เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย – บทที่ 566 แบ่งผ้าให้ข้าหน่อย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

บทที่ 566 แบ่งผ้าให้ข้าหน่อย

จีฝูเย่หนีบขาแล้วก้าวไปข้างหน้า “ระวังหน่อย ใครจะไปรู้ว่าข้างในอาจจะมีกับดักอะไรซ่อนอยู่ก็เป็นได้”

ไป๋จิ่นส่งกางเกงให้ฉู่จิ้นเพื่อให้เขาส่องไฟให้ จากนั้นก็เดินเข้าไปตรวจสอบก่อนเป็นคนแรก

“ตรงนี้มีพิษ”

ตรงตำแหน่งที่ห่างจากทุกคนไปหนึ่งจั้งมีการโรยผงพิษเอาไว้จริง ๆ หากมีคนตาบอดขโมยของเหล่านี้ไปโดยที่ไม่ได้ตรวจสอบก่อน เกรงว่าคงไม่สามารถออกจากถ้ำนี้ได้เป็นแน่

ด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ หมาป่าหิมะจึงได้ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม และหมุนตัวอย่างกระวนกระวายมาโดยตลอด ก็เพราะต้องการจะเตือนพวกเขา

ไป๋จิ่นหยิบยาขวดหนึ่งออกมาจากอกเสื้อก่อนจะโยนให้พวกเขา “คนละหนึ่งเม็ดรับรองปลอดภัย”

ทุกคนจึงรีบกลืนเม็ดยาลงไปทันที จากนั้นไป๋จิ่นจึงก้าวไปข้างหน้าแล้วล้วงเอามีดสั้นประจำกายออกมา ก่อนจะแทงลงไปในกระสอบข้าว ทันใดนั้นข้าวสีขาวราวกับหิมะก็ทะลักลงบนชายเสื้อที่เขารองเอาไว้

“ดูเหมือนว่านี่จะเป็นข้าวที่กองทัพซู่โจวซ่อนเอาไว้”

เพราะชาวบ้านทั่วไปไม่สามารถปรุงยาพิษได้ และร้านขายยาก็ไม่มีทางมีของที่ทำร้ายคนเช่นนี้แน่

มีเพียงกองทัพซู่โจวเท่านั้นที่ชอบใช้วิธีการต่ำช้าและมีของเช่นนี้อยู่

นอกจากนี้ บริเวณนี้ยังเป็นสถานที่ที่เกิดสงครามบ่อยครั้ง หมู่บ้านส่วนใหญ่ต่างก็อพยพและย้ายออกไปหมดแล้ว ข้าวสารเหล่านี้ก็ดูไม่เหมือนกับข้าวที่ชาวบ้านจะเอามาซ่อนไว้ได้

ดังนั้นไป๋จิ่นจึงไม่ต้องกังวลอีก หลังจากตรวจสอบดูแล้วว่าหลายกระสอบล้วนเป็นข้าวสาร เขาก็ดีดนิ้วให้พวกเอี๋ยนเฟินฟางแบกไปคนละสามสี่กระสอบ จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอก

คราวนี้ถึงตาเยว่พั่วหลัวต้องถือกางเกงเรืองแสงนำทางอยู่ด้านหน้าแล้ว

“ใช้เสร็จแล้วอีกเดี๋ยวรีบคืนให้ข้าด้วย!” จีฝูเย่ที่อยู่ด้านหลังสุดเอ่ยขึ้นมา แต่เพราะค่อนข้างมืดจึงทำให้เข้าเกือบล้มหน้าคะมำ

เยว่พั่วหลัวกลอกตามองบน “เจ้าคิดว่าข้าอยากได้หรืออย่างไร!?”

ใครเขาจะเอาผ้าประเภทนี้มาทำกางเกงกัน

ไป๋จิ่นกลอกตาไปมา ก่อนจะแอบย่องกลับไปด้านหลัง แล้วคว้าตัวจีฝูเย่ที่กำลังขนกระสอบข้าวไปพลาง และต้องรวบชายเสื้อของตัวเองไปด้วย

“ทำอะไร!”

“ชู่!” ไป๋จิ่นมองไปทางด้านหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ผ้านี้เจ้ายังมีอีกหรือไม่?”

จีฝูเย่ร่ำรวยเงินทอง แน่นอนว่าไม่ขาดเงิน “ข้าสามารถนำมาทำกางเกงใส่ได้ ยังจะขาดผ้าเพียงเท่านี้อีกอย่างนั้นหรือ เจ้าต้องการเท่าใด?”

ไป๋จิ่นถูมือไปมา ก่อนจะทำมือทำไม้เล็ก ๆ “แบ่งให้ข้าเท่านี้ก็พอแล้ว”

จีฝูเย่รู้สึกว่าหน้าตาท่าทางเช่นนี้ของเขาดูเหมือนคนลามกมากจริง ๆ “เท่านี้ทำผ้าคาดอกยังไม่พอเลย เจ้าจะเอาไปทำผ้าเช็ดหน้าหรือ?”

ไป๋จิ่นใบหูแดงก่ำขึ้นมา “อืม เจ้าไม่ต้องสนใจข้าหรอก ข้าอยากเอาไปทำผ้าเช็ดหน้าที่ส่องแสงตอนกลางคืนได้”

จีฝูเย่พูดอย่างรังเกียจ “เจ้ารอได้เลย กลับไปข้าจะให้คนเอาไปให้เจ้า”

ไป๋จิ่นถูมือไปมา “เช่นนั้นข้าจะรอนะ”

คนทั้งกลุ่มเมื่อได้เสบียงมาก็ไม่กล้ารอช้าอีก เพราะกลัวว่ากองทัพซู่โจวจะรู้ตัวเข้า จึงรีบนำของวางบนหลังม้าแล้วดับกองไฟทันที จากนั้นจึงขึ้นหลังม้า มาอย่างไรก็กลับอย่างนั้น

“ช้าก่อน เอากางเกงคืนให้ข้าด้วย!”

จีฝูเย่เห็นเยว่พั่วหลัวขึ้นหลังม้าแล้วยังชูกางเกงอยู่ จึงรีบไปเอาคืนมา

ถ้าเขาไม่พูดเยว่พั่วหลัวก็คงลืมไปแล้ว จึงโยนมันให้เขาไป

จีฝูเย่สวมกางเกงด้วยความโมโห ในที่สุดก็สามารถเดินกางขาอย่างลูกผู้ชายได้แล้ว ไม่ต้องกลัวลมจะพัดจนเย็นก้นอีก ไก่น้อยก็กลับมาห้อยอยู่ตรงกลางแล้ว

เมื่อกลับมาถึงก็ทันมื้อกลางวันพอดี

ทันทีที่จีฝูเย่ลงจากหลังม้า ไป๋จิ่นก็ลอบส่งสัญญาณให้ยิก ๆ

เขาไม่รู้ว่าเจ้าคนผู้นี้จะรีบร้อนไปทำไมกัน!

คิดว่าคนที่รวยล้นฟ้าอย่างเขา พ่อค้าอันดับหนึ่งในใต้หล้าผู้นี้จะขาดแคลนเงินเพียงเท่านี้หรืออย่างไรกัน!

เขาจึงพูดกับซือเยียนที่เข้ามาด้วยความรีบร้อน “ไปเอาผ้าที่ทำจากน้ำตานางเงือกไปส่งให้ไป๋จิ่นหนึ่งพับ”

ซือเยียนตกตะลึง “ทำไมเล่าเจ้าคะ?”

คุณชายสนใจเรื่องผ้าอะไรพวกนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?

“พวกเราไม่ได้ขาดแคลนอะไร ให้เขาไปเถอะ”

ซือเยียนพยักหน้ารับ “ได้เจ้าค่ะ แต่ว่า…”

“มีอะไรอีก?” จีฝูเย่เร่งเดินทางมาทั้งคืน อยากจะหลับเต็มที

“ท่านใส่กางเกงกลับด้านเจ้าค่ะ”

“…”

จี้จือฮวนเพิ่งกินแตงกวาที่สดชื่นไปเล็กน้อย กำลังเตรียมจะไปเดินย่อยอาหาร ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันด้านนอก

เมื่อออกไปกับเผยยวน จึงได้รู้ว่าพวกจีฝูเย่ออกไปล้างแค้นมา ทั้งยังบังเอิญเจอเสบียงที่พวกนั้นซ่อนเอาไว้ในถ้ำ จึงขนมาด้วย

ฮวาหลางพูดขึ้นมา “นี่ไม่แปลกหรอก เมื่อก่อนเวลาพวกเราหาอาหารบนภูเขาหิมะล้วนอาศัยหมาป่าหิมะ ดังนั้นพวกมันจึงเคยชินกับการช่วยคนหาอาหารเมื่อออกไปข้างนอก”

อาเหริ่นพูดขึ้นมา “ในเมื่อในถ้ำนี้มี เช่นนั้นถ้ำอื่น ๆ หรือในป่าก็อาจจะมีของซ่อนอยู่อีกหรือไม่?”

เพราะถูกกองทัพทหารเกราะเหล็กลอบโจมตีหลายครั้งเพียงนั้น ทุกครั้งต่างก็ทำให้พวกเขาเสียหายอย่างหนัก

ตอนนั้นที่พวกเขาลอบโจมตีสือฟาง ก็ทำการระเบิดยุ้งฉางของกองกำลังสือฟางโดยตรง

เป็นไปได้มากที่เนี่ยเทียนโฉวจะรู้เรื่องนี้ จึงได้ย้ายเสบียงมาไว้ใกล้กับค่ายทหาร

“ข้อสงสัยของอาเหริ่นมีเหตุผล กระต่ายเจ้าเล่ห์ต้องมีสามโพรง เสบียงเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าไม่พอให้พวกเขากินได้ถึงสามวัน คาดว่าเสบียงส่วนใหญ่คงถูกแบ่งไปเก็บไว้ที่อื่นแล้วเป็นแน่”

ฮวาหลางพูดขึ้นมา “เช่นนั้นมีอะไรยากกัน ให้หมาป่าหิมะของพวกเราพาพวกเจ้าไปหาสิ!”

อย่างไรเสียกองทัพทหารเกราะเหล็กก็แบ่งออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ คอยก่อกวนกองทัพซู่โจวอยู่แล้ว ไหน ๆ ก็ไปแล้ว ไม่ถลกหนังของพวกเขาออกมาสักชั้นน่าเสียดายจะตายไป

ใช้หมาป่าหิมะที่ผ่านการฝึกฝนและชำนาญในการหาอาหาร ค้นหาเสบียงเหล่านั้นแทนพวกเขา นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว

เมื่อทุกคนคิดได้ดังนั้น จึงวางแผนว่าคืนนี้จะไปสำรวจบริเวณที่ใกล้กับกองทัพซู่โจว

“จะไปก็ได้ แต่ต้องถอดชุดทหารออกก่อน แล้วเปลี่ยนเป็นชุดอื่นแทน”

ทหารในสังกัดหลิ่วเผิงของอู่โจวมักจะสวมชุดทหารสีเหลือง ถึงเวลาก็ไม่จำเป็นต้องทำให้เหมือนมาก ตอนกลางคืนแค่เผยให้เห็นชายเสื้อสีเหลืองเพียงเล็กน้อย เท่านี้ก็เป็นการชักนำภัยพิบัติสู่ฝั่งบูรพา*ได้แล้ว

* ชักนำภัยพิบัติสู่ฝั่งบูรพา (祸水东引) หมายถึง การใช้กลอุบายบางอย่างทำให้คนอื่นได้รับความเสียหายแทนตัวเอง

พูดถึงการใช้กลอุบาย ก็ไม่ได้มีเพียงเนี่ยเทียนโฉวเท่านั้นที่ใช้เป็น!

เหล่าทหารเกราะเหล็กเต็มไปด้วยความฮึกเหิมในทันที พอถึงตอนกลางคืนกองทัพเจิ้นเป่ยก็มารวมตัวด้วย โดยได้เผ่าหมาป่าเป็นผู้นำกลุ่ม โดยกลุ่มเล็ก ๆ แต่ละกลุ่มยังได้พาหมอทหารจากตระกูลหมอเทวดาไปด้วย และมีศิษย์จากสำนักเทพพยากรณ์อีกสองคน ทั้งยังเอารองเท้าที่ใช้เดินบนน้ำแข็งที่จีฝูเย่ปรับปรุงแล้วทั้งหมดไปด้วย

พวกเขาออกเดินทางจากภูเขาหิมะ และเดินไปตามเส้นทางบนภูเขาที่อ้อมซู่โจว ผ่านทุ่งหญ้าของเผ่าเร่ร่อนถูกู่หุน ถึงเวลามู่หรงเจี๋ยก็จะเปิดทางให้พวกเขา พวกเขาก็จะสามารถเข้าสู่ใจกลางของอู่โจวได้อย่างราบรื่นโดยไร้อุปสรรค โจมตีพวกเขาแบบไม่ให้ทันตั้งตัว!

จากนั้นก็ชิงของมา แล้วป้ายความผิดให้ซู่โจว!

ให้หลิ่วเผิงกับเนี่ยเทียนโฉวสู้กัน แย่งเสบียงกันไปมา และพวกเขาก็แค่มองดูสุนัขกัดกัน

เมื่อทั้งสองฝ่ายไม่มีข้าวกิน จะต้องมีสุนัขตัวหนึ่งเป็นผู้ชนะ กัดกันยิ่งแรงยิ่งดี!

ส่วนไป๋จิ่นหลังจากได้น้ำตานางเงือกมาก็มีความสุขอย่างมาก ก่อนจะไปขอเข็มกับด้ายมาจากจี้จือฮวน วุ่นวายอยู่ในกระโจมตัวเองเพียงคนเดียว

ถึงเวลากินข้าวเยว่พั่วหลัวไม่เห็นเขาจึงได้มาตาม ก่อนจะเห็นเขานั่งหันหลังให้นางอยู่ และทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ไม่รู้ว่ากำลังทำเรื่องอะไรไม่ดีอยู่กันแน่

“นี่!” นางตบบ่าของไป๋จิ่น

ไป๋จิ่นยัดของในมือเข้าไปในผ้าห่มด้วยความตกใจ “ทำอะไร ข้าตกใจหมดเลย”

“เจ้าแอบทำเรื่องอะไรไม่ดีลับหลังข้ากันแน่ กลัวอะไร เอาออกมาให้ข้าดูสิ!” เยว่พั่วหลัวพูดเสียงดัง

ตอนนี้ตำแหน่งของนางในบ้านไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

คำพูดที่เจ้าสุนัขผู้นี้เคยพูด เรื่องไม่ดีที่เคยทำในเมื่อก่อน ก็ต้องชดใช้ให้หมด!

ไป๋จิ่นอึกอัก “ไม่มีอะไร”

เห็นเขาทำท่าทางกระมิดกระเมี้ยน เยว่พั่วหลัวก็ยิ่งสงสัยจึงจะเข้าไปดึง “เจ้าจะเอาให้ข้าหรือไม่!?”

“ไม่ให้ ๆ!”

“เอามาให้ข้า!” นางกระชากออกมา

“นี่มันกางเกงในของจีฝูเย่ไม่ใช่หรือ?”

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Status: Ongoing
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคนจี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอแต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!.โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย!.เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน!..ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้..จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท