ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 325 แสงจันทร์ไม่เอ่ยเรื่องผีสาง-3

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 325 แสงจันทร์ไม่เอ่ยเรื่องผีสาง-3

หลิวรุ่ยอิ่งแทบฉุดกระชากลากเถ้าแก่เนี้ยมาถึงหน้าโลงศพนี้

ให้นางลองดูผู้ใต้บังคับบัญชาที่ตายไปของตน

“คนผู้นี้ตายแล้ว”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าว

“เป็นใครถูกมีดปักทะลุสมองก็ตายทั้งนั้น”

หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว

“เฮ้อ…ข้าถึงได้บอกอย่างไรเล่า คนที่มีชีวิตอยู่ล้วนเป็นยอดฝีมือ”

เถ้าแก่เนี้ยถอนหายใจยาวพลางกล่าว

ลมหายใจของนางพัดถึงตะเกียงในมือ

เปลวไฟไหวระริกครู่หนึ่ง

ทำให้ในร้านโลงศพนี้ยิ่งดูประหลาดและเศร้าโศกขึ้นหลายส่วนโดยปริยาย

“เขาฟังคำของเจ้า นอนในโลงศพหลบผีสางขับไล่สิ่งชั่วร้าย แต่กลับหลบไม่พ้น เจ้าจะอธิบายอย่างไร”

หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยถาม

“เจ้าเป็นคนของกรมสอบสวนไม่ใช่รึ รู้เรื่องคนเป็นครึ่งหนึ่ง รู้เรื่องคนตายทั้งหมด ทำไมยังต้องมาถามข้า ข้าเป็นแค่คนค้าขาย เถ้าแก่เนี้ยธรรมดาคนหนึ่ง”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าว

“เรื่องของคนย่อมรู้แน่ชัด แต่ที่เจ้ามีผีหรือมีเทพข้าก็ไม่รู้แล้ว”

หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว

จากนั้นหยิบมีดไม่ลับคมที่สังหารผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาออกมา

“เขาถูกฆ่าตายด้วยมีดเล่มนี้?”

เถ้าแก่เนี้ยเอ่ยถาม

“ข้าเพิ่งดึงออกจากหน้าผากเขา”

หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว

แต่คำพูดของเถ้าแก่เนี้ยกลับชี้ทางให้เขาเล็กน้อย

สิ่งที่ชัดเจนที่สุดอาจไม่จริงแท้ที่สุดเสมอไป

แม้บนหน้าผากปักมีดเล่มหนึ่ง

แต่คนผู้นี้อาจไม่ได้ถูกฆ่าตายด้วยมีดเล่มนี้

ก่อนหน้านี้คนของอาคารกรมสอบสวนเมืองหยางเหวินผู้นี้นอนอยู่ในโลงศพตลอด หลิวรุ่ยอิ่งก็ไม่อาจตรวจสอบร่างโดยละเอียด

ตอนนี้ดูเหมือนตนสะเพร่าไปหน่อย

เขาให้หวาหนงช่วยยกร่างในโลงศพออกมา

แม้เขามีวิธีเคลื่อนย้ายศพที่ง่ายกว่านั้น

แต่สำหรับผู้ตาย อย่างไรก็ต้องมีความเคารพและให้เกียรติสองสามส่วน

คนตายแล้วศพควรจะค่อยๆ แข็งทื่อ

แต่ศพของคนผู้นี้กลับนุ่มนิ่มเหมือนปุยหลิว

หลิวรุ่ยอิ่งสัมผัสโดยละเอียด

กระดูกทั้งกายของเขาถูกกระเทือนจนแตกหมดแล้ว

นอกจากศีรษะ แม้แต่ข้อตรงนิ้วมือก็ไม่เว้น

แค่เคลื่อนย้ายเล็กน้อย

ปากของเขาก็เริ่มพ่นเลือดสดออกมาหลายคำใหญ่

จนปัญญา ได้แต่ให้เขานอนสงบนิ่งอยู่ในโลง

แม้สีหน้าหลิวรุ่ยอิ่งไม่แสดงอาการ แต่ยังคงยากปกปิดความผวาในใจเขา

มือของเขาเริ่มสั่นเล็กน้อย

เป็นคนแบบไหนกัน ถึงได้ทำให้กระดูกทั้งร่างของคนคนหนึ่งกลายเป็นผุยผงได้ในพริบตาโดยไม่บาดเจ็บถึงผิวหนังสักนิดเดียว

สำหรับคนที่ตายแล้วผู้นี้

เขาสุขใจไม่น้อย

เพราะเขาไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดใด

ความตายมาเยือนและเกิดขึ้นในชั่วพริบตา

แต่สำหรับหลิวรุ่ยอิ่งกลับน่ากลัวอย่างยิ่ง

เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ เขารู้สึกไร้กำลังอยู่ลึกๆ

“ตอนนี้คืนความบริสุทธิ์ให้ข้าได้หรือยัง”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าวเรียบเฉย

หลิวรุ่ยอิ่งพยักหน้า

เถ้าแก่เนี้ยไม่มีความสามารถระดับนี้

หลิวรุ่ยอิ่งยังไม่เคยเจอคนที่มีความสามารถเช่นนี้มาก่อน

และถ้าคำนวณจากเวลาตาย

ตอนเขาตาย เถ้าแก่เนี้ยน่าจะบังเอิญอยู่ในห้องหลิวรุ่ยอิ่งพอดี

“ขายโลงศพให้เจ้าเป็นม้าตัวหนึ่งแล้วกัน”

เถ้าแก่เนี้ยพูดจบประโยคนี้ก็บิดเอวเตรียมจากไป

แต่หลิวรุ่ยอิ่งนึกเรื่องหนึ่งได้กะทันหัน

เขาโอบเอวของเถ้าแก่เนี้ย กดนางลงบนฝาโลงที่อยู่ด้านข้าง

จ้องดวงตาของนางด้วยสายตาแวววาม

“นอกจากเจ้า ที่นี่ยังมีสตรีอีกสองคน ข้าเคยเห็น พวกนางอยู่ไหน”

หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยถาม

“นางสองคน? ไม่รู้ปรนนิบัติอยู่บนเตียงใคร ทำไมหรือ เจ้าไม่ชอบข้า แต่ชอบพวกนาง?”

แม้เถ้าแก่เนี้ยกล่าวคำหยอกเย้า

แต่น้ำเสียงกลับจริงจังอย่างยิ่ง

หลิวรุ่ยอิ่งถือมีดเล่มนั้นขึ้นมาวางตรงหน้าเถ้าแก่เนี้ย

ก่อนหน้านี้นางเห็นไม่ชัดเพราะแสงตะเกียงสลัว

คราวนี้พอมองมีดสั้นเล่มนี้ สีหน้านางเปลี่ยนทันใด

เถ้าแก่เนี้ยกำลังหวาดกลัว

แต่นางกลัวอะไรอยู่

มีดเล่มนี้สื่อถึงอะไรกันแน่

“ดูเหมือนเจ้าจะรู้จักมีดเล่มนี้!”

หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว

“ไม่…ไม่รู้จัก! ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน! ใครจะใช้มีดไม่ลับคมกัน!”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าว

หลิวรุ่ยอิ่งยิ้ม

เพราะเขารู้ว่าเถ้าแก่เนี้ยรู้จักมีดเล่มนี้

ลับหรือไม่ลับคม ไม่ใช่สิ่งที่มองออกในแวบแรก

แม้หลิวรุ่ยอิ่งรู้ว่าเถ้าแก่เนี้ยใช้มีดเป็น แต่การมองลักษณะพิเศษของมีดเล่มหนึ่งออกเช่นนี้ มีแต่นางต้องเคยเห็นมีดเล่มนี้มาก่อน

เถ้าแก่เนี้ยคิดจะดิ้นออกไป

แต่ถูกหลิวรุ่ยอิ่งกดไว้อย่างแน่นหนา

เขาไม่เอ่ยสื่งใด

เพราะเขากำลังรอให้เถ้าแก่เนี้ยพูดก่อน

“เจ้าลองเปิดโลงศพทั้งหมดในนี้ดูก็รู้แล้ว”

เถ้าแก่เนี้ยยอมแพ้ในที่สุด

หลิวรุ่ยอิ่งส่งสัญญาณให้หวาหนงไปลองดู

หวาหนงมีความเข้าใจเรื่องความตายต่างจากคนทั่วไป

ในสายตาเขา เป็นกับตาย ฆ่ากับถูกฆ่าก็เหมือนแม่ไก่ออกไข่ พ่อไก่ขันร้อง

ล้วนเป็นเรื่องปกติในโลก

ไม่มีอะไรควรค่าให้ใส่ใจเป็นพิเศษ

เขาเปิดฝาโลงศพเหล่านี้ออกทีละใบด้วยกระบี่

เถ้าแก่เนี้ยเห็นการกระทำของหวาหนง นางหลับตาลง ปากพึมพำ “ผิดไปแล้ว…ผิดไปแล้ว…”

หลิวรุ่ยอิ่งไม่สนใจท่าทางพูดจาเลอะเทอะของนาง

เขาแค่ต้องการคำตอบและความจริง

“ท่านอาจารย์อา คนตายทั้งหมดในนี้ล้วนมีรูบนหน้าผากเหมือนกับเขาไม่มีผิด”

หวาหนงกล่าวกับหลิวรุ่ยอิ่ง

“เช่นนั้นเจ้าโกหกแล้ว”

หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว

“ข้าโกหกอะไร”

เถ้าแก่เนี้ยเอ่ยถามพลางยืดคอตรง

“เจ้าบอกว่าเจ้าไม่เคยเห็นมีดเล่มนี้มาก่อน แต่คนตายทั้งหมดในนี้ล้วนถูกมีดเล่มนี้ปักทะลุหน้าผาก”

หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว

“มีดที่เหลืออยู่ไหน”

หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยถาม

“มีดที่เหลืออะไร”

เถ้าแก่เนี้ยเลิกคิ้วเอ่ยถาม

เรื่องมาถึงตรงนี้ ต่อให้หลิวรุ่ยอิ่งใช้ไม้แข็งก็ไร้ประโยชน์

ดีที่ตอนเขาลงจากอาคารเมื่อครู่มีเงินที่เพิ่งส่งมาติดอยู่ในอกสองสามแท่ง

เขาล้วงออกจากในอกแท่งหนึ่งและยัดใส่สาบเสื้อตรงหน้าอกเถ้าแก่เนี้ย

“ตามข้ามา”

เถ้าแก่เนี้ยได้เงินแล้ว แม้ดูไม่ค่อยสบอารมณ์และดีใจขนาดนั้น

แต่อย่างน้อยก็สืบหาเบาะแสนี้ต่อได้แล้ว

เถ้าแก่เนี้ยพาหลิวรุ่ยอิ่งกับหวาหนงมายังโถงด้านหลัง

เป็นสถานที่ที่เถ้าแก่อ้วนคนนั้นตุ๋นเนื้อให้ทุกคนตอนกลางวัน

โถงด้านหลังของร้านอาหารแห่งอื่นมักเหม็นกลิ่นน้ำมัน

แต่โถงด้านหลังของที่นี่กลับอากาศสดชื่นอย่างยิ่ง

หากไม่เห็นเตาดินกับหม้อใหญ่ใบนั้น เป็นใครก็นึกไม่ถึงว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ทำอาหาร

เถ้าแก่เนี้ยเดินถึงด้านในสุดของโถงด้านหลัง

หลิวรุ่ยอิ่งไม่ได้ตามเข้าไป

เพราะในโถงด้านหลังไม่มีอากาศผ่าน กระทั่งแสงจันทร์ก็ลอดเข้ามาไม่ได้

มีแค่ตะเกียงดวงเล็กในมือเถ้าแก่เนี้ย ไม่พอส่องสว่างรอบด้านโดยสิ้นเชิง

กับสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย หลิวรุ่ยอิ่งจะไม่เสี่ยงเด็ดขาด

หากมีแค่เขาคนเดียวยังพอว่า

แต่ตอนนี้ข้างกายมีหวาหนงตามมาด้วย

หลิวรุ่ยอิ่งเห็นเถ้าแก่เนี้ยหยิบกล่องเหล็กใบหนึ่งออกมาจากบนตู้เก็บของด้านในสุดของโถงด้านหลัง

ไม่ว่าสิ่งใดใส่อยู่ในกล่องเหล็กล้วนเกิดเสียงกระทบ

แต่เถ้าแก่เนี้ยหยิบกล่องเหล็กใบนี้ออกมาแล้วกลับไม่มีเสียงเลยสักนิด

ถ้าไม่ใช่เพราะนางมือนิ่งมาก

ก็เป็นเพราะกล่องเหล็กใบนี้ใส่ของไว้เต็ม ไม่เหลือช่องว่างแม้แต่น้อย

เถ้าแก่เนี้ยถือกล่องเหล็กเดินมาตรงหน้าหลิวรุ่ยอิ่งและส่งตะเกียงในมือให้หวาหนง

จากนั้นมือหนึ่งถือกล่องเหล็ก มือหนึ่งเปิดมันออก

หลิวรุ่ยอิ่งเห็นข้างในกล่องเหล็กใส่มีดสั้นอัดแน่นไว้เต็มทั้งกล่อง

เหมือนเล่มที่เขาเพิ่งดึงออกจากหน้าผากของคนในอาคารกรมสอบสวนเมืองหยางเหวินที่ตายไปผู้นั้น

“เจ้าสะสมมีดเหล่านี้มานานเท่าไร”

หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยถาม

“จำไม่ได้แล้ว บางครั้งมีเยอะมาก บางครั้งไม่มีมานาน…แต่ต่อเนื่องมานานเท่าไรข้าก็จำไม่ได้แล้ว”

เถ้าแก่เนี้ยกล่าว

หลิวรุ่ยอิ่งยื่นมือรับกล่องเหล็กใบนี้มา

จากนั้นวางมีดในมือของตนเข้าไปด้วย

“เช่นนั้นเจ้าก็สะสมต่อไปเถอะ”

หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว

ทว่าเมื่อวางมีดสั้นเพิ่มอีกเล่มหนึ่ง กล่องเหล็กใบนี้กลับปิดไม่ได้แล้ว

………………………………………….

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

Status: Ongoing
ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมา เขาจึงมุ่งหน้าสู่แดนพายัพ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเซียนและการต่อสู้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท