ตอนที่ 251 หาพบ
ซินโย่วก้าวเข้าไปตรวจสอบละเอียด ก็เห็นแผ่นกระดาษคำสั่งห้ามเข้าออกยังคงอยู่เช่นเดิม ไม่พบร่องรอยฉีกขาด
“คุณหนูรู้จักตระกูลนี้หรือ!”
เสียงหญิงชราดังขึ้นด้านหลัง ซินโย่วหันไปก็เห็นหญิงชราผมขาว
“ข้าเป็นเพื่อนของไฉ่หลัน ท่านยาย นี่คืออันใดหรือเจ้าคะ” ซินโย่วชี้ไปที่ประตูตระกูลจี้ที่ปิดคำสั่งห้ามเข้าออก
หญิงชราถอนหายใจ “ครอบครัวนางพลอยเดือดร้อนเพราะญาติ ชายถูกตัดสินจำคุก หญิงถูกส่งไปเป็นทาสหลวง คุณหนูรีบไปดีกว่า วันหน้าอย่าได้มาอีก จะได้ไม่ถูกเจ้าหน้าที่เห็นเข้า นำภัยมาสู่ตัว”
ซินโย่วเผยสีหน้าตกใจและเสียใจ “เหตุใดกะทันหันเช่นนี้”
“ก็ใช่น่ะสิ ผู้ใดจะคิดกัน ครอบครัวดีๆ…” หญิงชราเริ่มเล่า
ซินโย่วเป็นผู้ฟังที่ดี ได้รู้จากมุมมองคนนอกว่าก่อนหน้าวันที่เจ้าหน้าที่ทางการมาจับกุมนั้นมีขโมยขึ้นบ้านตระกูลจี้
“เจ้าหัวขโมยนั่นใจกล้าจริง กลางวันแสกๆ ก็กล้าปีนกำแพงเข้ามา” หญิงชราชี้ไปยังจุดที่ขโมยปีนเข้าไป ก่อนจะชี้มาที่ประตูบ้านตนเอง “ตอนนั้นข้านั่งพักอยู่ที่หน้าประตู หัวขโมยคิดว่าข้านอนหลับ…”
ซินโย่วเผยสีหน้าตกใจ “ใจกล้าจริงๆ แล้วไม่ถูกจับหรือ”
หญิงชราเก้กังครู่หนึ่งก็กลบเกลื่อนไปว่า “ไม่เห็นเจ้าหัวขโมยได้อันใดออกมา ในบ้านตระกูลจี้ก็ไม่มีคน…”
เดิมก็เป็นตระกูลที่กระทำผิดกฎหมาย ผู้ใดจะหาความยุ่งยากใส่ตัวกัน
“คุณหนูรีบไปเถอะ ตระกูลจี้กลิ่นอายไม่เป็นมงคล ปีที่แล้วน้องชายและน้องสะใภ้ก็พากันจากไป เพียงแค่ไม่ถึงปีก็มาถึงคราวตระกูลจี้…”
ซินโย่วกล่าวขอบคุณก่อนรีบก้าวจากไป
ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ มีโจรเข้าบ้านตระกูลจี้ เกรงว่ามิใช่โจรกระจอกจริงๆ
พอถึงยามค่ำ พระจันทร์ถูกเงาเมฆบดบัง ดวงดาวกลางท้องฟ้าประปราย ถนนจี๋เสียงฟางก็มืดสนิท แต่ละครอบครัวดับไฟเข้านอนกันไปนานแล้ว
ซินโย่วมาถึงบ้านหลังที่สามในชุมชนตรอกเมาเอ๋อร์ที่ยามนี้เงียบกริบ หลังสำรวจดูแล้วก็กระโดดข้ามกำแพงไป
ในลานมีสภาพรกระเกะระกะอยู่บ้าง ราวเชือกตากผ้ายังมีเสื้อผ้าที่ซักตากไว้อยู่สองสามชุด มีชุดหนึ่งร่วงลงพื้น ดูแล้วเหมือนมีคนหมอบอยู่ตรงนั้น
ซินโย่วเคยมาบ้านตระกูลจี้ นางเข้าไปในเรือนกลางก่อน ใช้แขนเสื้อบังแสงตะเกียงทองแดงเล็กๆ ที่เตรียมมา ส่องดูรอบๆ
แสงน้อยนิดจำกัดแค่ราวรัศมีหนึ่งนิ้ว พอดีกับการมองสิ่งของตรงหน้าระยะใกล้ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าแสงจะเล็ดลอดออกไป
นี่คือห้องตะวันออกที่บิดามารดาจี้ไฉ่หลันพัก บานตู้ลิ้นชักถูกรื้อค้นมาก่อนหน้านี้ เห็นชัดว่ารื้อจนเละเทะมาก แต่จี้ไฉ่หลันบอกว่า ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ทางการที่มาจับกุมพวกนางไม่ได้รื้อค้นสิ่งของ
ซินโย่วหาเสร็จก็ไปยังห้องตะวันตก
เตียงติดกำแพงในห้องตะวันตกหลังหนึ่ง ดูแล้วไม่มีคนนอน ทั้งห้องคล้ายว่าเป็นห้องไว้เก็บของจิปาถะ จึงรกยิ่งกว่า ผ้าห่มเก่ากระจัดกระจาย หนังสือขาดรุ่งริ่ง ตู้เสื้อผ้าล้ม…
ซินโย่วมองไปยังกระดานเตียง ก้าวเข้าไปยกขึ้นก่อนจะล้วงเข้าไปด้านใน ก็คว้าของแข็งชิ้นหนึ่งออกมา นำออกมาดูก็เห็นเป็นกล่องไม้สี่เหลี่ยม
แม้คาดเดาว่ากล่องไม้นี้ไม่ใช่กล่องที่นางต้องการหา แต่นางก็ยังคงเปิดออกดู เห็นเศษเงินในนั้น ยังมีเงินเหรียญทองแดงอีกจำนวนหนึ่ง
ซินโย่วเก็บกลับเข้าที่เดิม ออกจากโถงกลางผ่านห้องตะวันตกและตะวันออก ก่อนจะตรงไปห้องครัว
ห้องตะวันออกเป็นที่พักของพี่ชายสองคนของจี้ไฉ่หลัน ห้องตะวันตกเป็นที่พักของจี้ไฉ่หลันกับโจวหนิงเยวี่ย คิดว่ามารดาจี้ไฉ่หลันไม่มีทางเก็บของสำคัญไว้ในที่พักบุตรชายหญิง
จี้ไฉ่หลันบอกนางว่ามารดานางเก็บของไว้ที่ใดบ้าง ไม่ได้เอ่ยถึงห้องตะวันตกและตะวันออกจริงๆ แต่เป็นห้องที่อยู่ระหว่างห้องตะวันออกกับตะวันตกห้องหนึ่ง ห้องครัว และห้องเก็บฟืน ทั้งหมดแยกเป็นสามที่
เทียบกับความรกของห้องในเรือนกลางทั้งสามห้อง ห้องครัวดูเป็นระเบียบกว่ามาก ซินโย่วยกตะเกียงมองไปรอบๆ ตรงไปยังจุดซ่อนของที่จี้ไฉ่หลันเอ่ยถึง
นั่นคือกำแพงอิฐตรงข้ามเตา ดูแล้วเป็นอิฐรมดำไม่ต่างอันใดกับอิฐโดยรอบ แต่ความจริงนั้นขยับได้
ซินโย่วยื่นมือไปเคาะ ฟังจากเสียงก็เดาได้ว่าคือก้อนไหน ออกแรงเพียงเล็กน้อย อิฐก้อนนั้นก็ถูกดึงออกมา
ด้านในเป็นช่องขนาดเล็กมาก มีกล่องสี่เหลี่ยมใบไม่ใหญ่มากนักวางนิ่งอยู่ในนั้นพร้อมกับใส่กุญแจเล็กๆ เอาไว้
น่าจะเป็นกล่องนี้
ซินโย่วเก็บกล่องเรียบร้อยก็ปรับกำแพงให้เป็นปกติ กำลังจะออกมาก็พลันชะงัก รีบเป่าดับไฟทันที
ในความมืดมิด หูของนางยิ่งไว ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นและเบายิ่ง ก้าวมาทางห้องครัวทีละก้าวอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย คล้ายรู้ว่าผู้ใดอยู่ข้างใน
ซินโย่วกลั้นหายใจคลำมีดสั้น วิเคราะห์สถานะผู้ที่มา
มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นคนที่ตามหากล่องที่โจวทงทิ้งไว้ หรืออาจเป็นกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน
มารดาจี้ไฉ่หลันตายอย่างไม่คาดคิด ยังปรากฏผู้ที่ต้องการไถ่ตัวโจวหนิงเยวี่ยสองพี่น้อง ด้วยความรอบคอบของใต้เท้าเฮ่อ การส่งคนมาจับตาดูตระกูลจี้ย่อมไม่เหนือความคาดหมาย
ซินโย่วเอนเอียงไปทางเหตุผลหลังมากกว่า และนี่ก็เป็นสาเหตุที่นางยังคงสงบนิ่งอยู่
เสียงฝีเท้าหยุดลง
ด้านนอกมีแสงวับแวม เงาร่างนั้นค่อนข้างสูงผึ่งผาย
หลังเงียบไปชั่วครู่ ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น “คุณหนูโค่ว”
ซินโย่วเดินออกมาจากที่ซ่อน จุดตะเกียงทองแดงสว่างขึ้นอีกครั้ง
แสงไฟส่องทั้งสองคน เพียงพอให้ทั้งคู่เห็นแววตาของอีกฝ่าย
เฮ่อชิงเซียวมองสาวน้อยชุดดำที่ถือมีดสั้นไว้ในมืออย่างมิได้ตกใจ ยิ้มถามขึ้นว่า“คุณหนูโค่วรู้ว่าข้าจะมา?”
“ข้าเดาว่าใต้เท้าเฮ่อน่าจะส่งคนมาเฝ้าสังเกตที่นี่”
“คุณหนูโค่วได้เบาะแสอันใดหรือไม่”
“น่าจะได้”
ตั้งแต่ใต้เท้าเฮ่อรู้สถานะของนางและเลือกที่จะเก็บเป็นความลับ พวกเขาก็ถูกกำหนดให้เป็นคนที่ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ซินโย่วไม่คิดปิดบังเรื่องกล่องนี้กับเฮ่อชิงเซียว “ไปคุยในห้องกัน”
ยามนี้หาสถานที่อื่นคุยกันย่อมไม่สะดวก อีกอย่าง หากหากล่องผิด ก็จะได้หาต่อได้
ทั้งสองคนเดินเข้าไปเรือนกลางฝั่งห้องตะวันตก
ห้องตะวันตกมีของกองระเกะระกะแต่ละแห่งล้วนเป็นที่กำบัง ดวงไฟเล็กเท่าเม็ดถั่วย่อมหลบสายตาภายนอกได้
ซินโย่วมองไปรอบๆ ก่อนนั่งลงบนหีบเสื้อผ้าที่พลิกคว่ำ
ในแววตาเฮ่อชิงเซียวเผยรอยยิ้ม ก่อนลงคุกเข่าข้างหนึ่ง
“ข้าได้ยินจากคุณหนูโจวว่าโจวทงทิ้งกล่องไว้ใบหนึ่ง พี่สาวเขาเก็บเอาไว้ น่าจะเป็นกล่องนี้” ซินโย่ว หยิบกล่องเล็กออกมา
เฮ่อชิงเซียวยื่นมือไปรับก่อนจะแตะแม่กุญแจดู
“ต้องเปิดหรือ”
“เปิดเถอะ จะได้แน่ใจก่อนว่าใช่หรือไม่”
เฮ่อชิงเซียวล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ ไม่รู้ว่าควักเอาลวดเส้นเล็กออกมาจากที่ใด จากนั้นก็แงะแม่กุญแจสองสามที แม่กุญแจก็เปิดออก
เขาขยับกล่องออกห่างจากซินโย่วเล็กน้อย ค่อยๆ เปิดออก
ไม่ได้ปรากฏไอพิษลอยหรืออาวุธลับพุ่งออกมา ในกล่องมีกระดาษแผ่นหนึ่ง
ซินโย่วยกตะเกียงเข้าไปส่อง
“คุณหนูโค่วรอสักครู่”
เฮ่อชิงเซียวหยิบถุงมือหนังบางมากออกมา ก่อนจะสวมเรียบร้อยแล้วค่อยหยิบของในกล่องออกมา
เป็นจดหมายสองฉบับ ยังมีเศษกระดาษม้วนเล็กๆ อีกหนึ่ง
ทั้งสองคนอาศัยแสงตะเกียงริบหรี่ อ่านทีละแผ่น
ซินโย่วจ้องมองคำลงท้ายของจดหมาย มีอักษรชื่อ ‘ตงเซิง’ แม้ว่าเศษกระดาษนั้นมีอักษรไม่มาก แต่สารที่เผยออกมากลับทำให้มือที่ถือตะเกียงของนางสั่นเล็กน้อย