บทที่ 783 เจ้าแพ้

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

พลัง​รุนแรง​อัน​กอปร​ขึ้น​เป็นเกลียว​น้ำวน​ทำให้​สวี่​ชีอัน​ตระหนัก​ชัด​ว่า​ ถ้าเขา​หลุด​เข้าไป​อยู่​ใน​นั้น​ คง​ต้อง​ทนทุกข์ทรมาน​จาก​การ​ที่​ร่างกาย​ถูก​สะบั้น​เป็น​พัน​ชิ้น​

ยิ่งไปกว่านั้น​ การ​จมอยู่​ใน​ห้วงน้ำ​ปริมาณ​มหาศาล​ก็​เท่ากับ​มอบ​ชีวิต​ตัวเอง​ให้​ไป๋ตี้​

วงแหวน​เพลิง​หลัง​ศีรษะ​ของ​เขา​ระเบิด​ดัง​ ‘ตูม​’ ไม่มีลังเล​ ราวกับ​ลูกปืนใหญ่​ระเบิด​ส่องแสง​วาบ​

ทันทีที่​พลัง​เทพ​วชิระ​ถึงระดับ​บรรลุ​สมบูรณ์​ มรรค​วิถี​วงแหวน​เพลิง​ก็​จะก่อ​รูป​ขึ้น​หลัง​ศีรษะ​ แม้ว่า​ปกติ​จะปรากฏ​ขึ้น​หลัง​ศีรษะ​และ​ดูเหมือน​จะไม่ค่อย​มีประโยชน์​นัก​ แต่​ความจริง​มัน​แข็งแกร่ง​ดุจ​ดวงตะวัน​ ที่​อุทิศ​ตน​เพื่อ​มีชัย​เหนือ​ความ​หนาวเหน็บ​ชั่วร้าย​เฉกเช่น​วรยุทธ์​ระบบ​น้ำ​

‘ซู่ ซู่!’

“หนวด​” ที่​พัน​รอบ​ข้อเท้า​เขา​ระเหย​หาย​กลายเป็น​หมอก​ ในเวลานี้​ เกลียว​น้ำวน​อยู่​ตรงหน้า​เขา​แล้ว​และ​ไม่ยิน​ยอมให้​เขา​ใช้วิชา​กระโดด​สู่เงาได้​

แน่นอน​ว่า​สวี่​ชีอัน​ถอยหลัง​กลับ​โดย​ใช้ความได้เปรียบ​ที่​เขา​เร็ว​กว่า​เกลียว​น้ำวน​เพื่อ​สร้าง​ระยะทาง​ ขณะเดียวกัน​ เขา​ยัง​กำ​ดาบ​สยบ​ดินแดน​ไว้​แน่น​ สลาย​พลัง​ปราณ​ทั้งหมด​ สะกดอารมณ์​ทั้งปวง​…ฟาด​ดาบ​ไปด้านหลัง​อย่าง​ดุเดือด​

ลางสังหรณ์​บอก​วิกฤต​ของ​จอม​ยุทธ์​ส่งสัญญาณเตือน​ ภาพ​หนึ่ง​ก่อตัว​ขึ้น​…ไป๋ตี้​ปรากฏตัว​ขึ้น​ข้าง​หลังเขา​ ง้างเขี้ยว​และ​กัด​

ลำแสง​กระบี่​สีเหลือง​จ้าฟาดฟัน​ศัตรู​ที่อยู่​ข้าง​หลังเขา​ด้วย​พลัง​ทำลายล้าง​ ทำให้​มัน​พังทลาย​ลงมา​เป็น​ห่า​ฝน​

ไม่ใช่ มัน​อัด​แน่น​ไปด้วย​น้ำฝน​

ของปลอม​รึ​? สวี่​ชีอัน​เขม้น​ตา​มอง​เล็กน้อย​

ใน​วินาที​ต่อมา​ เขา​ก็​ถูก​เกลียว​น้ำวน​กลืน​กิน​

ไป๋ตี้​เปล่งเสียง​ “เหอะ​” นี่​เป็น​วรยุทธ์​ระดับสูง​ยิ่ง​ใน​หมู่​อิทธิฤทธิ์​โดยกำเนิด​ของ​มัน​ มัน​สามารถ​จำลอง​ร่าง​ที่​มีกลิ่นอาย​ดุจ​เดียว​กับ​ร่าง​อวตาร​เข้าร่วม​การต่อสู้​ได้​

‘ข้า​ไม่เคย​ใช้มัน​มาก่อน​เนื่องจาก​ถูก​จำกัด​จาก​สภาพแวดล้อม​ ที่​แม้จะสกัด​จิต​วารี​จาก​อากาศ​ได้​ แต่​ไม่อาจ​ซ่อน​เจ้าสิ่งนี้​จาก​สวี่​ชีอัน​’

แต่​ตอนนี้​มัน​ต่าง​ออก​ไป ฝน​กำลัง​เท​ลงมา​ จิต​วารี​กำลัง​ไหลหลาก​สู่โลก​ใบ​นี้​ โลก​ที่​เป็น​ถิ่น​ของ​มัน​

เกลียว​น้ำวน​พุ่ง​หมุนติ้ว​ ร่าง​ของ​สวี่​ชีอัน​ค่อยๆ​ สลาย​ไปทีละ​นิ้ว​ ราวกับ​ก้อน​น้ำแข็ง​ถูก​โยน​ลง​ใน​น้ำ​เดือด​ เลือด​และ​เนื้อ​หลุด​ลอก​อย่าง​รวดเร็ว​ หลาย​แห่ง​เปิด​ลึก​ถึงกระดูก​

เจดีย์​พุทธะ​เอง​ก็​หลุด​เข้าไป​ด้วย​เหมือนกัน​ เมื่อ​เกลียว​พายุ​น้ำ​หมุน​วน​ จิต​เจดีย์​พลัน​สาด​แสงสีทอง​ปรารถนา​จะพุ่ง​เข้าไป​ แต่​ถูก​จิต​วารี​สกัดกั้น​ไว้​

ดาบ​สยบ​ดินแดน​พุ่ง​ไปตาม​ทิศทาง​เกลียว​น้ำวน​ พยายาม​ทำลาย​วรยุทธ์​ของ​ไป๋ตี้​ด้วย​กำลัง​ของ​มัน​เอง​

ร่างกาย​สวี่​ชีอัน​บางครั้ง​บาง​ครา​กลาย​เป็นเงา​ บางครั้งบางคราว​กลับคืน​สู่รูปร่าง​เดิม​ ทำให้​ยาก​ที่จะ​ใช้วิชา​กระโดด​สู่เงาหลบหนี​

เขา​ถูก​ขัง​อยู่​ใน​ขอบเขต​วรยุทธ์​ของ​ไป๋ตี้​ แต่ทว่า​อั้น​กู่​ตน​นั้น​ยัง​ไปไม่ถึงสภาวะ​บรรลุ​ธรรม​ หลักฐาน​ที่​ยาก​จะเข้าใจ​คือ​เขา​ไม่ได้​ถูก​สกัด​ด้วย​วรยุทธ์​ระดับสูง​

อา​ซูหลัว​กับ​คนอื่นๆ​ ตกตะลึง​ เดิมที​พวกเขา​เดิน​อยู่​บน​ขอบ​ผา​ต้อง​ไม่ไปซ้าย​หรือ​ขวา​เพื่อ​รักษา​สมดุล​สอง​ด้าน​อย่าง​ระมัดระวัง​

แต่ทว่า​เคราะห์​อัสนี​วารี​ได้​สร้าง​ถิ่น​ที่​เป็นประโยชน์​กับ​ไป๋ตี้​ ทำให้​สมดุล​ที่​พวกเขา​พยายาม​อย่าง​หนัก​เพื่อ​สร้าง​ขึ้น​มาต้อง​เสีย​ไป

‘ซี่ ซี่…’

เขา​ของ​ไป๋ตี้​ระเบิด​รัศมี​แสงเป็น​วง​โค้ง​ ตรงกลาง​หว่าง​เขา​ทั้งสอง​ข้าง​บังเกิด​สายฟ้า​ทรงกลม​ขึ้น​ฉับพลัน​

จ้าว​โส่ว​ทำ​หน้าตา​ถมึงทึง​เล็กน้อย​ เขา​สะบัด​มงกุฎ​ขงจื๊อ​ จ้องมอง​ไป๋ตี้​และ​พูด​เสียง​หนักแน่น​

“ถอยหลัง​ไปสามร้อย​จั้ง!”

อากาศ​รอบตัว​ไป๋ตี้​บิดเบี้ยว​ ราวกับว่า​มัน​กำลัง​แลกเปลี่ยน​ช่องว่าง​กับ​สถานที่​แห่ง​อื่น​

แต่​ใน​ช่วงเวลา​ต่อมา​ ช่องว่าง​ที่​บิดเบี้ยว​ก็​เริ่ม​เรียบ​และ​อยู่​นิ่ง​

ไป๋ตี้​ยัง​คงอยู่​ตรงนั้น​

พระโพธิสัตว์​เจีย​หลัว​ซู่ใช้สอง​มือ​สร้าง​ตราประทับ​ ร่าง​ธรรม​พระโพธิสัตว์​มัญชุศรี​ที่อยู่​ข้าง​หลังเขา​เคลื่อนไหว​สอดคล้องกัน​ ปิดกั้น​พื้นที่​รอบตัว​ไป๋ตี้​

‘ซี่ ซี่ ซี่!’

ไป๋ตี้​ชะโงก​หัว​ไปข้างหน้า​อย่าง​รุนแรง​ บังเกิด​ฟ้าร้อง​ฟ้าแลบ​หนักหน่วง​ จน​รอบ​บริเวณ​สว่างไสว​ทั่วกัน​

สายฟ้า​ขนาดใหญ่​ที่​ไม่ด้อย​กว่า​เคราะห์​สวรรค์​ชน​เข้ากับ​เกลียว​น้ำวน​ ทำให้​กระแสน้ำ​ขุ่น​คลั่ก​ที่​ห่อหุ้ม​ดิน​โคลน​อยู่​สว่าง​ขึ้น​ทันที​ ส่อง​ให้​เห็น​เงาของ​สวี่​ชีอัน​ ดาบ​สยบ​ดินแดน​และ​เจดีย์​พุทธะ​สะท้อน​ออกมา​

เห็น​แต่​รอยไหม้​เกรียม​ปกคลุม​ไปทั่ว​พื้นผิว​ของ​อาวุธ​เวทมนตร์​ทั้งสอง​ชิ้น​ทันที​ แสงสว่าง​ค่อยๆ​ สลัว​ลง​เรื่อยๆ​ แม้พวก​มัน​จะไม่ได้​กรีดร้อง​แต่​กลิ่นอาย​ที่​หดหาย​ไปอย่าง​รวดเร็ว​บอก​ได้​ว่า​สภาพ​ของ​พวก​มัน​ย่ำแย่​เพียงใด​

จู่ๆ ร่างกาย​ของ​สวี่​ชีอัน​ก็​แข็งทื่อ​ จากนั้น​ก็​กลายเป็น​เถ้าถ่าน​อย่าง​รวดเร็ว​ เลือด​และ​เนื้อ​ผุกร่อน​ลง​ไปเรื่อยๆ​ ยาก​ที่จะ​ต้านทาน​การ​ถูก​เกลียว​น้ำวน​ ‘เชือดเฉือน​’

ไกล​ออก​ไป สวี่​ผิง​เฟิงมิได้​พูด​อะไร​ออกมา​สัก​คำ​ หาก​หุ่นเชิด​มีตา​ ดวงตา​ของ​มัน​ต้อง​เปล่งประกาย​ด้วย​ความ​ปีติ​ยินดี​ระคน​เย็นชา​… ‘ค่อยยังชั่ว​’

ข้อบกพร่อง​และ​ความผิดพลาด​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ใน​แผน​ชีวิต​ของ​สวี่​ผิง​เฟิงคือ​บุตรชายคนโต​ สวี่​ชีอัน​

การ​เติบโต​ของ​เขา​ออกจะ​น่ากลัว​ไม่น้อย​ จาก​คดี​ภาษีจนถึง​ปัจจุบัน​ใช้เวลา​เพียง​สอง​ปีเท่านั้น​ ใน​สอง​ปีมานี้​สวี่​ชีอัน​มือปราบ​อำเภอ​ฉางเล่อ​เลื่อน​อันดับ​จาก​จอม​ยุทธ์​ขั้น​เก้า​สู่ทหาร​ขั้น​สอง​ผู้​ได้รับ​ความนิยม​เป็น​อันดับ​หนึ่ง​ใน​โลก​

ทั้งหมด​นี้​ล้วน​มาจาก​ชะตา​บ้านเมือง​เพิ่ม​โชคลาภ​และ​สร้าง​โอกาสพิเศษ​ต่างๆ​ ให้​เกิดขึ้น​

ข้อบกพร่อง​ของ​สวี่​ผิง​เฟิงคือ​ตลอด​หลาย​ยุค​หลาย​สมัย​ที่ผ่านมา​ ไม่เคย​มีใคร​รวม​ชะตา​บ้านเมือง​ครึ่งหนึ่ง​ไว้​ใน​คน​คนเดียว​ ดังนั้น​แม้แต่​สวี่​ผิง​เฟิงก็​ไม่รู้​ว่า​เรื่อง​นี้​จะนำไปสู่​ ‘ผล​ที่​ตามมา​’ เช่นไร​

ใน​ระบบ​วิชา​โหร​ แม้ว่า​โหร​ขั้น​หนึ่ง​จะอายุ​เท่า​ประเทศ​ แต่​ก็​แตกต่าง​จาก​สวี่​ชีอัน​ที่​แบกรับ​ชะตา​บ้านเมือง​ครึ่งหนึ่ง​ไว้​

แบบ​แรก​ ‘แบ่งปัน​ชีวิต​และ​ความตาย​’ กับ​ชะตา​บ้านเมือง​และ​เป็น​ของ​รัฐ​ที่​เสมอภาค​กัน​ ในขณะที่​แบบ​หลัง​หลอม​รวม​เอา​ชะตา​บ้านเมือง​เข้า​ไว้​ใน​ร่างกาย​โดยตรง​และ​แปร​มาเป็น​ของ​ตัวเอง​

สวี่​ผิง​เฟิงไม่สนใจ​ว่า​สวี่​ชีอัน​จะทำ​อะไร​ก่อนที่​เขา​จะก้าว​มาเป็น​เหนือ​มนุษย์​ ตอนที่​เขา​ก้าว​เข้าสู่​ระดับ​ขั้น​สามและ​สังหาร​เจิ้นเต๋อ​ แม้สวี่​ผิง​เฟิงจะประหลาดใจ​ แต่​เขา​ก็​ไม่รู้สึก​สนใจ​

จนกระทั่ง​ถึงสมรภูมิ​เจี้ยน​โจว​ เขา​ก็​คิด​ใหม่​และ​นับ​บุตรชายคนโต​ว่า​เป็น​บุคคล​อันตราย​

แต่​ตอนนั้น​ สวี่​ผิง​เฟิงก็​ยัง​ดูถูก​เขา​และ​ไม่คิด​ว่า​บุตรชายคนโต​จะมีตัวตน​ทัดเทียม​เขา​

ความจริง​ก็​คือ​ หลังจาก​ท่าน​โหราจารย์​ถูก​ผนึก​ ความพ่ายแพ้​ของ​ต้าฟ่ง​ก็​เกือบจะ​เป็นเรื่อง​แน่นอน​

พายุ​เช่นใด​กันที่​สามารถ​ปั่นป่วน​เขา​ทั้งที่​มีฐานะ​เป็น​แค่​จอม​ยุทธ์​ขั้น​สาม?

ความคิด​นี้​ยัง​คงอยู่​จนกระทั่ง​ถึงการต่อสู้​เหนือ​มนุษย์​นอกเมือง​สวิน​โจว​ เพียง​ ‘ชั่ว​ข้ามคืน​’ สวี่​ชีอัน​ก็​หลุดพ้น​จาก​พันธนาการ​และ​เลื่อน​อันดับ​เป็น​ขั้น​สอง​ นำ​อา​ซูหลัว​ จิน​เหลียน​นิกาย​ปฐพี​และ​พันธมิตร​คนอื่นๆ​ มาประท้วง​ต่อต้าน​เขา​

เขา​กลายเป็น​อันดับ​หนึ่ง​ใน​ต้าฟ่ง​อย่าง​คลุมเครือ​และ​กลายเป็น​นัก​วางหมาก​ใน​สงคราม​แห่ง​ที่ราบลุ่ม​ภาค​กลาง​

สวี่​ผิง​เฟิงต้อง​ยอมรับ​ว่า​บุตรชายคนโต​ของ​เขา​กลายเป็น​อุปสรรค​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ใน​การ​ยึด​ที่ราบลุ่ม​ภาค​กลาง​และ​การ​เลื่อน​อันดับ​เป็น​ปรมาจารย์​ลิขิต​ฟ้า

กลายเป็น​อันดับ​สูงสุด​ที่​สามารถ​แข่งขัน​บน​เวที​เดียวกัน​กับ​เขา​ได้​

ในเวลานี้​ ลั่วอวี้เหิง​ส่งเสียงคำราม​ยาวเหยียด​ แล้ว​ร่าง​ดิน​ที่​เพิ่ง​หลุดพ้น​จาก​บ่วง​กรรม​ก็​พุ่ง​ออกจาก​กาย​เนื้อ​ของ​นาง​ กระแทก​ตัว​เข้าไป​ใน​เกลียว​น้ำวน​เหมือน​ฆ่าตัวตาย​ ทำให้​เกลียว​น้ำวน​นั้น​กลายเป็น​น้ำแข็ง​

ดิน​ข่ม​น้ำ​!

หลังจากนั้น​ทันที​ ร่าง​วายุ​ได้​ลาก​กระบี่​เทพ​ออก​ไป เจาะเข้าไป​ใน​เกลียว​น้ำวน​ที่​หยุดนิ่ง​และ​แทง​ทะลุ​ท้อง​ส่วนล่าง​ของ​สวี่​ชีอัน​

“เหอะ​!”

รูม่านตา​สีน้ำเงิน​ของ​ไป๋ตี้หด​แคบ​ลง​ เสียง​ฟ้าร้อง​ฟ้าแลบ​ดัง​กึกก้อง​และ​สายฟ้า​ก็​โหมกระหน่ำ​ไล่​ฟาด​ตามหลัง​กระบี่​บิน​กับ​สวี่​ชีอัน​

ในเวลาเดียวกัน​อุ้งเท้า​ทั้ง​สี่ของ​มัน​ก็​ทะยาน​มาเหมือน​เหาะ​ขวางทาง​กระบี่​บิน​

เคราะห์​สวรรค์​และ​พายุฝน​ซัด​กระหน่ำ​ร่างกาย​ของ​นาง​ครั้งแล้วครั้งเล่า​ โลหิต​หลั่งไหล​ออกจาก​ทวาร​ทั้ง​เจ็ด​ของ​ลั่วอวี้เหิง​ ร่าง​วารี​ใกล้​จะพังทลาย​แต่​นาง​ไม่รู้ตัว​ ยัง​ควบคุม​กระบี่​บิน​เพื่อ​วกกลับ​ไป

ใน​เมื่อ​ท่าน​ไม่สามารถ​หลบหนี​ได้​ เช่นนั้น​จงเข้าสู่​ขอบเขต​แห่ง​เคราะห์​สวรรค์​และ​ใช้ชีวิต​ไปจนตาย​

เมื่อ​เห็น​เช่นนี้​ ไป๋ตี้​ก็​หยุด​และ​ถอนหายใจ​

“ฆ่าตัวตาย​”

แม้ว่า​ครั้งนี้​จะเป็น​เคราะห์​สวรรค์​ ถ้ามัน​ไม่บุกเข้าไป​ เคราะห์​สวรรค์​ของ​ราชวงศ์​จิ้น​ครั้งแรก​และ​ครั้ง​ที่สอง​ย่อม​ไม่อาจ​สังหาร​มัน​ได้​ แม้จะทำร้าย​มัน​สาหัสสากรรจ์​ได้​ก็ตาม​

ด้วย​สถานะ​ปัจจุบัน​ของ​สวี่​ชีอัน​ เขา​ต้อง​ตาย​อย่าง​แน่นอน​หาก​เขา​เข้าสู่​เคราะห์​สวรรค์​

‘ฟู่’…สวี่​ผิง​เฟิงระบาย​ลมหายใจ​ออกมา​ จากนั้น​ก็​ควบคุม​อารมณ์​ทั้งปวง​ของ​ตัวเอง​ สงบ​ลง​อีกครั้ง​และ​ส่งกระแสจิต​ของ​ตัวเอง​ออกมา​

“ยัง​อ่อน​อยู่เลย​”

พระโพธิสัตว์​เจีย​หลัว​ซู่มีสีหน้า​ผ่อนคลาย​เล็กน้อย​และ​พูดว่า​

“ฉวยโอกาส​!”

สังหาร​พวกเขา​ทั้งสอง​คน​ทันที​ใน​เคราะห์​สวรรค์​

ในเวลานี้​ เมฆหมอก​เคราะห์กรรม​ที่​ลอย​อยู่​บน​ท้องฟ้า​พลัน​หยุดนิ่ง​ พายุฝน​ฟ้าคะนอง​หยุด​พัด​และ​พายุฝน​ที่​โหมกระหน่ำ​ก็​ค่อยๆ​ สงบ​ลง​

ชั้น​เมฆสีดำ​สนิท​ถูก​ย้อม​ด้วย​ชั้น​แสงสีทอง​ทันที​และ​แผ่ขยาย​อย่าง​รวดเร็ว​ เปลี่ยน​เมฆหมอก​เคราะห์กรรม​ทั้งหมด​ให้​กลายเป็น​เมฆสีแดง​เพลิง​แสน​งดงาม​

เคราะห์กรรม​ครั้งสุดท้าย​…ชะตา​เพลิง​อัสนี​บาต​!

นอก​เมืองหลวง​ กองทัพ​อวิ๋น​โจว​ป้องกัน​ชายแดน​อย่าง​แข็งขัน​ ทหาร​แต่ละ​กองพัน​จัด​ทัพ​เป็น​รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส​ ทหารราบ​ที่​ถือ​อุปกรณ์​ปิดล้อม​หลาก​หลายชนิด​เป็น​ผู้นำ​ขบวน​ ทหารปืนใหญ่​และ​หน้า​ไม้เป็น​อันดับ​สอง​ ส่วน​ทหารม้า​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​รั้งท้าย​

บน​กำแพงเมือง​ที่​สูงตระหง่าน​น่าเกรงขาม​ เว่ยเยวียน​ยืน​อยู่​นอก​กำแพง​เล็ก​ที่​สร้าง​ล้อมรอบ​ประตูเมือง​ มอง​ลง​ไปยัง​กองทัพ​อวิ๋น​โจว​บน​ที่ราบ​ด้วย​ความ​มั่นอกมั่นใจ​โดย​มิได้​นำพา​ต่อ​ฝูงชน​และ​มอง​ไปข้างหลัง​กองทัพ​เต่าดำ​เซวี่ยนหวู่​สี่พัน​นาย​

“หยาง​กง​พ่ายแพ้​ต่อ​กอง​ทหารม้า​เหล็ก​นี้​หรือ​?”

จางเซิ่น​ที่อยู่​ข้างๆ​ เขา​พยักหน้า​อย่าง​เคร่งขรึม​

“กองทัพ​นี้​ไร้​เทียมทาน​ แม้แต่​จอม​ยุทธ์​ขั้น​สี่ก็​ยัง​ต้อง​กล้ำกลืน​ความเจ็บช้ำ​”

ผู้นำ​กลุ่ม​พันธมิตร​จอม​ยุทธ์​ยอม​ถอน​ทัพ​เพื่อ​ปกป้อง​เพื่อน​ร่วม​กลุ่ม​ แต่​ต้อง​ติด​อยู่​ใน​การ​สู้รบ​อย่าง​หลีกเลี่ยง​ไม่ได้​และ​ถูก​ทรมาน​จนตาย​ในที่สุด​

ควร​รู้​ว่า​ มียอด​ฝีมือ​มากมาย​ใน​กองทัพ​เต่าดำ​เซวี่ยนหวู่​จึงไม่มีปัญหา​การ​ขาดแคลน​ยอด​ฝีมือ​ขั้น​สี่

เมื่อ​กอง​ทหารม้า​ธรรมดา​สามัญเผชิญหน้า​กับ​ปรมาจารย์​ผู้​อยู่ยงคงกระพัน​ รอบ​เดียว​พวกเขา​ก็​สลบเหมือด​ ในแง่​การ​ปิดล้อม​แล้ว​ พวกเขา​ล้วน​มีพลัง​พอๆ กัน​ เมื่อ​สละ​ม้า กอง​ทหารม้า​เกราะ​หนัก​นี้​ก็​กลายเป็น​ทหารราบ​เกราะ​หนัก​และ​เกราะ​ของ​พวกเขา​ล้วน​อยู่ยงคงกระพัน​

ปืน​คาบศิลา​หรือ​ลูกธนู​หน้าไม้​ทหาร​ล้วน​ไม่อาจ​เจาะทะลุ​ได้​

คุณสมบัติ​ส่วนบุคคล​ของ​กองทัพ​เต่าดำ​เซวี่ยนหวู่​นั้น​แข็งแกร่ง​มาก​และ​สามารถ​รับ​น้ำหนัก​ชุด​เกราะ​ได้​เต็มที่​

“ไม่เลว​!”

เว่ยเยวียน​แสดงความคิดเห็น​ มอง​ขึ้นไป​ มอง​ไปที่ไหน​สัก​แห่ง​บน​ท้องฟ้า​ อึดใจ​ต่อมา​ แสงสุกใส​พลัน​ปรากฏ​ มองเห็น​เป็น​บุรุษ​อาภรณ์​ขาว​ผู้​มีแขน​เสื้อ​กระพือ​พะเยิบ​ดัง​ติดปีก​

“เว่ยเยวียน!”​

สวี่​ผิง​เฟิงมอง​ลง​ไปบน​กำแพงเมือง​ที่อยู่​ต่ำกว่า​

ทันทีที่​เขา​ปรากฏตัว​ หัวหน้า​ทหาร​อารักขา​บน​กำแพงเมือง​ เป็นต้นว่า​ จางเซิ่น​และ​ห​ลี่​มู่ไป๋ก็​ตึงเครียด​ราวกับ​พวกเขา​กำลัง​เผชิญหน้า​ศัตรู​

นี่​คือ​โหร​ขั้น​สอง​

“ไม่ได้​เจอกัน​ตั้ง​หลาย​ปี แต่​ยัง​ดูเหมือน​เมื่อ​วัน​เก่า​!”

เว่ยเยวียน​ยิ้ม​อย่าง​อ่อนโยน​

เขา​ย่อม​รู้จัก​สวี่​ผิง​เฟิง ทว่า​ก่อนหน้า​นั้น​เขา​เป็น​แค่​ขันที​ที่​ไม่มีผู้ใด​รู้จัก​ ขณะที่​อีก​ฝ่าย​เป็น​ถึงเสนาบดี​ผู้​เรืองอำนาจ​ พรรค​สวี่​ในเวลานั้น​ก็​เป็น​เหมือนกับ​พรรค​เว่ย​ใน​ตอนนี้​

ต่อมา​กว่า​เขา​จะเปิดตัว​และ​เอาชนะ​ปีศาจกับ​เหล่า​คน​เถื่อน​ใน​ชายแดน​ตอนเหนือ​และ​กลายเป็น​มือใหม่​ใน​ราชสำนัก​ พรรค​สวี่​ก็​ตกต่ำ​ลง​แล้ว​

ย้อนกลับ​ไปใน​ตอนนั้น​ จักรพรรดิ​หยวน​จิ่งจำต้อง​สนับสนุน​เว่ยเยวียน​เป็นการ​เฉพาะเจาะจง​เพื่อ​ทดแทน​ตำแหน่ง​ที่ว่าง​ลง​จาก​มรณกรรม​ของ​พรรค​สวี่​

สวี่​ผิง​เฟิงยิ้ม​บาง​ๆ

“ข้า​รู้จัก​ค่าย​กล​ทั้งหมด​ใน​กำแพง​เมืองหลวง​ อย่าง​ช้าที่สุด​ข้า​สามารถ​สลาย​ทั้งหมด​ได้​ภายใน​เวลา​หนึ่ง​เค่อ”​

“แม้ว่า​เจ้าจะฟื้นคืนชีพ​มา แต่​ร่าง​เจ้าก็​ยัง​เป็น​ร่างกาย​ที่​ตาย​ได้​ เจ้ากลัว​ว่า​ข้า​จะสังหาร​เจ้าหรือ​?”

เว่ยเยวียน​เงียบ​ไปครู่หนึ่ง​และ​พูด​ด้วย​อารมณ์​คุกรุ่น​

“ตลอด​ยี่สิบ​ปีที่ผ่านมา​ เจ้าใช้ทุก​วิถีทาง​และ​แอบ​จุดไฟ​เพื่อ​สังหาร​ข้า​ สุดท้าย​เจ้าก็​ก่อ​กบฏ​”

“เจ้ากลัว​ข้า​ขนาด​นั้น​เลย​หรือ​?”

สวี่​ผิง​เฟิงไม่โกรธ​ทว่า​กลับ​พูด​ไปยิ้ม​ไป

“แน่นอน​ ข้า​กลัว​ ใน​เรื่อง​เล่ห์เหลี่ยม​และ​กลยุทธ์​เจ้าเทียบ​ข้า​ไม่ได้​ แต่​เรื่อง​นำ​ทัพ​ออกศึก​ข้า​ทำได้​ไม่ดี​เท่า​เจ้า

“ถ้าเจ้าไม่ตาย​ กองทัพ​อวิ๋น​โจว​ก็​ไม่อาจ​เอาชนะ​ชิงโจว​

“เมื่อก่อน​ ตอนที่​เจ้ามีชื่อเสียง​ ข้า​ตั้งใจ​แน่วแน่​ที่จะ​ถอนตัว​จาก​ราชสำนัก​ ใน​ใจข้า​นึก​เสียดาย​เสมอ​ที่​เจ้ากับ​ข้า​ไม่เคย​แข่งขัน​กัน​ใน​ราชสำนัก​ แต่​ใน​วันนี้​เมื่อ​เจ้ากลับ​ฟื้นคืนชีพ​ เรา​ก็​มาดู​กัน​ดีกว่า​ สะบัด​ข้อมือ​ของ​เรา​ และ​ลืมเลือน​ความปรารถนา​ส่วนตัว​ของ​เรา​ไป

เว่ยเยวียน​มอง​ไปที่​กองทัพ​อวิ๋น​โจว​พลาง​ส่าย​หัว​และ​ถอนหายใจ​

“มัน​จบ​แล้ว​!

“วันนี้​ เป็น​วันที่​สิบ​สามที่​ลั่วอวี้เหิง​หลุดพ้น​จาก​บ่วง​กรรม​ การต่อสู้​ครั้งนี้​สิ้นสุดลง​ ข้า​ฟื้นคืนชีพ​กลับมา​ช้าไป ข้า​ทำได้​แค่​จมอยู่กับ​จุดจบ​เท่านั้น​”

มุมปาก​ของ​สวี่​ผิง​เฟิงกระตุก​

“ข้า​ลืม​บอก​เจ้าไป สงคราม​ที่​ชายแดน​ตอนเหนือ​สิ้นสุดลง​แล้ว​ สวี่​ชีอัน​จะต้อง​ตาย​อย่าง​แน่นอน​ เมืองหลวง​อยู่​ใน​กระเป๋า​ของ​ข้า​แล้ว​”

เว่ยเยวียน​มองออก​ไปจาก​กองทัพ​อวิ๋น​โจว​ มอง​ไปที่​สวี่​ผิง​เฟิงและ​พูด​ทีละ​คำ​

“แต่​เจ้าแพ้​!”

……………………………………….

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท