สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 1182 ตอนพิเศษ (66.1)

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 1182 ตอนพิเศษ (66.1)

บทที่ 1182 ตอนพิเศษ (66.1)

“ไม่นานมานี้ศาลาว่าการอำเภอกำลังตรวจสอบทะเบียนราษฎร์ ข้าเพียงแต่ทำไปตามหน้าที่” ถังกั๋วกงเอ่ยอย่างใจเย็น “ได้ยินว่าอนุผู้นั้นของท่านไม่ทราบที่มา ข้าสงสัยว่านางเกี่ยวข้องกับขุนนางกบฏผู้หนึ่งจึงคิดจะเอ่ยถามคำถามเพิ่มเติมสักสองสามข้อ บัดนี้ในเมื่อท่านมาแล้ว เช่นนั้นก็มาพูดคุยเรื่องของอนุท่านกันเถิด ข้ายังต้องทำการตรวจสอบอีกครั้ง หากอนุบ้านท่านเกี่ยวข้องกับขุนนางกบฏผู้นั้นจริง ๆ…”

“ใต้เท้าเข้าใจผิดแล้ว” เหมียวกุ้ยกล่าวอย่างร้อนรน “ภรรยาของข้าเป็นเพียงสาวใช้ ไม่ใช่คุณหนูสกุลสูงศักดิ์อะไร ขุนนางกบฏผู้นั้นควรไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง….”

ขุนนางกบฏหรือ?

หากความผิดนี้ตัดสินออกมาแล้ว พวกเขาทั้งสกุลเหมียวล้วนต้องรับผลกรรม…

หลังจากเหมียวกุ้ยได้ยินดังนั้นก็ไม่กล้าเสี่ยงอีกต่อไป

ส่วนข้อมูลที่เขาได้รับมานั้น เขาจะถือเสียว่าคนของเขาเข้าใจผิด สิ่งที่ขุนนางผู้นี้กำลังตามหาไม่ใช่ครอบครัวของตนแม้แต่น้อย หากแต่เป็นกบฏ ‘ญาติ’ ผู้นี้ไม่อาจยอมรับมั่ว ๆ เป็นอันขาด

“ก่อนหน้าท่านไม่ได้กล่าวเช่นนี้”

“ข้าเป็นเพียงผู้น้อยผู้หนึ่ง แม้กระทั่งสาวใช้จากสกุลสูงศักดิ์ อยู่ที่นี่ยังล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง ผู้น้อยเพียงแต่… สับสนไปเสียแล้ว”

“เช่นนั้นหรือ?”

“ใช่แล้วขอรับ ๆ”

“ยังจะนับญาติอยู่หรือไม่?”

“ไม่นับแล้ว ไม่นับแล้วขอรับ”

ถังกั๋วกงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ทหาร ส่งแขก!”

เหมียวกุ้ยโค้งคำนับแล้วจากไปอย่างเร็วรี่

หลังจากที่เหมียวกุ้ยจากไปแล้ว ผู้ติดตามที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ย “นายท่าน คำพูดของเหมียวกุ้ยผู้นี้ไม่สอดคล้องกันแม้เพียงเรื่องเดียว ที่แท้คำกล่าวใดเป็นจริงคำกล่าวใดเป็นเท็จ แม้กระทั่งข้าน้อยยังสับสนแล้วเช่นกัน”

ถังกั๋วกงขมวดคิ้ว “เดิมทีข้าก็มักจะรู้สึกว่าสตรีตื้นเขินดุร้ายเช่นนั้นไม่อาจเป็นลูกสาวข้าไปได้ ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง ตรวจสอบอนุผู้นั้นของสกุลเหมียวให้กระจ่างแจ้งทะลุปรุโปร่ง”

หลังจากผู้ใต้บังคับบัญชาออกไปแล้ว ถังกั๋วกงก็ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์

โดยไม่รู้ตัว เขาก็มาถึงร้านผ้าไหมของถังลี่เฉิงแล้ว

กล่าวไปแล้วก็บังเอิญยิ่งนัก หลิวจิ่วจู๋กำลังพูดคุยเรื่องการค้ากับถังลี่เฉิงอยู่ที่นั่นพอดี

เมื่อเห็นหลิวจิ่วจู๋ ถังกั๋วกงจึงเอ่ย “สามีผู้นั้นของเจ้าเป็นขุนนางแล้ว เจ้ามากน้อยอย่างไรก็เป็นฮูหยินขุนนางผู้หนึ่ง เหตุใดจึงยังลำบากลำบนอยู่เช่นนี้?”

“สามีก็ส่วนสามี ข้าก็ส่วนข้า สามีมีเรื่องของตน ข้าก็ควรมีเรื่องของตนเช่นกัน ไม่เช่นนั้นจะไม่น่าเบื่อหรือ” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “นายท่านถังรู้สึกว่าเรื่องที่ข้าทำทำให้สามีขายหน้าหรือ?”

“ไม่ใช่เช่นนั้น”

คนสกุลลู่แต่ไรมาไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านี้

นังหนูน้อยผู้นี้คงจะสอดคล้องกับความต้องการของคนสกุลลู่ทีเดียว

“ข้าอยากขึ้นเขาไปล่าสัตว์ เจ้ามีสถานที่ดี ๆ แนะนำบ้างหรือไม่?”

“ขึ้นเขาหรือ…” หลิวจิ่วจู๋คิดอยู่พักหนึ่ง “บนเขาบ้านเดิมข้ามีเหยื่อให้ล่าไม่น้อยทีเดียว คนหมู่บ้านเราไม่กล้าเข้าไปลึก มีเพียงสามีข้าเท่านั้นที่ล่าสัตว์ป่าได้”

ถังลี่เฉิงรู้สึกว่าถังกั๋วกงแปลก ๆ อยู่บ้าง

หากไม่ใช่เพราะอายุห่างกัน เขาคงคิดว่าท่านอาของเขาเกิดความคิดอะไรต่อแม่นางน้อยผู้นี้แล้ว

เพียงแต่ ด้วยนิสัยของอีกฝ่าย เขาคงไม่พึงใจแม่นางน้อย นับประสาอะไรกับแม่นางน้อยที่มีสามีแล้ว

“หากนายท่านถังสนใจ ข้าสามารถพาท่านไปที่นั่นได้”

หลิวจิ่วจู๋นั่งอยู่ในรถม้า ชมวิวทิวทัศน์ภายนอก

ถังกั๋วกงมองดูใบหน้าด้านข้างของหลิวจิ่วจู๋ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยสนิทสนม

หากแม่นางน้อยผู้นี้เป็นลูกสาวตน…

น่าเสียดายที่เวลาไม่ตรงกัน

ขณะที่หลิวจิ่วจู๋กับถังกั๋วกงออกไปชนบท ลู่ฉาวจิ่งทางนี้ก็เกิดเรื่องแล้ว

ลู่ฉาวจิ่งพาผู้ใต้บังคับบัญชาไปรวบแห เปิดเผยตัวตน นายกองเซี่ยวกับพรรคพวกจึงได้รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการไม่นานนี้เป็นลู่ฉาวจิ่ง ตอนนี้จึงพาลูกน้องไปตามจับตัวเขา

“นายกอง เจ้าเด็กนั่นไปซ่อนตัวแล้วขอรับ”

“มันไม่ได้มีภรรยาผู้หนึ่งหรือ?”

“เมื่อครู่ส่งคนไปตามหานางที่ศาลาว่าการอำเภอ แต่สตรีผู้นั้นไม่รู้ไปอยู่ที่ใดแล้ว เพียงแต่จับภรรยาของจงซู่เกินมาได้ผู้หนึ่งขอรับ”

“เขามีมิตรภาพลึกซึ้งกับจงซู่เกิน ยามนี้ภรรยาของจงซู่เกินตกอยู่ในมือเราแล้ว ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าเด็กนั่นจะไปซ่อนตัวที่ใด”

อีกด้านหนึ่ง ลู่ฉาวจิ่งนำคนของเขาไปซ่อนตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการไล่ล่าของนายกองเซี่ยว

เขากังวลเรื่องความปลอดภัยของหลิวจิ่วจู๋กับหยางชิงซือจึงส่งคนไปตรวจสอบว่าพวกนางอยู่ที่ใด หากหาพวกนางพบก็จะให้ลูกน้องพาไปซ่อนตัว

“ฮูหยินจงถูกพวกเขาจับไปแล้วขอรับ ส่วนฮูหยินลู่ถูกนายท่านถังพาตัวไป ไม่รู้ไปที่ใดแล้วขอรับ”

จงซู่เกินได้ยินว่าหยางชิงซือถูกอีกฝ่ายจับไปแล้วจึงเอ่ยด้วยความกังวล “ใต้เท้าลู่ พวกมันจับภรรยาข้าไปแล้ว ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?”

“เจ้าอย่าพึ่งร้อนใจ ขอข้าคิดก่อน” ลู่ฉาวจิ่งเดินกลับไปที่เดิมแล้วกล่าว “เป้าหมายของพวกเขาคือข้า ข้าจะไปแทน”

“นี่ไม่ได้การ…”

“พวกเจ้าฟังข้า พวกเราได้ตรวจสอบแทบทั้งหมดแล้ว เรื่องทุกอย่างที่นี่รายงานไปยังเบื้องบนเรียบร้อย ยามนี้สิ่งที่เราต้องทำคือควบคุมนายกองเซี่ยวให้ได้ ขอเพียงควบคุมเขากับคนของเขาได้ อดทนรอจนกระทั่งเบื้องบนส่งคนมา เรื่องทางนี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น นายกองเซี่ยวเป็นผู้นำของคนเหล่านั้น ขอเพียงจัดการเขาได้ คนอื่น ๆ ก็ไม่นับว่าน่ากลัว”

ลู่ฉาวจิ่งเรียกจงซู่เกินเข้าไปคุยถึงแผนการต่อไป

ล่องูออกจากถ้ำ จับโจรต้องจับหัวหน้า…

จวนผู้ตรวจการ ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินผู้หนึ่งอ่านจดหมายในมือแล้วยื่นให้ผู้ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

ผู้ว่าการฝั่งตรงข้ามรับจดหมายมาแล้วกวาดตาอ่านรวดเดียวสิบบรรทัด ก่อนจะยกมือขึ้นปาดเหงื่อพลางกล่าว “ข้าน้อยมีความผิด ข้าน้อยนึกไม่ถึงว่าจะไม่สังเกตเห็นความทะเยอทะยานอันชั่วร้ายของนายกองเซี่ยวกับพรรคพวก”

“บัดนี้รู้แล้วหรือ?”

“ขอรับ ข้าน้อยรู้แล้วขอรับ”

“ในเมื่อรู้แล้ว เช่นนั้นคงไม่จำเป็นต้องให้ข้าสอนว่าท่านควรทำอย่างไรกระมัง?”

“ใต้เท้าลู่ เรื่องนี้เกี่ยวพันใหญ่หลวง ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเป็นท่านอ๋องท่านนั้น หากเราบุ่มบ่ามลงมือ…”

“ท่านเพียงแค่ส่งคนไปจับ เกิดอะไรก็เป็นความรับผิดชอบของข้า” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย

ลู่ฉาวจิ่งระบุตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้ หลักฐานแน่ชัด บัดนี้ถึงเวลารวบแหแล้ว

หากเขาเดาไม่ผิด ตอนนี้ทางนั้นคงเกิดการรบราฆ่าฟัน ไม่สงบสุขอย่างแน่นอน

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ให้พี่ใหญ่ผู้นี้ช่วยราดน้ำมันบนกองไฟเถิด!

อีกด้านหนึ่ง ลู่ฉาวจิ่งใช้ตนเองสับเปลี่ยนกับหยางชิงซือ

หยางชิงซือถูกคนของนายกองเซี่ยวผลักหนึ่งที

จงซู่เกินรีบไปรับนางไว้แล้วเอ่ยถาม “บาดเจ็บหรือไม่?”

หยางชิงซือตกใจกลัว นางส่ายหัวพลางร้องไห้

นางยกมือลูบท้อง แล้วหันไปมองทางลู่ฉาวจิ่งอย่างกังวล “สามีจู๋จือจะทำอย่างไร?”

เมื่อครู่นี้ลู่ฉาวจิ่งเจรจากับอีกฝ่าย ยินดีจะเปลี่ยนตัวกับหยางชิงซือ อีกฝ่ายจึงยอมปล่อยหยางชิงซือกลับมา ทว่าบัดนี้ลู่ฉาวจิ่งกลับมีมีดจ่ออยู่ที่คอ ขอเพียงอีกฝ่ายลงมือ เกรงว่าศีรษะของลู่ฉาวจิ่งจะได้เปลี่ยนที่อยู่แล้ว

นายกองเซี่ยวมองลู่ฉาวจิ่งอย่างเย็นชา “ล่าเหยี่ยวทุกวัน นึกไม่ถึงว่าจะมียามที่ผิดพลาด เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?”

“ข้าเป็นผู้ใดไม่สำคัญ เพราะพวกเจ้าไม่มีทางหลุดรอดไปได้” ลู่ฉาวจิ่งกล่าว “เจ้ามองทางนั้นสิ…”

ทหารจำนวนมากโอบล้อมมาจากทุกทิศทาง ทหารเหล่านั้นถือคันธนูและลูกธนู ทันทีที่ลู่ฉาวจิ่งออกคำสั่ง ธนูเหล่านั้นก็จะยิงออกมา

“เจ้าอยู่ในมือพวกเราแล้ว ข้าจะดูซิว่าพวกเขาจะกล้ายิงหรือไม่” นายกองเซี่ยวจับลู่ฉาวจิ่งเป็นตัวประกัน

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท