บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1394 สามวันสุดท้าย

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1394 สามวันสุดท้าย

บทที่ 1394 สามวันสุดท้าย

รูปภาพลึกลับอันยิ่งใหญ่และเก่าแก่จำนวนมากถูกจารึกไว้ในลักษณะเดียวกันที่ด้านข้างของโลงศพเซียนยมโลก

มีฉากที่คนรุ่นก่อนถวายเครื่องสักการบูชา เหล่าเทพไล่ตามดวงอาทิตย์ สัตว์ร้ายทะยานผ่านฟากฟ้า การเคลื่อนคล้อยของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ผืนแผ่นดินที่มาบรรจบกัน สรรพสิ่งในโลกล้วนเติบโต… มันมีฉากต่าง ๆ อยู่มากมาย และมันพรรณนาถึงฉากโบราณในช่วงเริ่มต้นของโลกที่ความโกลาหลเพิ่งถูกแยกออกจากกัน

แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเฉินซีและคนอื่น ๆ นั้นตั้งอยู่ตรงกลางของแผนภาพ จักรวาลที่กำลังลุกไหม้ ในขณะที่ดวงดาวมากมายบนนั้นราวกับเปลวไฟ และทางเดินของอุกกาบาตทอดยาวไปสู่จักรวาลที่กำลังลุกไหม้ ซึ่งนำไปสู่ส่วนลึกที่ไร้ขอบเขตของมัน… น่าตกใจที่มันเป็นฉากภายในทางเดินดาวหาง!

“เราคง… ไม่ได้ทะลวงผ่านข้อจำกัดที่อยู่ภายในโลงศพเซียนยมโลกไปก่อนหน้านี้ ใช่หรือไม่?” จงหลีหลัวกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ทั้งยังเต็มไปด้วยความตกใจ

คนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน พวกเขาคาดเดาได้ราง ๆ ว่า บางทีสิ่งที่จงหลีหลัวกล่าวอาจเป็นเรื่องจริง และบางทีทุกสิ่งที่พวกเขาประสบก่อนหน้านี้ อาจจะเป็นโลกที่อยู่ในโลงศพเซียนยมโลก

โลกนี้คือทางเดินดาวหาง!

นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจจริง ๆ แม้จะมีแผนภาพที่ลึกลับและยิ่งใหญ่ไม่ต่ำกว่าพันภาพบนพื้นผิวของโลงศพเซียนยมโลก แต่ทางเดินดาวหางกลับเป็นหนึ่งในโลกที่อยู่ภายในนั้น ซึ่งนี่ไม่ได้หมายความว่าสมบัติอันศักดิ์สิทธิ์อย่างโลงศพเซียนยมโลก นั่นมีโลกที่คล้ายคลึงกันมากกว่าหนึ่งพันโลกหรอกหรือ

เรื่องนี้ไม่ได้บันทึกไว้ในแผ่นหยก

ดังนั้นแม้เฉินซีและคนอื่น ๆ จะสงสัย แต่พวกเขาก็ไม่กล้าสรุปไปเอง

“เราควรใช้โอกาสนี้พักผ่อนกันก่อน ข้าได้ยินมาว่า หลังจากที่เราผ่านโลงศพเซียนยมโลกและเข้าสู่สระโลหิตอดีตชาติ การทดสอบภายในนั้นจะอันตรายยิ่งกว่าสุสานแห่งราชันนิรันดร์และทางเดินดาวหางเสียอีก” เยี่ยถังนั่งขัดสมาธิบนพื้นและหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่เขาจะเริ่มควบคุมลมหายใจ

เขาเพิ่งบรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์ ดังนั้นความกดดันที่เผชิญบนทางเดินดาวหางจึงมากที่สุดในบรรดาคนทั้งหมด จิตใจและร่างกายอยู่ในสภาวะตึงเครียดมาโดยตลอด และในตอนนี้ที่ได้ผ่อนคลาย ร่างกายก็รู้สึกอ่อนแรงและไม่อาจยืนหยัดได้อีกต่อไป

ไม่ใช่แค่เยี่ยถังเท่านั้น แต่คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน

“ใช่แล้ว จากบันทึกของแผ่นหยก การทดสอบที่สระโลหิตอดีตชาตินั้นง่ายมาก แต่มันก็อันตรายมากเช่นเดียวกัน ในตอนนี้เราได้ใช้พละกำลังไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงควรคว้าโอกาสนี้เพื่อฟื้นฟูพละกำลังของเรา” เฉินซีนั่งสมาธิบนพื้นทันที และปรับลมหายใจอย่างสงบ เขาได้พิชิตข้อจำกัดทั้งสามพันประการติดต่อกัน และมันทำให้พลังดวงใจถูกใช้ไปอย่างมาก จนใกล้แห้งเหือด

“เฉินซี เราไม่ได้วางแผนที่จะมุ่งหน้าไปยังสระโลหิตอดีตชาติ” ด้วยความประหลาดใจของเฉินซี จู่ ๆ เนี่ยซิงเจินก็กล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน และตัดสินใจถอนตัวจากการทดสอบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น การตัดสินใจครั้งนี้ได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์จากกู่เยวหรูและจงหลีหลัวแล้ว

“ทำไมหรือ?” เฉินซีไม่คิดที่จะนั่งสมาธิอีกต่อไป และกล่าวด้วยท่าทางที่งุนงง

“ถือว่าเรานั้นโชคดีแล้วที่มาได้ถึงขนาดนี้ หากว่าเรายังเดินหน้าต่อ มันจะกลายเป็นเรานั้นประเมินความสามารถของตัวเองสูงไป” เนี่ยซิงเจินกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขามีสีหน้าที่สงบและไม่มีความรู้สึกเศร้าโศกหรือสูญเสียใด ๆ

“ข้าพอใจแล้วหลังจากได้รับรัศมีปราชญ์เต๋ามากมายขนาดนี้ สำหรับสระโลหิตอดีตชาติ เจ้าทั้งสามควรไปขัดเกลาที่นั่น” จงหลีหลัวก็กล่าวเช่นกัน ในขณะนี้ เขาดูเหมือนกลายเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง ไม่ได้ดูมืดมน ไม่พอใจ และโกรธเหมือนเมื่อก่อน เหตุผลนั้นง่ายมาก หลังจากได้ร่วมทางกับเฉินซี ทุกการเคลื่อนไหวที่เฉินซีทำก็ทำให้ใจของเขายอมแพ้โดยสมบูรณ์ จึงไม่มีคิดตั้งตัวเป็นศัตรูกับเฉินซีเหมือนก่อนหน้านี้

ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเฉินซี ก็คงไม่มีทางผ่านทางเดินดาวหางมาจนถึงที่แห่งนี้ได้แน่

แม้ว่าจงหลีหลัวจะเป็นคนที่ทะนงตัว แต่เขาก็รู้จักแยกแยะผิดถูก และรู้จักตอบแทนบุญคุณ ดังนั้นเขาย่อมไม่แข่งขันกับกลุ่มของเฉินซีเพื่อชิงมรดกของจักรพรรดิเต๋าอีกต่อไป

“นั่นคือสิ่งที่ข้าคิดเช่นกัน มีเพียงสามคนเท่านั้นที่จะได้รับมรดกของจักรพรรดิเต๋า และเราไม่ต้องการที่จะแข่งขันกับพวกเจ้า ดังนั้นการหยุดอยู่ที่นี่จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” กู่เยวหรูไม่ได้ปิดบังความคิดของตนและกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

ขณะที่มองดูท่าทางที่หนักแน่นและเด็ดเดี่ยวของทั้งสาม เฉินซีก็รู้ทันทีว่าไม่อาจโน้มน้าวพวกเขาได้ และเสี้ยวความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจ

บางครั้ง เมื่อคราวต้องแข่งขันกับผู้อื่น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องต่อสู้จนตัวตาย และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลายเป็นศัตรูกัน หรืออาจกลายเป็นศัตรูเพียงเพราะใครคนหนึ่งใฝ่ฝันที่จะได้รับโชคลาภโดยบังเอิญ

การเลือกระหว่างความดีและความชั่วมักขึ้นอยู่กับอุปนิสัยของแต่ละบุคคล

อย่างน้อยที่สุด ความคิดเห็นของเฉินซีในตอนนี้ เนี่ยซิงเจิน กู่เยวหรูและจงหลีหลัว ผู้ซึ่งเป็นศิษย์ฝ่ายในอาวุโส ล้วนมีลักษณะนิสัยและศีลธรรมที่ได้รับความชื่นชมจากทุกคน

แน่นอนว่านี่เป็นเพราะพวกเขาทั้งหมดเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และไม่มีความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างกัน ดังนั้น แม้พวกเขาจะไม่ได้สนิทคุ้นเคยกัน แต่หลังจากที่ผ่านการต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ย่อมเปลี่ยนจากคนแปลกหน้าให้กลายเป็นสหายร่วมรบโดยไม่รู้ตัว

เหมือนสุภาษิตที่ว่า มิตรภาพเติบโตจากการแลกหมัด

ในห้องโถงที่ว่างเปล่า โลงศพเซียนยมโลกวางอยู่ตรงกลาง

เฉินซี เยี่ยถัง และหลิงชิงอู๋นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น พวกเขาต่างใช้เวลาอย่างเต็มที่เพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่ง ในขณะที่ เนี่ยซิงเจิน กู่เยวหรู และจงหลีหลัวได้จากไปนานแล้ว

การออกจากแดนโบราณจักรพรรดิเต๋านั้นง่ายมาก เพราะก่อนเข้ามา ทุกคนจะได้รับแผ่นหยก เพียงแค่บดขยี้แผ่นหยกนี้ ก็จะสามารถออกไปได้ทันที

“เหลือเวลาอีกนานแค่ไหนก่อนที่แดนโบราณจักรพรรดิเต๋าจะปิด?” ที่ด้านนอกของแดนโบราณจักรพรรดิเต๋า หัวเจี้ยนคงที่ให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงภายในอย่างต่อเนื่อง พลันเกิดคำถามนี้ขึ้น

“สามวัน” หวังต้าวหลูตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“ถึงเวลาที่จะยุติมันแล้ว…” หัวเจี้ยนคงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เนี่ยซิงเจิน กู่เยวหรู และจงหลีหลัว อาจจะได้สัมผัสกับความก้าวหน้าในการบ่มเพาะ และมีโอกาสบรรลุขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น”

เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “สำหรับ เจิ่นลู่ จี้เซวียนปิง จ้าวเมิ่งหลี และอ๋าวจ้านเป่ย พวกเขาแต่ละคนได้รับการเผชิญหน้าโดยบังเอิญมากมาย และจะสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนปราชญ์ได้อย่างแน่นอน”

เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ หวังต้าวหลูก็เอ่ยขัดขึ้นมา “แล้วกลุ่มของเฉินซีล่ะ? พวกเขาได้รับการยอมรับจากมรดกของจักรพรรดิเต๋าหรือไม่?”

เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เขากังวลมากที่สุด คือมรดกของจักรพรรดิเต๋า

ซึ่งไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่เหล่าผู้อาวุโสทุกคนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ต่างก็กังวลต่อเรื่องนี้มากเช่นกัน

หัวเจี้ยนคงไม่สามารถตัดสินเรื่องนี้ได้ “ตอนนี้ พวกเขามาถึงโลงศพเซียนยมโลกแล้ว ขั้นต่อไป คือสระโลหิตอดีตชาติ มันขึ้นอยู่กับพวกเขาว่าจะล้มอสูรภพอดีตได้หรือไม่”

อสูรภพอดีต!

เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สายตาของหวังต้าวหลูและบรรดาผู้อาวุโสทั้งหมดก็หวนนึกถึงเรื่องราวในยุคบรรพกาล ซึ่ง ณ ปัจจุบัน เรื่องนั้นได้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามของทั้งสามภพไปแล้ว และถูกเก็บเป็นความลับ ดังนั้นคนรุ่นใหม่จึงไม่อาจรู้เรื่องนี้เลย

วันต่อมา เฉินซีและคนอื่น ๆ ต่างตื่นจากการทำสมาธิ พวกเขาล้วนเปี่ยมไปด้วยพลังงาน และความแข็งแกร่งก็ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์

“ข้าไม่เคยนึกมาก่อน ว่าการบ่มเพาะที่นี่จะมีผลที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ บ่มเพาะเพียงวันเดียว ก็เทียบได้การบ่มเพาะสิบวันในโลกภายนอก” เยี่ยถังยืนขึ้นและอุทานด้วยความประหลาดใจ อีกทั้งยังเดาะลิ้นด้วยความชื่นชม

เขาเพิ่งบรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์ และหมดเรี่ยวแรงไปมาก เดิมที เขาไม่หวังว่าจะสามารถฟื้นตัวได้ภายในหนึ่งวัน แต่ไม่คาดคิดมาก่อน ว่าการบ่มเพาะภายในห้องโถงที่ว่างเปล่าและลึกลับแห่งนี้ กลับมีผลที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ มันทำให้พลังงาน แก่นแท้ และจิตวิญญาณภายในร่างของเขา มาถึงจุดสูงสุด

เฉินซีและหลิงชิงอู๋ก็เป็นเช่นเดียวกัน พวกเขาถือว่าทั้งหมดนี้ เป็นเพราะห้องโถงลึกลับ

“ไปกันเถอะ เหลืออีกแค่สองวันก่อนที่แดนโบราณจักรพรรดิเต๋าจะปิด ตามบันทึกภายในแผ่นหยก เส้นทางสู่สระโลหิตอดีตชาติถูกซ่อนอยู่ในโลงศพเซียนยมโลกนี้” เฉินซีตัดสินใจทันทีและลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปยังโลงศพเซียนยมโลก ชายหนุ่มจ้องมันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ฝ่ามือพลันเปล่งแสงเรืองรอง และสร้างผนึกอันลึกลับและคลุมเครือขึ้นมา

นี่เป็นเคล็ดวิชาในการเปิดโลงศพเซียนยมโลก มันถูกบันทึกไว้ในแผ่นหยกที่ศิษย์ทุกคนครอบครอง ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสใช้มัน

โอม!

กระแสปราณเซียนพิสุทธิ์ลอยขดตัวอยู่รอบผนึกและเปล่งแสงแพรวพราวที่ส่องสว่างไปทั่วทั้งห้องโถง เมื่อผนึกที่คลุมเครือนี้ถูกกดลงบนโลงศพเซียนยมโลก มันทำให้เกิดวงแหวนพลังงานระลอกแล้วระลอกเล่า

แกร๊ก! แกร๊ก!

โลงศพเซียนยมโลกไม่ได้ถูกเปิดมาเป็นเวลานาน ทำให้มันเกิดเสียงเสียดสีดังก้องไปทั่วห้องโถงที่ว่างเปล่า หลังจากนั้น ภายใต้การจ้องมองอย่างตกตะลึงของหลิงชิงอู๋และเยี่ยถัง ฝาของโลงศพสัมฤทธิ์โบราณ ถูกผลักเปิดด้วยมือที่ไร้รูปร่าง…

หลังจากนั้น ฉากภายในโลงศพเซียนยมโลกที่ถูกผนึกไว้ก็ค่อย ๆ เผยให้สู่สายตา

อย่างไรก็ตาม ที่น่าตกใจคือ ฉากภายในโลงศพกลับว่างเปล่าและมืดมิด และไม่มีสิ่งใดที่ควรค่าแก่การสนใจ ราวกับเปลือกที่ว่างเปล่า

เมื่อเปิดฝาโลงจนสุด ในที่สุดก็สังเกตเห็นทางเข้าอยู่ที่ปลายของโลงศพอย่างน่าประหลาดใจ!

นั่นเป็นเส้นทางที่นำไปสู่สระโลหิตอดีตชาติอย่างแน่นอน!

“ไปกันเถอะ” เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ และเป็นคนแรกที่ทะยานออกไป ชายหนุ่มเดินไปทีละก้าวจากกลางอากาศเข้าไปในโลงศพเซียนยมโลก เดินตรงไปยังทางเข้าที่ลึกและมืดมิด

หลิงชิงอู๋และเยี่ยถังตามไปติด ๆ

หืม?

ในทันทีที่เข้าไปในโลงศพเซียนยมโลก เฉินซีก็สังเกตเห็นว่า ตนได้ก้าวเข้าสู่อีกโลกหนึ่งแล้ว

เหมือนเมื่อครู่เขายังอยู่ในภพเซียน และในเวลาถัดมาก็ได้ก้าวเข้าสู่ยมโลก!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ภายในและภายนอกโลงศพเซียนยมโลก เป็นโลกที่แตกต่างกันสองโลก เฉินซีสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า พลังงานของเต๋าแห่งสวรรค์ในสามภพนั้น ไม่สามารถเข้าไปภายในโลงศพเซียนยมโลกได้!

นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจ!

ท้ายที่สุดแล้ว กฎแห่งเต๋าสวรรค์มีอยู่ทุกหนทุกแห่งในโลก และยังคงรักษาการทำงานของสามภพไว้ ดังนั้น เนื่องจากมันสามารถแยกพลังดังกล่าวออกจากโลกภายนอกได้ ความแข็งแกร่งของโลงศพเซียนยมโลกจึงมากมายมหาศาล

“ข้าสัมผัสกลิ่นอายของเต๋าแห่งสวรรค์ไม่ได้เลย”

“โชคดีที่พลังของกฎของข้ายังคงอยู่”

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หลิงชิงอู๋และเยี่ยถังสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน และพวกเขาก็มีสีหน้าตกตะลึงอย่างมาก

“ไปกันเถอะ บางทีเหตุผลที่สระโลหิตอดีตชาติสามารถดำรงอยู่ได้จนถึงขณะนี้ อาจเป็นเพราะโลงศพเซียนยมโลกช่วยแยกพลังงานของเต๋าแห่งสวรรค์เอาไว้ ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่ามันเป็นสถานที่แบบใด?”

สายตาของเฉินซีนั้นลุกโชนด้วยความหวัง ชายหนุ่มจ้องมองไปที่ทางเข้าที่ลึกและมืดมิดภายในโลงศพสัมฤทธิ์ ซึ่งขณะที่กล่าว เขาก็เดินเข้าไปใกล้มันทุกขณะ

“ตามบันทึกของแผ่นหยก สระโลหิตอดีตชาติเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดในบรรดาการทดสอบทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพื่อมรดกของจักรพรรดิเต๋า ข้าก็ไม่อยากมาสถานที่ผีสิงแห่งนี้หรอก เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า เราไม่ได้ถูกฝังทั้งเป็นอยู่ในโลงศพ?” เยี่ยถังไหวไหล่และกล่าวติดตลก

“เจ้าตัวซวย พูดจาอัปมงคลยิ่งนัก!” ดวงตาสุกใสของหลิงชิงอู๋จ้องเยี่ยถังเขม็ง เผยใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวแต่งดงาม ทำให้เยี่ยถังผงะไปชั่วขณะ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท