตัวเอง แต่พอเขาทำแบบนี้ นอกเหนือจากคุณแม่เซี่ยแล้ว มุมปากของคนอื่น ๆ ก็กระตุกอย่างรุนแรง ทนมองไม่ไหวด้วยซ้ำ

ถ้ารู้ว่าจะออกมาเป็นแบบนี้ คงพากันทิ้งเขาไว้ตามลำพังแล้ว

หลินเซี่ยอดไม่ได้ที่จะเตือนว่า “อารอง ทำตัวให้มันน้อย ๆ หน่อย”

เซี่ยไห่ยังคงตักซุปให้ลินดาต่อไป พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สิ่งที่ฉันทำอยู่มันผิดตรงไหน? ปกติสามีเธอก็ทำแบบนี้ออกบ่อยไม่ใช่เหรอ?”

หลินเซี่ยพูดไม่ออกเพราะคำพูดยอกย้อนของเซี่ยไห่

อันที่จริงเฉินเจียเหอก็มักจะแสดงออกทำนองนี้เหมือนกัน

ปรากฏว่าในสายตาของคนอื่นแล้ว มันเป็นภาพที่น่ารำคาญตามาก

หลินเซี่ยจึงออกปากพูดอย่างเด็ดขาด “ไม่ว่าใครก็ตาม จากนี้ช่วยแสดงออกให้มันน้อย ๆ หน่อย”

ใช่ว่าพวกผู้หญิงไม่มีมือมีเท้าเสียหน่อย ทุกครั้งที่ได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับคนอื่น ผู้ชายมักจะคอยบริการเหมือนพวกหล่อนกลายเป็นคนไร้ความสามารถ

คุณแม่เซี่ยพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไมต้องแสดงออกน้อยด้วยล่ะ? คนหนุ่มสาวสมควรแสดงความรักต่อกันอย่างเปิดเผยอย่างนี้แหละดี แค่มองดูพวกเธอฉันก็มีความสุขแล้ว”

“เห็นไหม ขนาดย่าเธอยังพูดอย่างนั้นเลย” จากนั้นเซี่ยไห่ก็แสดงออกอย่างไร้ยางอายมากยิ่งขึ้น

ลินดาถูกเขาทรมานอยู่นานเกือบจะลุกออกจากโต๊ะด้วยความโกรธ

หลังอาหารเย็น เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยต้องการกลับบ้าน เซี่ยไห่กำลังจะออกไปส่งลินดากลับ เซี่ยเหลยจึงขอให้เซี่ยไห่ไปส่งพวกเขาด้วย

ปรากฏว่าเซี่ยไห่รีบปฏิเสธอย่างไม่เกรงใจว่าเขาจะไม่ไปส่ง

เมื่อก่อนไม่ว่าธุระยิบย่อยใด ๆ ก็ตาม เขาจะเป็นคนที่ได้รับมอบหมายให้รับจบอยู่เสมอ

ต่างจากตอนนี้ เขาเปลี่ยนไปแล้ว

เซี่ยไห่มองไปที่เย่ไป๋ และพูดอย่างไพเราะ “พี่เขยขับรถมาที่นี่ใช่ไหม? ให้เขาไปส่งพวกเธอระหว่างทางสิ”

เย่ไป๋ก็รู้สึกขนลุกเช่นกันเมื่อได้ยินเซี่ยไห่เรียกตัวเองแบบนี้ ถึงอย่างนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ได้สิ เดี๋ยวฉันไปส่งเอง”

เซี่ยไห่ดึงแขนลินดาแล้ววิ่งหลบออกไป แต่คุณแม่เซี่ยเรียกหล่อนไว้ หยิบยื่นพวกผลไม้รวมถึงขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ ให้เพื่อที่หล่อนจะได้เก็บไว้กินเวลาหิวในตอนกลางคืน

ปกติคุณแม่เซี่ยก็ห่วงหาอาทรลินดามากอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งอีกฝ่ายกลายเป็นว่าที่ลูกสะใภ้แล้ว นางยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้น ทำให้ลินดาไม่อาจใช้บุคลิกเรียบเฉยเย็นชาต้านทานได้จริง ๆ

ทันทีที่ขึ้นรถ ลินดาก็รู้สึกผ่อนคลาย

หล่อนมองเซี่ยไห่ด้วยสายตาซับซ้อน

เซี่ยไห่ตกตะลึงกับสีหน้าของหล่อน จนเขาลูบจมูกแล้วถามว่า “เธอมองฉันทำไม?”

“มาคุยกันดีกว่า” ลินดาพูดทันที

เซี่ยไห่จำเรื่องไร้สาระที่เขาพูดต่อหน้าเซี่ยอวี่ก่อนหน้านี้ได้ ไพล่คิดไปว่าลินดาอาจจะเข้าใจผิด ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจที่จะถามคำถามอื่น รีบชิงอธิบาย

“อย่าเชื่อในสิ่งที่พี่สาวฉันพูด ฉันไม่ได้สนใจเธอแค่เพราะหลังจากฉันเปิดประตูไปเห็นเธออาบน้ำแล้วหลงใหลในทรวดทรงของเธอ ฉันถูกดึงดูดเพราะนิสัย บุคลิก และความสามารถของเธอต่างหาก อย่าเข้าใจฉันผิดเลยนะ”

ลินดาทำหน้าประหลาดใจ “นายพูดเรื่องอะไรอยู่น่ะ?”

“หา?” เซี่ยไห่ดูสับสน “เธอกำลังจะคุยเรื่องนี้กับฉันไม่ใช่เหรอ?”

“ถ้าอย่างนั้นเธออยากคุยอะไรกับฉันล่ะ?” เขามองหล่อนแล้วถามด้วยความสับสน

ลินดาทำหน้าตาจริงจังราวกับกำลังพูดคุยเรื่องธุรกิจ มองเขาแล้วพูดเสียงขรึมว่า “จากนี้ไป ฉันจะทำข้อตกลงสามข้อกับนาย ถ้านายทำไม่ได้ เราก็ไม่ต้องคุยกันอีก”

เซี่ยไห่ได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้นนั่งตัวตรงแล้วถามว่า “ข้อตกลงสามข้อที่ว่ามีอะไรบ้าง”

“ข้อแรก ตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่น อย่าทำตัวติดกับฉันให้มากนัก อย่าให้ใครมองออกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเรา”

“ข้อสอง นายไม่ได้รับอนุญาตให้เกาะติดฉันต่อหน้าคนในครอบครัว หรือแม้แต่การแสดงความรักก็ตาม ฉันเป็นผู้ใหญ่ที่หยิบจับทำอะไรด้วยตัวเองได้ นายไม่จำเป็นต้องคอยบริการฉันอย่างตักกับข้าว หรือรินน้ำให้”

“ข้อสาม ตอนที่นายอยู่กับฉัน นายต้องหัดรักษาภาพลักษณ์ให้ดีเข้าไว้”

เซี่ยไห่ตั้งใจฟังสามข้อตกลงที่ลินดาเสนออย่างตั้งใจ จากนั้นเขาก็แสดงความคิดเห็นว่า “ฉันไม่มีปัญหากับข้อตกลงที่สาม ฉันรักษาภาพลักษณ์ตัวเองให้ดูดีมาหลายปีแล้ว และจะยิ่งระมัดระวังมากขึ้นเมื่อมีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่ข้อแรกและข้อสองของเธอนี่มันยังไง? คิดจะให้ฉันเก็บซ่อนความรักไว้ใต้ดินงั้นเหรอ?”

เขาพูดต่อว่ามันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง “อย่าให้ใครมองออกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเรา หมายความว่ายังไง? เป็นเพราะฉันไร้ยางอายหรือเธอหน้าบางเกินไปกันแน่?”

ลินดาอธิบายว่า

“ความรักเป็นเรื่องที่ควรแสดงออกเฉพาะในพื้นที่ส่วนตัว ตราบใดที่เราอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข ก็ไม่จำเป็นต้องโอ้อวดไปซะทุกที่ ถ้าฉันสละโสดแล้วต้องมานั่งรับมือกับเรื่องไร้สาระพวกนี้ เห็นทีฉันคงไปต่อกับนายไม่ได้”

เมื่อเซี่ยไห่ได้ยินแบบนี้ เขาก็ตระหนักว่าตัวเองควรทำตัวให้สุขุมสมกับช่วงวัยของตัวเองเข้าไว้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าแฟนสาวที่เขากำลังคบหานั้นเป็นคนที่มีบุคลิกเย็นชาอยู่แล้ว แน่นอนว่าหล่อนไม่ชอบชายหนุ่มที่มีพฤติกรรมเอาแต่ใจอย่างเขา

เขาถามหล่อนกลับ “แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้แสดงความรักกับเธอล่ะ?”

ลินดาตอบ “เมื่อเราสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง”

“งั้นก็ดีเลย” หลังจากที่เซี่ยไห่พูดจบ เขาก็โน้มตัวเข้าไปหาและพูดว่า “ตอนนี้เราอยู่ด้วยกันตามลำพังแล้ว”

เขารวบร่างหล่อนเข้ามากอดทันที

เพียงหนึ่งวันนับตั้งแต่ได้รับการยืนยันความสัมพันธ์ แม้ว่าลินดาจะไม่ใช่เด็กสาวแรกรุ่น แต่หล่อนก็ยังบริสุทธิ์มากในด้านความรัก จึงรู้สึกเขินอายมาก เมื่อเห็นว่าเซี่ยไห่เคลื่อนไหวตามใจชอบขนาดไหน หล่อนก็รู้สึกอยู่เสมอว่าเขาช่างปรนเปรอความรักอย่างสุรุ่ยสุร่าย

“อย่ามองฉันแบบนั้นสิ” เมื่อเซี่ยไห่เห็นหล่อนหรี่ตาลง เขาก็รู้ว่าหล่อนกำลังครุ่นคิดอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง “เราอายุเท่าไหร่กันแล้ว ยังจะมัวเขินอายอะไรกันอีก? เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่ฉันชอบ ฉันไม่มีทางเก็บอาการได้หรอกนะ ไม่สิ นอกจากนี้ปกติเราต่างก็มักจะยุ่งกับงานของตัวเอง ไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อมากนัก ฉะนั้นเราควรเก็บเกี่ยวช่วงเวลาอันแสนวิเศษแบบตอนนี้ไว้ถึงจะถูก”

ลินดาหยุดเคลื่อนไหว

เซี่ยไห่เคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้หล่อนอย่างอ่อนโยน ดวงตาลึกล้ำของเขาตกลงไปอยู่บนริมฝีปากแดงเรื่อของหล่อน

ใบหน้าของลินดาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ รีบผลักเขาออกไป “ขับรถเร็วเข้า”

เซี่ยไห่กลับไปนั่งตัวตรงด้วยความเคอะเขิน

เฮ้อ น่าเสียดาย ฉันอยู่ตัวคนเดียวมานานเกินไป ในที่สุดตอนนี้ฉันก็มีแฟนแล้ว ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้จริง ๆ อยากแสดงความรักกับหล่อนอยู่เสมอ

เมื่อพวกเขามาถึงชั้นล่างของอาคาร เซี่ยไห่ก็ยืนกรานว่าจะขึ้นไปส่งหล่อนถึงหน้าห้อง

ลินดาปฏิเสธไม่ยอมใจอ่อนท่าเดียว ดังนั้นเซี่ยไห่จึงทำได้เพียงส่งหล่อนถึงแค่ชั้นล่างเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าไฟในห้องของหล่อนสว่างขึ้น เขาก็จากไปอย่างไม่เต็มใจ

แม้ว่าลินดาจะกำชับเตือนเขาว่าอย่าแสดงความรักในที่สาธารณะ แต่เซี่ยไห่กลับรู้สึกตื่นเต้นในตัวหล่อนมากเกินไป ไม่อาจอดกลั้นไว้ได้โดยไม่แสดงออก

ในเมื่อลินดาไม่ยอมให้เขาอวดตอนทั้งสองอยู่ด้วยกัน ถ้าอย่างนั้นเขาจะอวดเอง

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

พี่ไห่คลั่งรักเกินไปแล้วไหม ดูหน้าแฟนด้วยจ้าาา

ไหหม่า(海馬)

……………………………………

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท